การเปิดตัวอาณาจักร ที77 สุขุมวิท 77 ทั้งโครงการเต็มเนื้อที่ 50 ไร่ของยักษ์ใหญ่อสังหาริมทรัพย์ “แสนสิริ” นอกจากประกาศรุกธุรกิจรีเทลมอลล์ “ฮาบิโตะ” สาขาแรกแล้ว ยังแจ้งเกิดโมเดลธุรกิจใหม่ที่รอต่อยอดสู่ทำเลอื่นๆ ภายใต้ยุทธศาสตร์การสร้าง “HUB” พลิกที่ดินแหล่งชุมชน กลายเป็นทำเลทองระดับพรีเมียม หลังจากนำร่องเปิดขายโครงการแรกเมื่อ 8 ปีก่อน
ณ วันนี้ สำรวจราคาขายคอนโดมิเนียมใน ที77 พุ่งพรวดมากกว่า 25% แตะ ตร.ม. ละ 100,000-110,000 บาท และขายเกลี้ยงหมดทุกโครงการ โดยล่าสุดเปิดขายโครงการสุดท้าย คอนโดมิเนียม “โมริ เฮาส์” จำนวน 262 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,800 ล้านบาท เมื่อวันที่ 6 สิงหาคมที่ผ่านมา ราคาเริ่มต้นยูนิตละ 4 ล้านบาท สามารถทำยอดขายเกินเป้าหมายและมียอดขายจากลูกค้าในญี่ปุ่น ฮ่องกง รวมถึงสิงคโปร์เข้ามาแล้วกว่า 700 ล้านบาท คิดเป็น 95% ของโควตาที่ต่างชาติสามารถซื้อได้
อุทัย อุทัยแสงสุข รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานพัฒนาธุรกิจและพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า อาณาจักรที77 หากนับเฉพาะโครงการที่อยู่อาศัยมีพื้นที่รวมประมาณ 30 ไร่ ประกอบด้วยคอนโดมิเนียม 6 โครงการและทาวน์เฮาส์ 1 โครงการ ซึ่งแสนสิริเปิดขายโครงการแรกเมื่อปี 2552 คือ บลอคส์ สุขุมวิท 77 มูลค่าโครงการ 1,600 ล้านบาท จำนวน 467 ยูนิต ปัจจุบันปิดการขายและราคารีเซลล์สูงถึง 100,000 บาทต่อ ตร.ม. จากราคาขาย 79,500 บาทต่อ ตร.ม.
ปี 2553 เปิดขายโครงการ เดอะ เบส สุขุมวิท 77 มูลค่ารวม 2,500 ล้านบาท ราคารีเซลล์เพิ่มขึ้นเป็น 95,000 บาทต่อ ตร.ม. จากราคาขาย 60,000 บาทต่อ ตร.ม.
อีก 2 ปีต่อมา ทยอยเปิดขายโครงการเดอะ เบส พาร์คเวสต์ มูลค่า 1,800 ล้านบาท โดยเป็นโครงการที่มีราคารีเซลล์ทะลุหลักแสน คือสูงถึง 102,500 บาทต่อ ตร.ม. จากราคาขายเดิมอยู่ที่ 79,000 บาทต่อ ตร.ม. และเดอะ เบส พาร์ค อีสต์ มูลค่าโครงการ 1,300 ล้านบาท ราคารีเซลล์สูงถึง 111,650 บาทต่อ ตร.ม. จากราคาขาย 82,000 บาทต่อ ตร.ม. รวมทั้งเปิดขายโครงการทาวน์เฮาส์การ์เด้น สแควร์ ซึ่งถือเป็นทาวน์เฮาส์ใจกลางเมืองมากที่สุดของแสนสิริ
กระทั่งปลายปี 2557 เผยโฉมโครงการฮาสุ เฮาส์ มูลค่า 1,300 ล้านบาท เปิดขายในราคาเฉลี่ย ตร.ม. ละ 95,000 บาท ล่าสุดราคารีเซลล์สูงถึง 112,000 บาทต่อ ตร.ม. ก่อนมาปิดท้ายโครงการ “โมริเฮาส์” เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา และคาดว่าราคารีเซลส์จะพุ่งพรวดไม่แตกต่างกัน
อุทัยกล่าวว่า ลูกค้าใน ที77 เป็นชาวต่างชาติมากกว่า 40% อย่างฮาสุเฮาส์ มีลูกค้าต่างชาติที่ซื้อสูงสุด 3 อันดับ คือ ชาวฮ่องกง จำนวน 18% ของมูลค่าโครงการ ชาวอังกฤษ 7% หรือและชาวสิงคโปร์รวมกับมาเลเซียอีก 5% ซึ่งกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่เป็นเรียลดีมานด์ ซื้อเพื่ออยู่เอง เนื่องจากทำเล ที77อยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าและทางด่วน
มีโครงการอพาร์ตเมนต์ระดับพรีเมียม ซึ่งแสนสิริจับมือกับบริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) มีแคมปัสใหม่ในระดับชั้นมัธยมศึกษาของโรงเรียนนานาชาติบางกอกเพรพที่จะเปิดโรงเรียนสาขาที่ 2 ในช่วงปลายปี 2560 และมีคอมมูนิตี้มอลล์ “ฮาบิโตะ” ซึ่งถือเป็นรีเทลมอลล์แห่งแรกของแสนสิริ
ส่วนลูกค้ากลุ่มนักลงทุน เปรียบเทียบโครงการ ซึ่งอยู่ใกล้ทำเลสุขุมวิทตอนกลางอย่างเอกมัย ทองหล่อ และพร้อมพงษ์มากที่สุด ผลวิจัยพบว่ามีความต้องการสูง โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติ ผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าสูงถึง 5-7% ต่อปี แต่ใช้เงินลงทุนในการซื้อคอนโดมิเนียมต่ำกว่าคอนโดมิเนียมในโซนเอกมัย ทองหล่อ และกรุงเทพฯ ชั้นใน 30-70%
อันที่จริงต้องถือเป็นยุทธศาสตร์ของแสนสิริในการบุกเบิกทำเลและพยายามเก็บที่ดินผืนใหญ่ เพื่อสร้าง “ฮับ” หรือ “เมือง” เป็นชุมชนขนาดใหญ่ก่อนเติมเต็มองค์ประกอบต่างๆ ต่อยอดธุรกิจ ซึ่งบริษัทเริ่มต้นมากกว่า 10 ปี
ไม่ว่าจะเป็นการขยายอาณาจักรย่านรามอินทรา เนื้อที่มากกว่า 700 ไร่ พัฒนาโครงการบ้านยึดฐานลูกค้าอย่างเหนียวแน่นและแตกไลน์ธุรกิจ ทั้งธุรกิจสนามกอล์ฟ และธุรกิจการศึกษา เปิด “โรงเรียนสาธิตพัฒนา” ซึ่งปัจจุบันถือเป็นโรงเรียนสาธิตเอกชนที่ได้รับการยอมรับในตลาดการศึกษา โดยเฉพาะแนวคิดเรื่องการสร้างโรงเรียนที่ดีที่สุดให้เด็กด้วยระบบการเรียนการสอนแบบเดียวกับโรงเรียนสาธิตในสังกัดมหาวิทยาลัยรัฐ และมีแนวคิดต้องการขยายโรงเรียนแห่งใหม่ด้วย
ปีที่ผ่านมา แสนสิริยังเริ่มต้นรุกธุรกิจบ้านเดี่ยวครั้งใหญ่โดยบุกเบิกพัฒนาที่ดินย่านกรุงเทพกรีฑาร่วม 320 ไร่ ซึ่งซื้อจากกลุ่มบางกอกแลนด์ และเป็นแปลงที่ดินที่อยู่ติดกับโครงการถนนตัดใหม่ “ศรีนครินทร์-ร่มเกล้า” 6 ช่องการจราจร ระยะทาง 16 กิโลเมตร เพื่อเจาะตลาดโซนตะวันออกของกรุงเทพฯ
ประเมินกันว่า หากเปิดใช้เส้นทางถนนตัดใหม่เชื่อมต่อทั้งจากถนนรามอินทรา ถนนเกษตรฯ-นวมินทร์ ถนนรามคำแหง ถนนศรีนครินทร์ ถนนบางนา-ตราด ราคาที่ดินย่านดังกล่าวจะถีบตัวสูงขึ้น จากที่ตาบอดราคาไม่ถึง 10,000 บาทต่อตารางวา อาจพุ่งพรวดเกือบแสนบาทต่อตารางวา
ล่าสุด เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา อนันต์ กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการบริษัท บางกอกแลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BLAND ออกมายอมรับว่า บริษัทได้ทำสัญญาซื้อขายที่ดินทั้งหมดในย่านศรีนครินทร์ 1,200 ไร่ มูลค่ารวมกว่า 15,000 ล้านบาท เพื่อนำรายได้มาใช้พัฒนาพื้นที่ในเมืองทองธานี แจ้งวัฒนะ โดยมีรายงานว่า ผู้ซื้อที่ดินย่านศรีนครินทร์ เป็นดีเวลอปเปอร์รายใหญ่ เช่น บมจ.สิงห์ เอสเตท 700 ไร่ บมจ.แสนสิริ 300 ไร่ และธุรกิจโรงเรียนนานาชาติแห่งหนึ่ง 50 ไร่ ซึ่งหมายถึงโครงการพัฒนาของบริษัทยักษ์ใหญ่จะเกิดขึ้นอีกหลายแห่ง
ที่สำคัญ สถานการณ์ทั้งหมดสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของแสนสิริ ทั้งโครงการที่อยู่อาศัยและโรงเรียนนานาชาติ ซึ่งไม่ใช่เรื่องยากสำหรับการต่อจิ๊กซอว์รีเทลมอลล์ เช่นเดียวกับ “ฮาบิโตะ” ใน T77
“บริษัทมีแผนขยายธุรกิจรีเทลมอลล์ ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบด้านทำเล มีจำนวนประชากรในพื้นที่ประมาณ 5,000 ครอบครัว เป็นที่ดินติดถนนใหญ่ เนื้อที่ไม่ต่ำกว่า 4 ไร่ ภายในชุมชนต้องมีหมู่บ้านไม่ต่ำกว่า 200 ครอบครัว และไม่มีคอมมูนิตี้รีเทลเปิดให้บริการในรัศมี 3 กิโลเมตร เพราะธุรกิจรีเทลเป็นตัวเสริมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้ เป็นจุดแข็งอีกตัวของโครงการ ไม่ใช่เฉพาะคอนโดมิเนียมแต่รวมถึงโครงการบ้านเดี่ยวด้วย” อุทัยกล่าว
จากหมุดตัวแรก “รามอินทรา” สู่ “T77” แผนสร้างเมือง “Sansiri Hub” กำลังเห็นผลชัดเจนยิ่งขึ้น