“สินทรัพย์ประกันภัย” โชว์วิสัยทัศน์ปี’59 เน้นปรับปรุงองค์กรให้กระชับ จัดการบริหารต้นทุนลดค่าใช้จ่าย ตัดพอร์ตแท็กซี่ทิ้งเหตุเคลมสูง ลดขาดทุน วางเป้าไว้ใกล้เคียงกับปี’58 ที่ 980 ล้านบาท คาดครึ่งปีหลังผลประกอบการจะดีขึ้น
ดร.สมนึก สงวนสิน ประธานกรรมการบริหาร บมจ. สินทรัพย์ประกันภัย เปิดเผยว่า “ในปี 2559 บริษัทมีการปรับปรุงและบริหารจัดการองค์กร โดยเฉพาะการบริหารต้นทุนและลดค่าใช้จ่าย ทั้งนี้ บริษัทมองว่าหากบริหารจัดการในส่วนของต้นทุนบริหารได้ จะทำให้บริษัทมีผลการดำเนินงานที่เป็นบวกมากยิ่งขึ้น ซึ่งบริษัทได้ปรับลดเป้ายอดขายในปีนี้ลงมาเหลือใกล้เคียงกับปี 2558 คือประมาณ 980 ล้านบาท หรืออาจเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 5% จากแผนเดิมที่เคยตั้งเป้าไว้ประมาณ 1,200 ล้านบาท”
“เราเน้นเรื่องคุณภาพและผลิตภัณฑ์ ไม่แข่งเรื่องราคา เพราะประกันภัยมีการแข่งขันราคาสูงมาก มีการตัดราคากันจนสมาคมประกันวินาศภัยไทยได้มีการนัดพูดคุยหารือกับผู้บริหารของบริษัทประกันต่างๆ เร็วๆนี้ เพื่อมิให้มีการแข่งขันตัดราคากันจนทำให้ราคาในตลาดลดลงต่ำไปกว่านี้”
อย่างไรก็ดี ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ฐานลูกค้าหลักของบริษัทคือกลุ่มรถแท็กซี่ ซึ่งเริ่มมีอัตราความเสียหายต่อเบี้ยประกันภัยเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 89-110% จากเดิมที่ในช่วง 3 ปีแรกที่เริ่มทำตลาดนั้นอยู่ที่ระดับ 58% จนต้องมีการปรับเบี้ยประกันเพิ่ม25% เพื่อไม่ให้บริษัทต้องขาดทุนเพิ่มขึ้น
ซึ่งในส่วนของงานรับประกันภัยรถแท็กซี่ส่วนใหญ่จะเป็นการรับประกันภัยประเภทชั้นสาม โดยบริษัทมุ่งเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าสหกรณ์และกลุ่มแท็กซี่บุคคล รวมถึงโบรกเกอร์และตัวแทน
“ลูกค้าแท็กซี่ส่วนใหญ่ทำประกันภัยประเภทชั้น 3 และมีเบี้ยรวมกันอยู่ที่ประมาณ 200 ล้านบาท/ปี แต่เมื่อสถิติการเคลมไม่ดี มีสินไหมสูง ขาดทุนเดือนละ 2 ล้านบาท เมื่อถึงเวลาต่ออายุประกันก็ต้องเพิ่มเบี้ยอีก 2 พันบาท จากเดิมทำไว้ที่ 8 พันบาท ก็เพิ่มเป็น 1 หมื่นบาทเพื่อให้สอดคล้องกับความเสี่ยงที่สูงขึ้นและดึงตัวเลขค่าเคลมให้ลดลงมา จึงทำให้ลูกค้าแท็กซี่ที่เคยทำประกันกับเราหันไปทำกับบริษัทอื่นที่ถูกกว่าแทน” ดร. สมนึกกล่าว
ดร.สมนึกกล่าวถึงอัตราความเสียหายต่อเบี้ยประกันภัยของบริษัทฯ ต่ออีกว่า ไม่แตกต่างไปจากบริษัทอื่นแต่อย่างใดและอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานของอุตสาหกรรมประกันภัยบ้านเรา เพราะเป็นบริษัทขนาดกลางที่เน้นในเรื่องการดูแลลูกค้าและการบริการ ซึ่งคาดว่าในครึ่งปีหลังนี้ผลประกอบการของบริษัทน่าจะราบรื่นและดีขึ้นตามลำดับ หลังจากที่ลดการรับประกันภัยแท็กซี่ลง
ทั้งนี้ต้องดูว่างานประกันภัยแต่ละงานที่รับงานเข้ามานั้นมันขาดทุนหรือไม่ เพราะในแวดวงของผู้ประกอบการนั้นไม่มีการได้เปรียบหรือเสียเปรียบกันเท่าใดอย่าง พีเอ หรือรถยนต์ เราไม่ดันทุรังที่จะเก็บพอร์ตที่ไม่ดีไว้ มันไม่มีประโยชน์
“ประกันภัยทุกวันนี้สู้กันด้วยOE หรือ Operating Expense ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน การจัดการองค์กรที่เหมาะสม นำเทคโนโลยี หรือ ITเข้ามาเสริม คนของเราก็ไม่มากและไม่ทำให้เราเดือดร้อนบวกลบปีหนึ่ง ถ้าลบก็ไม่เกิน 10-20 ล้านบาท หรือถ้าบวกก็ประมาณ 30-40 ล้านบาท ผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่เราแข่งขันได้ เราพยายามทำองค์กรของเราให้กระชับ” ดร.สมนึกกล่าว
ปัจจุบันบริษัทสินทรัพย์ ประกันภัย จำกัด (มหาชน) มีพอร์ตการรับประกันภัย โดยแบ่งสัดส่วนเป็นพอร์ตรถยนต์ 85% และ 15% เป็นงานนอนมอเตอร์และเบ็ดเตล็ด
ดร.สมนึกได้กล่าวในตอนท้ายว่า บริษัทได้ร่วมมือกับ บริษัทไรเดอร์ อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ จำกัด และ สปีด แชลแนล ดำเนินโครงการ พ.ร.บ. อิ่มใจ โดยจำหน่ายประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับจำนวน 1 แสนกรมธรรม์ภายในระยะเวลา 6 เดือน โดย 1 กรมธรรม์บริษัทจะสบทบทุน 100 บาท เพื่อร่วมสร้างอาคารนวมินทรบพิตร 84 พรรษา โรงพยาบาลศิริราช ซี่งจะสร้างเสร็จในปี 2562 โดยจะเริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. นี้เป็นต้นไป