วันอาทิตย์, พฤศจิกายน 24, 2024
Home > Life > ดีท็อกซ์บ้านกันดีกว่า

ดีท็อกซ์บ้านกันดีกว่า

 
ในแต่ละสัปดาห์ เราหนีไม่พ้นการดูแลบ้านให้สะอาดปราศจากเชื้อโรคและมีกลิ่นหอมสดชื่น ซึ่งถือเป็นหน้าที่ที่ต้องทำเลยก็ว่าได้ เราทุกคนต่างอยากใช้ห้องน้ำที่สะอาดเอี่ยม มีคนจำนวนไม่น้อยส่งเสริมให้เด็กใช้สบู่หรือน้ำยาล้างมือที่มีตัวยาฆ่าเชื้อโรค แต่คุณเคยตระหนักหรือไม่ว่า มาตรการรักษาความสะอาดในชีวิตประจำวันเหล่านี้ จริงๆ แล้วก่อให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดี
 
“เราถูกล้างสมองให้คิดว่าเชื้อโรคทั้งหมดเป็นอันตราย และต้องใช้สารเคมีแรงๆ เพื่อสร้างบรรยากาศบ้านสะอาดให้ลูกๆ ของเรา “Nicole Bijlsma ผู้เชี่ยวชาญด้านบ้านสะอาดและผู้เขียนหนังสือ  Healthy Home, Healthy Family กล่าว “แต่ความจริงแล้ว ส่วนผสมที่ใช้ในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดทั่วไป ส่วนใหญ่มีศักยภาพในการเป็นสารพิษต่อครอบครัวของคุณมากกว่า”
 
การเดินสำรวจไปตามชั้นวางสินค้าในซูเปอร์มาร์เก็ต เพื่อเลือกผลิตภัณฑ์ที่ “ปลอดภัย” มาใช้จึงไม่ใช่เรื่องง่าย ต่อไปนี้เป็นคำแนะนำเบื้องต้นที่เป็นประโยชน์ไม่น้อย
 
ผลิตภัณฑ์สารฟอกขาว
Bijlsma อธิบายว่า หนึ่งในความเข้าใจผิดร้ายแรงที่สุดอย่างหนึ่งเกี่ยวกับการทำความสะอาดบ้าน คือ บ้านสะอาดก็ต่อเมื่อมีกลิ่นสะอาดของสารฟอกขาวแล้วเท่านั้น “ผลิตภัณฑ์สารฟอกขาวมีความเป็นพิษสูง และสามารถทำให้ปอดและผิวหนังระคายเคืองได้”
 
Dr.Jennifer Kent แห่ง Sydney’s Green Living Centre กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์สารฟอกขาวเป็นผลิตภัณฑ์ที่คนจำนวนมากคิดว่าขาดไม่ได้ “ถ้านำไปผสมกับน้ำยาทำความสะอาดที่มีความเป็นกรด ผลิตภัณฑ์สารฟอกขาวจะปล่อยแก๊สคลอรีนที่เป็นสารพิษออกมา”
 
ถ้าในส่วนผสมมี sodium hypochlorite รวมอยู่ด้วย ให้โยนทิ้งได้เลย แล้วหาซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ decyl glucoside หรือ lauryl glucoside ซึ่งผลิตจากน้ำตาลข้าวโพดและน้ำมันมะพร้าวแทน
 
ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดมือ
แน่นอนว่าการล้างมือเป็นหนึ่งในวิธีที่ง่ายที่สุดในการทำให้คุณมั่นใจว่า คุณจะมีสุขภาพดี แต่ Bijlsma เตือนว่า การใช้สบู่ฆ่าเชื้อโรคหรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดมือ เช่น เจลล้างมือเป็นประจำ อาจส่งผลในทางตรงข้ามได้
 
“เป็นที่รู้กันว่า triclosan ซึ่งเป็นส่วนผสมทั่วไปในสบู่ฆ่าเชื้อโรคนั้น เป็นสารรบกวนการทำงานของต่อมไร้ท่อ (endocrine – disrupter) ซึ่งหมายความว่า สารนี้สามารถส่งผลเสียต่อฮอร์โมนของคุณ และอาจทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับต่อมไทรอยด์ได้”
 
Dr.Kent กล่าวเสริมว่า ในกรณีส่วนใหญ่ การล้างมือด้วยสบู่ธรรมดากับน้ำเปล่าก็เพียงพอแล้ว
 
พลาสติก
พลาสติกมีอยู่ทุกหนแห่งในห้องครัว แต่ผลการศึกษาจำนวนมากเปิดเผยว่า พลาสติกบางประเภทเป็นอันตรายร้ายแรงมาก 
 
Bijlsma กล่าวว่า “พีวีซี, โพลีคาร์บอเนต และโพลีสไตรีน มีสารเคมีประเภท DEHP, bisphenol – A (BPA) และ nonylphenol ตามลำดับ ซึ่งจัดเป็น xeno – oestrogens หรือสารที่มีความสามารถในการแสดงพฤติกรรมเลียนแบบฮอร์โมนเอสโตรเจน ซึ่งส่งผลกระทบต่อระบบสืบพันธุ์ได้ มีหลักฐานมากมายยืนยันว่า สารเหล่านี้อาจเป็นสาเหตุให้เกิดภาวะเริ่มเจริญพันธุ์ก่อนวัย (early puberty) และทำให้อัตราการเป็นมะเร็งอัณฑะและมะเร็งเต้านมสูงขึ้น”
 
ทว่า ก่อนที่คุณจะกวาดอุปกรณ์ในครัวที่เป็นผลิตภัณฑ์พลาสติกทิ้งถังขยะ Bijlsma บอกว่า ยังมีพลาสติกบางประเภทที่เป็นที่ยอมรับ ให้มองหาตัวเลขการนำกลับมาใช้ใหม่ที่กำกับอยู่ด้านล่างของภาชนะพลาสติก “พลาสติกที่มีความปลอดภัยรวมถึง high – และ low – density polyethylene (หมายเลขสองและสี่ตามลำดับ) และ polypropylene (หมายเลขห้า)”
 
ถ้ายังไม่แน่ใจ Bijlsma แนะนำให้ใช้ภาชนะทำด้วยแก้ว กระเบื้อง หรือสเตนเลส แทน 
 
เทียนหอม
ปกติแล้วน้ำหอมปรับอากาศที่มีส่วนผสมของน้ำหอมสังเคราะห์ จัดเป็นสารเคมีต้องห้ามที่ไม่ควรนำมาใช้ในบ้าน แต่ถ้าคุณเป็นแฟนพันธุ์แท้ของเทียนหอม อาจมีข้อพิจารณาได้บ้าง
 
“ให้ซื้อเทียนหอมที่ทำจากขี้ผึ้งของสัตว์หรือพืชหรือถั่วเหลืองแทนขี้ผึ้งจากพาราฟินซึ่งสกัดจากปิโตรเลียม” Dr.Kent แนะนำ “จากนั้นเลือกผลิตภัณฑ์ที่ใช้น้ำหอมจากธรรมชาติ เช่น น้ำมันหอมระเหยแทนน้ำหอมสังเคราะห์ เพราะน้ำมันสังเคราะห์อาจมีสารเคมีที่ทำให้บางคนเกิดอาการระคายเคืองเมื่อสูดดมเข้าไป”
 
น้ำยาทำความสะอาดตู้ในครัว
เมื่อมีโอกาสไปซื้อของที่ซูเปอร์มาร์เก็ต แนะนำให้หาซื้อน้ำยาที่ปลอดภัยสำหรับทำความสะอาดตู้ติดบ้านไว้ด้วย
 
เมื่อผสมสบู่น้ำมันมะกอกซึ่งเป็นสบู่กรดอย่างดี (castile soap) 2 ช้อนชากับโซเดียมไบคาร์บอเนต (เบกกิ้งโซดา) จนมีลักษณะข้นเหนียวแล้ว สามารถนำมาใช้ทำความสะอาดห้องน้ำและห้องครัวได้ เพราะไบคาร์บอเนตเป็นกรดที่ถูกทำให้เป็นกลาง ในระหว่างการทำความสะอาดขัดถู ส่วนผสมดังกล่าวจะปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์และน้ำออกมา ซึ่งมีคุณสมบัติในการแทรกซึมเข้าขจัดคราบหรือไขมันได้ดีเยี่ยม
 
ถ้ามีปัญหาเชื้อรา ให้ใช้น้ำส้มสายชู 4 ส่วนผสมกับน้ำ 1 ส่วน แล้วเทใส่ขวดสเปรย์ น้ำส้มสายชูเป็นกรดอ่อน ๆ และมีคุณสมบัติขจัดคราบสกปรก เหมาะสำหรับงานซักล้าง หากต้องการขจัดคราบสกปรกที่ติดแน่นบนเสื้อผ้า ให้แช่เสื้อผ้าในน้ำเย็นที่ผสมกับน้ำส้มสายชูหนึ่งในสี่ถ้วย นาน 20 นาที  แล้วจึงนำไปซักตามปกติ
 
Dr.Kent เตือนความจำว่า “อย่าลืมน้ำก๊อกธรรมดาๆ ที่ได้ชื่อว่า เป็นหนึ่งในสารสำหรับทำความสะอาดที่ดีที่สุด และมีอยู่มากมายหาได้ง่าย น้ำเป็นตัวทำละลายอย่างอ่อน จึงเหมาะกับงานซักล้างเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อใช้ร่วมกับการออกแรงขัดถูของคุณเอง”
 
น้ำมันหอมระเหย
นอกจากช่วยเยียวยาฟื้นฟูสุขภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพ น้ำมันจากยูคาลิปตัสและลาเวนเดอร์ยังมีคุณสมบัติเป็นสารสำหรับทำความสะอาดด้วย ให้ผสมน้ำส้มสายชูหนึ่งถ้วยกับน้ำมันยูคาลิปตัสเพียง 5 มิลลิลิตร และน้ำร้อนอีกหนึ่งถัง จะได้น้ำยาทำความสะอาดพื้นที่ทำด้วยไม้ หิน กระเบื้อง และ/หรือคอนกรีตที่วิเศษสุด
 
เมื่อผสมน้ำมันยูคาลิปตัส 50 มิลลิลิตรกับน้ำหนึ่งลิตร จะได้น้ำยาฆ่าเชื้อโรคในห้องน้ำ
 
Shannon Lush ผู้เชี่ยวชาญด้านการทำความสะอาดเป็นแฟนพันธุ์แท้ของน้ำมันลาเวนเดอร์ด้วย “เมื่อผสมน้ำมันลาเวนเดอร์กับน้ำ จะกลายเป็นน้ำยาทำความสะอาดและน้ำยาดับกลิ่นอย่างอ่อน โดยผสมน้ำมันลาเวนเดอร์หนึ่งช้อนชากับน้ำหนึ่งลิตร จะได้น้ำยาขจัดคราบสกปรกบนผนังและน้ำยาทำความสะอาดทั่วไปที่ดีเยี่ยม ทั้งยังเป็นน้ำหอมปรับอากาศและน้ำยาไล่แมลงที่ดีด้วย”
 
 
ที่มา: นิตยสาร GoodHealth 
Column: Well – Being
เรียบเรียง: ดรุณี แซ่ลิ่ว