วันศุกร์, มกราคม 17, 2025
Home > Cover Story > URBAN REVIVO แท็กทีม BENLAI เมื่อแบรนด์แฟชั่นยักษ์ใหญ่จากจีนบุกไทย

URBAN REVIVO แท็กทีม BENLAI เมื่อแบรนด์แฟชั่นยักษ์ใหญ่จากจีนบุกไทย

หลังส่งแบรนด์ฟาสต์แฟชั่น อย่าง “URBAN REVIVO” ที่ได้ชื่อว่า ZARA แห่งเมืองจีนมาบุกตลาดไทยเมื่อ 6 ปีก่อน ล่าสุดบริษัทแม่อย่าง Fashion Momentum Group (FMG) ยักษ์ใหญ่ธุรกิจแฟชั่นจากเมืองจีน เดินเกมรุกอีกครั้ง ด้วยการส่ง BENLAI แบรนด์น้องใหม่ในค่ายเดียวกันมาเปิดตลาดในเมืองไทย

ปัจจุบันสินค้าจากสาธารณรัฐประชาชนจีนหลากหลายประเภทต่างทะลักเข้ามาในเมืองไทยไม่น้อยเลยทีเดียว ทั้งในร้านค้าออนไลน์และออฟไลน์ รวมถึงแบรนด์สินค้าต่างๆ ที่ปักหมุดเข้ามาเปิดสาขาในไทยกันอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นร้านขายของเล่นสะสมชื่อดังอย่าง POP MART ที่กำลังได้รับความนิยมและขยายสาขาในไทยอย่างรวดเร็ว, MIXUE (มี่เสวี่ย) ร้านไอศกรีมและชานม, “CHAGEE” (ชาจี) แบรนด์ชาพรีเมียมต้นตำรับจากยูนนาน, Xiaomi สินค้าไอทียอดฮิต, MINISO ร้านขายสินค้าไลฟ์สไตล์สัญชาติจีนที่ดังไกลไปทั่วโลก, ANTA (อันท่า) แบรนด์เสื้อผ้าและอุปกรณ์กีฬายักษ์ใหญ่ของจีน รวมถึงแบรนด์รถอีวีที่พาเหรดกันเข้ามาไม่ขาดสาย และที่น่าสนใจคือการเข้ามาของแบรนด์แฟชั่นยักษ์ใหญ่ภายใต้กลุ่มธุรกิจสินค้าแฟชั่นระดับโลกสัญชาติจีนอย่าง “Fashion Momentum Group” หรือ “FMG” ที่ส่ง 2 แบรนด์แฟชั่นในเครือเข้ามาบุกไทย

Fashion Momentum Group (FMG) ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2549 ในฐานะกลุ่มธุรกิจสินค้าแฟชั่น ที่มีเป้าหมายใหญ่สู่การเป็นกลุ่มธุรกิจฟาสต์แฟชั่นที่มีอิทธิพลมากที่สุดในโลก โดยมีการเปิดตัวแบรนด์ URBAN REVIVO (UR) หรือ เออร์เบิน รีวิโว่ ขึ้นเป็นแบรนด์แรกในปีเดียวกัน วางโพสิชั่นเป็นแบรนด์ฟาสต์แฟชั่น (Fast Fashion) ระดับพรีเมียม ในราคาที่จับต้องได้ โดยสาขาแรกอยู่ที่เมืองกว่างโจว

URBAN REVIVO กับฉายา ZARA แห่งแดนมังกร

ด้วยดีไซน์ระดับพรีเมียมของตัวสินค้า ความหลากหลาย ระดับราคา รูปแบบการจัดวางในร้าน ทำให้ใครๆ ต่างยกให้ URBAN REVIVO เป็น ZARA แห่งเมืองจีน บวกกับการสร้างความแปลกใหม่ที่แตกต่างจากแบรนด์อื่นในท้องตลาด และทำลายกรอบเดิมๆ ของแฟชั่นในจีนทำให้  URBAN REVIVO เติบโตอย่างต่อเนื่อง จากสาขาแรกในเมืองกว่างโจว URBAN REVIVO ขยายสาขาไปอย่างรวดเร็ว โดยปัจจุบันมีสาขากว่า 400 แห่งทั่วโลก ทั้งในประเทศจีน สิงคโปร์ มาเลเซีย ไทย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม โดยส่วนใหญ่อยู่ในประเทศจีน นอกจากนี้ ยังมีเครือข่ายออนไลน์ที่ครอบคลุมในทวีปยุโรป และอเมริกาเหนือ

“สโลแกนของ FMG คือการทำให้โลกของเรามีความเป็นแฟชั่นมากขึ้น URBAN REVIVO เป็นฟาสต์แฟชั่นแบรนด์แรกของจีน แม้จะมีความท้าทายแต่เราก็กล้าจะที่เปิดตัว ซึ่งต้องต่อสู้กับแบรนด์จากยุโรปมานานถึง 18 ปี จนวันนี้สามารถขึ้นเป็นผู้นำแบรนด์แฟชั่นในจีนได้สำเร็จ เพราะในยุคนั้นแบรนด์แฟชั่นจีนส่วนใหญ่จะแยกเป็นเสื้อผ้าของผู้ชายและผู้หญิงโดยเฉพาะ แต่ URBAN REVIVO มีทั้งแฟชั่นของผู้หญิงและผู้ชายรวมกัน เป็นการสร้างความแตกต่างและถือเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งเราตั้งเป้าในการขยายไปทั่วโลก จึงมีการออกแบบโลโก้และร้านให้มีความเป็นสากล ทำให้หลายคนมักคิดว่า URBAN REVIVO เป็นแบรนด์จากยุโรป ซึ่งนั่นเป็นความตั้งใจของเรา ปัจจุบัน URBAN REVIVO มีกว่า 400 สาขาทั่วโลก” ลีโอ หลี่ ประธานกลุ่มและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร FMG เปิดเผย

หลังจากสร้างแบรนด์ URBAN REVIVO จนประสบความสำเร็จทั้งในจีนและต่างประเทศ และสร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่องทางออนไลน์มานานกว่า 16 ปี บริษัทแม่อย่าง FMG ได้สร้างแรงกระเพื่อมให้กับอุตสาหกรรมแฟชั่นในจีนอีกครั้ง ด้วยการเปิดตัวแบรนด์น้องใหม่ “BENLAI” (เปิ่นไหล) ขึ้นในปี พ.ศ. 2565 พร้อมตั้งเป้าให้เป็นแบรนด์ที่สร้าง New S-Curve ให้กับ FMG

ในขณะที่ URBAN REVIVO เป็นการนำจุดเด่นของฟาสต์แฟชั่นมาผสานกับคุณภาพแบบแบรนด์ลักชัวรี โดยเน้นจุดขายความเป็นออริจินัล ดีไซน์ สไตล์ที่หลากหลาย และความทันสมัย ส่วน “BENLAI” เป็นเครื่องแต่งกายสไตล์ลำลอง ที่ผสมระหว่างเสื้อผ้ากีฬาและเสื้อผ้าแบบแคชชวล เหมาะสำหรับกิจกรรมกลางแจ้งที่เน้นความเบาสบาย เป็นเสื้อผ้าแนวมินิมอล ที่สีและดีไซน์ไม่ฉูดฉาดมากนัก มีจุดเด่นคือ “เนื้อผ้าไฮเทค” ที่ FMG พัฒนาขึ้นเอง มีไลน์อัปสินค้าหลากหลายทั้งในชีวิตประจำวัน การทำงาน พักผ่อน ไปจนถึงชุดออกกำลังกาย

ถ้า URBAN REVIVO ทำให้ใครหลายคนนึกถึง ZARA แล้วล่ะก็ รูปแบบสินค้าและการจัดวางภายในร้านของ BENLAI ก็อาจทำให้คนจำนวนไม่น้อยนึกถึงแบรนด์ Uniqlo ได้เช่นกัน แต่ ลีโอ หลี่ เน้นย้ำว่ามันต่างกัน

“BENLAI เป็น Different Story, Different Market และถือเป็นการปฏิวัติเครื่องแต่งกาย ไม่ใช่แบรนด์เสื้อผ้ากีฬาแบบ 100% แต่อยู่ตรงกลางระหว่างเสื้อผ้ากีฬาและเสื้อผ้าแคชชวล สำหรับยูนิโคล่เราไม่ได้มองว่าเป็นคู่แข่ง เพราะใช้เนื้อผ้าที่ต่างกัน BENLAI ใช้เนื้อผ้าไฮเทคที่ FMG พัฒนาขึ้นมาเองบนแนวคิดที่ว่าเสื้อผ้าเปรียบเสมือนผิวหนัง เป็นการสร้างจุดเด่น ที่สำคัญยังเป็นแบรนด์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพราะเราต้องการให้ BENLAI เป็น Global Fashion ที่จะเป็น New S-Curve ของ FMG ต่อไปในอนาคต”

ส่ง URBAN REVIVO มากรุยทางในเมืองไทย

หลังประสบความสำเร็จในประเทศจีน ปี 2561 FMG ตัดสินใจส่ง URBAN REVIVO มาบุกเมืองไทย ปักหมุดสาขาแรกที่ศูนย์การค้าไอคอนสยาม ถือเป็นแฟล็กชิปสโตร์ที่กินพื้นที่ถึง 3 ชั้น และเป็นโลเคชั่นชั้นดี โดย ลีโอ หลี่ ย้อนถึงการเปิดสาขาแรกว่า

“ช่วงนั้นไอคอนสยามเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ไอคอนสยามเป็นฝ่ายติดต่อมาก่อน เพราะเขาอยากได้แบรนด์ใหม่ๆ ไปเปิด ซึ่งเราได้ตำแหน่งดีมาก หลังเปิดตัวผลตอบรับเรียกได้ว่าเกินความคาดหมาย”

URBAN REVIVO ในไทยสามารถสร้างการเติบโตและขยายสาขาเพิ่มเติมได้อย่างต่อเนื่อง แม้แผนการขยายธุรกิจจะสะดุดไปบ้างในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ก็ตาม โดยปัจจุบันมีการขยายสาขารวม 4 แห่งที่ยังคงยึดทำเลในเขตกรุงเทพฯ เป็นหลัก ได้แก่ ไอคอนสยาม, เดอะมอลล์ไลฟ์สไตร์ บางกะปิ, เซ็นทรัลเวิลด์ และล่าสุดกับสาขาวัน แบงค็อก (One Bangkok) ที่มีพื้นที่รวมกว่า 3,000 ตารางเมตร บนชั้น G และชั้น 1 ของโซนพาเหรด ซึ่งถือเป็นสาขาที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

แต่ที่น่าสนใจไปกว่านั้นคือ ครั้งนี้ URBAN REVIVO ไม่ได้มาแบรนด์เดียว แต่ FMG ยังได้ส่งแบรนด์น้องใหม่อย่าง BENLAI เข้ามาแท็กทีมบุกตลาดไทยอีกด้วย โดยปักหมุดสาขาแรกที่วัน แบงค็อก เช่นกัน กับพื้นที่ขนาด 1,286 ตารางเมตร บนชั้น G โซนพาเหรด ซึ่งถือเป็นสาขาแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นครั้งแรกที่ BENLAI ออกนอกประเทศจีน ที่สำคัญยังเป็นจุดเริ่มต้นของ BENLAI ในการบุกตลาดโลกอีกด้วย

“URBAN REVIVO สร้างฐานในจีนนานกว่า 10 ปี จนผู้บริโภคจีนเริ่มทันสมัยมากขึ้น ก่อนจะออกมานอกประเทศ ส่วน BENLAI เปิดตัวปี 2565 พอปี 2567 เราออกนอกประเทศเลย เพราะอยากทำอะไรใหม่ๆ โดยเลือกไทยเป็นประเทศแรกในอาเซียน เพราะไทยมีความเป็นสากลและหลากหลาย อีกทั้งตลาดแฟชั่นในไทยและอาเซียนถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพที่กลุ่มธุรกิจยักษ์ใหญ่ด้านแฟชั่นให้ความสำคัญ จึงเป็นจุดเริ่มต้นสู่ตลาดสากล เพราะเราอยากสร้างแบรนด์ BENLAI ให้เป็นระดับสากลอยู่แล้ว อายุเท่าไร รายได้เท่าไร ก็สวมใส่ได้” ลีโอ หลี่ เปิดเผยถึงการเปิดสาขาในไทย พร้อมเสริมว่า

ส่วนใหญ่แบรนด์จีนจะใช้กลยุทธ์เจาะตลาดต่างประเทศโดยเลือกเข้าตลาดในอาเซียนก่อน เพราะมีความคล้ายคลึงกันกับจีน ส่วนตลาดยุโรปและอเมริกาจะมีเรื่องของความแตกต่างของรูปร่าง สีผิว ต้องค้นคว้าและวิจัยมากขึ้น ในส่วนของ FMG จะเลือกเปิดร้านในเมืองที่เป็นแฟชั่น อย่างกรุงเทพฯ เซี่ยงไฮ้ และลอนดอน เป็นหลัก

ลีโอ หลี่ เสริมว่า จุดแข็งที่แตกต่างกันของทั้งสองแบรนด์จะสามารถตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภคได้ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญของ FMG ที่จะสร้างการเติบใตในอุตสาหกรรมแฟชั่นทั้งในไทยและสากลได้ โดยปัจจุบัน BENLAI มีจำนวนสาขาอยู่ 21 แห่ง ส่วนใหญ่อยู่ในจีน และมีแฟล็กชิปสโตร์อยู่ที่เมืองกว่างโจว

“FMG มุ่งมั่นในการเดินหน้าสู่ระดับสากลเสมอมา ความสำเร็จของการเปิดตัว URBAN REVIVO และ BENLAI ที่ วัน แบงค็อก ในครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในเส้นทางการขยายธุรกิจสู่ตลาดสากลของเรา”

สำหรับกลยุทธ์ในการขยายธุรกิจนั้น FMG จะใช้ทั้งรูปแบบที่ FMG ดำเนินการเองโดยตรง ได้แก่ สาขาในไทย มาเลเซีย และสิงคโปร์ รวมถึงขยายธุรกิจในรูปแบบของแฟรนไชส์ โดยร่วมมือกับบริษัทค้าปลีกชั้นนำในท้องถิ่นนั้นๆ วางเป้าในประเทศแถบเอเชียอย่างเวียดนามและฟิลิปปินส์ เป็นต้น

นอกจากการเปิดสาขาในไทยที่มีแผนจะขยายสาขาไปยังย่านชุมชนเพิ่มเติมแล้ว ต่อจากนี้ FMG จะเดินหน้าสู่ตลาดสากลอย่างเต็มสูบ โดยในปี 2568 มีแผนเปิดสาขาในต่างประเทศเพิ่มเติม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมืองแฟชั่นอย่าง นิวยอร์ก, ลอนดอน, โตเกียว และฮ่องกง และภายในปี 2569 จะเปิดสาขาให้ครอบคลุมในเอเชียแปซิฟิก ซึ่ง ณ ปัจจุบันยังไม่มีสาขาในอินโดนีเซีย และภายใน 5 ปี FMG ตั้งเป้าจะเปิดให้ครบ 200 สาขาในต่างประเทศ คิดเป็น 30% ของร้านทั้งหมด

อีกทั้ง FMG ยังได้สร้าง London Design Center ศูนย์ออกแบบและพัฒนาขึ้นที่ลอนดอน สหราชอาณาจักร ไปแล้วก่อนหน้านี้ เพื่อเตรียมความพร้อมสู่การบุกตลาดสากล และทำให้แบรนด์แฟชั่นสัญชาติจีนภายใต้ FMG ก้าวสู่การเป็นแบรนด์ระดับสากลได้ในที่สุด ซึ่งถ้ามองในอีกแง่หนึ่ง นี่คือการออกมาหาน่านน้ำใหม่ทางธุรกิจ หลังกำลังซื้อในประเทศจีนที่กำลังอยู่ในสภาวะถดถอย