ธุรกิจโรงแรมเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ไดัรับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด นอกจากนี้ ปัจจัยลบด้านเศรษฐกิจทั้งภายในและภายนอกประเทศ เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมต้องพึงระวัง และหาทางรับมือ
โรงแรมเรเนซองส์ กรุงเทพ ราชประสงค์ เปิดดำเนินการมาเกือบ 15 ปี อยู่ภายใต้ร่มคันใหญ่ของเครือแมริออท เชนโรงแรม 5 ดาวระดับโลก ได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบที่ไทยต้องเผชิญ ทั้งสถานการณ์ไม่มั่นคงทางการเมือง การชุมนุมใหญ่ของกลุ่มต่างๆ รวมถึงวิกฤตโรคระบาด
ข้อมูลจากศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี หรือ ttb analytics ระบุว่า ในปี 2567 ธุรกิจโรงแรมมีสัญญาณการฟื้นตัวกลับมาได้อย่างรวดเร็วหลังสถานการณ์โควิด โดยปี 2565 อุตสาหกรรมโรงแรมฟื้นตัวได้เกินกว่า 70% และด้วยแรงส่งจากภาคการท่องเที่ยวในปี 2566 ทำให้ตัวเลขจากการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด หนุนแรงส่งอุปสงค์ภาคโรงแรมบนข้อจำกัดด้านอุปทานที่ไม่สามารถเพิ่มได้อย่างรวดเร็วเพื่อตอบสนองอุปสงค์ ส่งผลให้ราคาห้องพักในภาพรวมปรับเพิ่มขึ้น ทำให้รายได้ของภาคโรงแรมสามารถก้าวผ่านจุดสูงสุดเดิมที่ระดับ 3.28 แสนล้านบาท
“หลังจากสถานการณ์โควิดที่โรงแรมได้รับผลกระทบทั้งในด้านจำนวนผู้เข้าพัก รวมถึงการใช้ห้องจัดการประชุม สัมมนาลดลง แต่ปัจจุบันเราเห็นการกลับมาของนักท่องเที่ยวชาวจีนมากขึ้น มีการจองห้องสำหรับการประชุมสัมมนาเพิ่มขึ้นในช่วง 6 เดือนหลัง โดยเฉพาะเดือนสิงหาคม กันยายน ตุลาคม จนถึงพฤศจิกายน” รัฐพล รัฐโพธิวัฒน์ ผู้จัดการทั่วไป ให้ข้อมูล
ด้วยทำเลที่ตั้งของโรงแรมเรเนซองส์ที่อยู่ใจกลางเมือง ต้องบอกว่าได้เปรียบไม่น้อย หากมองในแง่การเชื่อมต่อไปยังสถานที่ต่างๆ เช่น แหล่งชอปปิ้งสำคัญ สถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะชาวจีน ขณะเดียวกัน เรเนซองส์ก็ถูกรายล้อมไปด้วยคู่แข่งที่เป็นเชนโรงแรมขนาดใหญ่เช่นกัน ต้องบอกว่าย่านราชประสงค์คือเวทีประลองสรรพกำลังขนาดใหญ่ของธุรกิจโรงแรมตั้งแต่ระดับ 3 ดาวขึ้น
หลายแบรนด์ต้องชูจุดเด่นของตัวเองเมื่ออยู่ท่ามกลางการแข่งขันที่เป็นเสมือนสนามรบของเชนโรงแรมระดับโลก แม้แต่ เรเนซองส์ ในเครือแมริออท ซึ่งผู้จัดการทั่วไปโรงแรมเรเนซองส์ บอกว่า เราต้องยึดตามมาตรฐานของบริษัทแม่อย่างแมริออทที่ค่อนข้างเข้มในทุกมิติ
“มาตรฐานของเรา คือ เราดำเนินการภายใต้นโยบายของแมริออท ซึ่งที่นี่เรามีนโยบาย Put People First คือการดูแลพนักงานของเราให้มีความสุขก่อน เมื่อพนักงานมีความสุขจะสามารถดูแลลูกค้าได้อย่างดี เสมือนคนในครอบครัว นี่เป็นจุดที่แตกต่าง ถือเป็นกลยุทธ์สำคัญของเรเนซองส์
นอกจากนี้ แมริออทยังมีไกด์ไลน์ที่เรเนซองส์ต้องดำเนินการตามมาตรฐาน นั่นคือ พนักงานทุกคนต้องผ่านการเทรนนิ่งตามจำนวนชั่วโมงที่กำหนด คุณภาพของโรงแรมในทุกมิติ เช่น ความสะอาด สุขอนามัย รสชาติของอาหาร คาวหวาน เครื่องดื่ม เรามีการทำฟู้ดเทสต์ทุกวันในช่วงบ่าย เพื่อสร้างความมั่นใจว่าโรงแรมภายใต้เครือแมริออทจะอยู่ภายใต้มาตรฐานระดับสูงเหมือนกันทั่วโลก” รัฐพลอธิบาย
อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ โรงแรมเรเนซองส์ ได้เปรียบคู่แข่งในพื้นที่ที่เป็นเสมือนสมรภูมินี้ คือ การมีสมาชิกบอนวอยจากเครือแมริออท ที่มีสมาชิกทั่วโลกประมาณ 180 ล้านคน เปรียบเสมือนมีฐานลูกค้าอยู่ในมือ โดยเฉพาะเมื่อมีการจองผ่านระบบออนไลน์ ซึ่งสมาชิกบอนวอยจะทำได้ง่ายและมีสิทธิพิเศษ
ขณะที่สถานการณ์ของธุรกิจโรงแรมหลังโควิดเริ่มเห็นทิศทางที่ดีขึ้น แต่อาจจะยังไม่กลับมาเท่าปีก่อนโควิด กระนั้นการเติบโตยังเป็นไปได้ดี
“ธุรกิจโรงแรมโดยทั่วไปมีการฟื้นตัวกลับมาแต่ยังไม่ดีเท่าปีก่อนวิกฤตโควิด แต่หากมองในด้านตัวเลข มีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ถ้าถามว่าดีกว่าปีก่อนโควิดไหม ก็ยังไม่ดีมาก สังเกตง่ายๆ คือ ในแง่การจองห้องพัก ถือว่าดี แต่เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่กำลังซื้อลดลง ผู้บริโภคพิจารณามากขึ้น หรือลดค่าใช้จ่ายในบางส่วน ลูกค้าส่วนใหญ่ที่พักที่เรเนซองส์จะเลือกออกไปรับประทานอาหารนอกโรงแรม เช่น ย่านถนนบรรทัดทอง ซึ่งเมื่อเทียบราคาต่อหัวแล้ว ลูกค้าจ่ายน้อยกว่าเมื่อไปรับประทานอาหารข้างนอก นี่ทำให้ยอดรายได้ของร้านอาหารโรงแรมเราลดลงประมาณ 20%”
รัฐพลเสริมว่า สถานการณ์การลดลงของยอดการใช้จ่ายในร้านอาหารภายในโรงแรมจำเป็นที่โรงแรมต้องออกโปรโมชันให้เหมือนร้านอาหารทั่วไป รวมถึงการสร้างโปรโมชันร่วมกับแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ เพื่อดึงดูดกำลังซื้อให้กลับมา
นอกจากนี้ อีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญที่จะสร้างการเชื่อมต่อกับนักเดินทาง นักท่องเที่ยว และธุรกิจในท้องถิ่นนั้นๆ คือ การออกแคมเปญ Global Day of Discovery ซึ่งแคมเปญนี้นอกจากจะเป็นการพานักท่องเที่ยวที่มาใช้บริการโรงแรมเรเนซองส์ให้เข้าถึงสถานที่ท่องเที่ยวและวัฒนธรรมในท้องถิ่นแล้ว ยังนำเสนอผลิตภัณฑ์จากธุรกิจในท้องถิ่นให้นักท่องเที่ยวได้รู้จัก ที่ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่นักท่องเที่ยว นักเดินทางที่เดินทางเข้ามายังประเทศไทย แต่ยังถ่ายทอดผลงานเหล่านี้ออกไปสู่สายตาชาวโลก
“Global Day เราจัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 10 ซึ่งปีนี้เราต้องการจัดให้ยิ่งใหญ่กว่าเดิม เราจึงมีแนวคิดที่จะเชื่อมโยงธุรกิจในท้องถิ่นนั้นๆ เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญนี้ นอกจากการพานักท่องเที่ยวไปยังสถานที่สำคัญ เรียนรู้วัฒนธรรม วิถีชีวิตของคนในท้องถิ่น
อีกหนึ่งแคมเปญที่เราจัดควบคู่กันไปคือ R Finds Digital Marketplace แพลตฟอร์มออนไลน์ที่จะช่วยส่งเสริมธุรกิจท้องถิ่นสู่สายตานักเดินทางทั่วโลก โดยเราจะคัดเลือกธุรกิจขนาดเล็ก ที่มีความโดดเด่นและมีแนวคิดที่สอดคล้องกับนโยบายของเรานั่นคือ sustainability หลังจากนั้นเราต้องส่งข้อมูลของธุรกิจเหล่านี้ไปยังบริษัทแม่ เพื่อพิจารณาความเหมาะสมว่าจะสามารถเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งใน R Finds ได้หรือไม่ ปัจจุบันมี 6 ธุรกิจที่ได้รับการคัดเลือกให้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญนี้ และจำหน่ายสินค้าในเว็บไซต์ R Finds ได้ ซึ่งสินค้าที่แต่ละแบรนด์ทำออกมาจะเป็นงานคราฟต์ และงานดีไซน์ไทยระดับพรีเมียม แต่ละแบรนด์จะใส่อัตลักษณ์ความเป็นไทยร่วมสมัยเอาไว้ เช่น MINCE (มินซ์) ที่พัฒนากระเป๋าสายรุ้งที่เราเห็นขายกันตามตลาดโบ๊เบ๊ จับมาใส่ดีไซน์ใหม่ให้มีความเป็นแฟชั่นมากขึ้น หรือ Nang Loey น้ำอบนางลอย ที่คนไทยมักจะใช้เฉพาะเทศกาลสำคัญ เช่น สงกรานต์”
6 แบรนด์ที่จะเข้าร่วมกับ R Finds ได้แก่ MINCE (มินซ์) แบรนด์กระเป๋าสายรุ้งดีไซน์เก๋ ที่นำสีสันของไทยมาใส่ในรูปแบบแฟชั่นทันสมัย HOLEN (โฮเล่น) แบรนด์ยาดมสมุนไพรที่ผสานภูมิปัญญาไทยกับไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ NARADA (ณราดา) แบรนด์ผ้าพันคอและผ้าคลุมไหล่ PRODPRAN (โปรดปราน) แบรนด์งานสานใบเตยจากเมืองตรัง ที่สะท้อนฝีมือและศิลปะการสานในแบบไทยแท้ PAHKAHMAH (ปากาม้า) แบรนด์ไอเทมจากผ้าขาวม้าที่ถูกปรับโฉมใหม่ในดีไซน์ทันสมัย และ Nang Loey (น้ำอบนางลอย) แบรนด์น้ำอบไทย ที่นำกลิ่นหอมจากธรรมชาติสู่คนรุ่นใหม่
R Finds ไม่ได้มีเพียงผู้ประกอบการรายย่อย หรือแบรนด์จากในไทยเท่านั้น แต่โรงแรมเรเนซองส์ที่มีสาขาอยู่ทั่วโลก จะคัดเลือกผู้ประกอบการในท้องถิ่นของตัวเองเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในแพลตฟอร์มออนไลน์นี้ ปัจจุบันมีสินค้าที่พร้อมจำหน่ายให้นักเดินทางทั่วโลกประมาณ 170 รายการ “ซึ่งหากผลตอบรับและผลประกอบการเป็นที่น่าพอใจ เราจะมองหาธุรกิจท้องถิ่นและเพิ่มเติมเข้ามาใน R Finds” รัฐพลเสริม
อาจต้องบอกว่า โรงแรมเรเนซองส์ กรุงเทพ ราชประสงค์ ถือเป็นอีกหนึ่งโรงแรมที่มีการปรับตัวไปตามสถานการณ์แวดล้อมได้ดี และใช้การตลาดแบบออนไลน์เพื่อสร้างการเข้าถึงลูกค้าในทุกระดับ โดยเฉพาะปัจจุบันที่มียอดจากจองห้องพักผ่านระบบออนไลน์ที่เติบโตมากกว่า 50% ก่อนรัตพลจะบอกเล่าเป้าหมายในปีหน้าให้ฟังสั้นๆ ว่า “เราคาดหวังว่า ลูกค้าในกลุ่มการประชุม การสัมมนา หรือการจัดงานแต่งงาน จะเข้ามาใช้บริการเพิ่ม แม้ว่าในปีนี้เราจะได้รับความไว้วางใจอย่างสม่ำเสมอ ก็ตาม นอกจากนี้ เรายังเน้นการทำการตลาดผ่าน Kol หรือ Key Opinion Leader หรืออินฟลูเอนเซอร์มากขึ้น เพราะเมื่อเทียบกับการทำสื่อโฆษณาแบบเก่า ต้องบอกว่าการใช้ Kol ได้ผลที่ชัดเจนมากกว่า”.