แค่ “ทราย” กับ “ทะเล” ไม่โรแมนติก ยังชีพไม่ได้
“ทรายกับทะเล” เป็นคำพูดที่ชวนให้นึกถึงภาพบรรยากาศสวยงามโรแมนติก แต่สำหรับคนชุมชนบ้านกลาง ตำบลบางเตย อำเภอเมือง จังหวัดพังงา คือภาพแห่งความทรงจำอันเจ็บปวด เป็นภาพที่คนในชุมชนต้องใช้เวลาเกือบ 20 ปี ลบภาพนั้นทิ้งไป พวกเขาตั้งใจจะไม่ปล่อยให้ภาพนั้นกลับมาเกิดขึ้นอีก ภาพล่าสุดที่ป่าชุมชนบ้านกลางวันนี้ พื้นทรายบริเวณกว้างที่สุดเป็นเพียงลานพักผ่อนริมทะเลขนาดไม่กี่ตารางเมตร สำหรับให้ชาวชุมชนมาทำกิจกรรมหรือพาลูกหลานมาเล่นหรือพักผ่อนชมวิวในยามแดดร่มลมตกหลังว่างจากกิจการงาน ขณะที่พื้นที่ส่วนที่เหลือแปรสภาพกลับมาเป็นป่าชายเลนแนวหนาทึบ จากแผ่นดินยื่นไปในทะเลมากกว่า 300 เมตร รวมพื้นที่กว่า 3,100 ไร่ ทำหน้าที่เป็นแนวชายฝั่งชั้นยอดให้กับชุมชน ทั้งการป้องกันภัยพายุ หรือแม้แต่สึนามิที่อาจจะเกิดขึ้นได้อีก กับการเป็นแหล่งเพาะพันธุ์สัตว์น้ำ แหล่งรายได้ของชุมชนบ้านกลางให้ชุมชน หาเลี้ยงตัวเองได้อย่างอยู่ดีมีสุข ไม่ต้องทิ้งถิ่นไปทำงานรับจ้างให้เกิดภาวะขาดแคลนความอบอุ่นในครอบครัว “อาชีพหลักของคนในหมู่บ้านก็จับปลา หาปู วันหนึ่งออกไปไม่กี่ชั่วโมงกลับมาได้เงินเกือบ 2 พันบาท ไม่ต้องไป ทำงานที่อื่นได้อยู่กันพร้อมหน้าครอบครัว” แม่บ้านวัย 30 ปีรายหนึ่งเล่าด้วยสีหน้าเปี่ยมสุข เธอเล่าว่าสมัยที่เธอยังเด็ก สภาพของชุมชนผิดกับตอนนี้ ไม่มีป่าชายเลน เพราะมีนายทุนเข้ามาทำสัมปทานเหมืองแร่ในพื้นที่ป่าชายเลน มองไปทางไหนมีแต่ ทรายที่ถูกแยกแร่ออกไปแล้วพ่นเป็นกองดำเลอะไปหมด คนในหมู่บ้านก็มีรายได้จากการเป็นลูกจ้างทำงานในเหมืองแร่ บางรายก็ถึงกับเฟื่องฟู รวมทั้งพ่อของเธอ แต่เมื่อเหมืองแร่เก็บของกลับบ้านก็ทิ้งไว้แต่ ทะเลทราย
Read More