วันพฤหัสบดี, พฤศจิกายน 21, 2024
Home > Cover Story > บุณยสิทธิ์ โชควัฒนา เจ้าสัวสายมู ผู้มีเทพยึดเหนี่ยวจิตใจ

บุณยสิทธิ์ โชควัฒนา เจ้าสัวสายมู ผู้มีเทพยึดเหนี่ยวจิตใจ

สหพัฒน์จะไม่ทำธุรกิจที่เกี่ยวกับอบายมุข

คำกล่าวนี้เหมือนเป็นข้อบัญญัติสำคัญของลูกหลานตระกูลโชควัฒนา สืบทอดกันมาตั้งยุคนายเทียม โชควัฒนา และลูกชาย โดยเฉพาะเสี่ยบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ที่เกิดและเติบโตมาพร้อมๆ กับบริษัท สหพัฒนพิบูล ระยะเวลากว่า 70 ปี ตั้งแต่เข้ามาจับธุรกิจช่วยนายเทียมเมื่อปี 2495

บุณยสิทธิ์ หรือลีบุ้นเซี้ยง เป็นลูกชายคนที่ 3 ของนายเทียมและนางสายพิณ ซึ่งในประเทศจีนเชื่อกันว่า ถ้ามีลูกชาย 3 คนติดกันถือเป็นโชคดี เพราะทุกคนจะเป็นกำลังหลักของครอบครัว

ขณะที่นายเทียมเป็นทั้งนักการตลาดผู้ปลุกปั้นสินค้าไทย แข่งขันกับบริษัทยักษ์ใหญ่ต่างชาติ และนักธุรกิจคุณธรรมที่ส่งต่อรุ่นลูกหลาน ซึ่งถ้าใครมีโอกาสเยี่ยมเยือนอาคารสำนักงานใหญ่ของสหพัฒนพิบูลจะเห็นข้อความคุณธรรมประจำตระกูล 60 ข้อคิดในห้องประชุมใหญ่ของบริษัท

เช่น ลูกจงจำไว้ว่า การไม่ต่อสู้ในบางกรณีกลับเป็นวีรกรรมที่ยิ่งใหญ่กว่าการต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตาย

ลูกจงอย่าเลือกของที่ชอบ ด้วยความอยากของลูก แต่จงเลือกด้วยสติปัญญาและพิจารณาถึงประโยชน์และโทษของมันเสียก่อน

ลูกจงอย่าโกรธคนไม่ดี ที่จริงเขาก็อยากดีเหมือนกัน แต่เขาไม่เข้าใจว่า อะไรเป็นความดี…อะไรคือไม่ดี

ลูกจะตำหนิ ติเตียนใคร ก็จงดูตนเองเสียก่อน อย่าให้เขาย้อนว่าเราได้

ลูกจะเห็นว่า ผู้มีสัมมาคารวะ จะพบแต่ความเจริญ การอ่อนน้อม เป็นคุณสมบัติของสุภาพบุรุษ การยกมือไหว้ผู้อื่นได้ คือการทำลาย ตัวกู-ของกู

หลายคนบอกว่า การสั่งสอนเหล่านี้ส่งผลให้เสี่ยบุณยสิทธิ์ยึดถือเทพเจ้าแห่งความดี จนกลายเป็นที่มาของการก่อสร้าง วิหาร อี่ ทง เทียน ไท้ ณ สวนอุตสาหกรรมเครือสหพัฒน์ กบินทร์บุรี เพื่อเป็นสถานที่ประดิษฐานองค์พระโพธิสัตว์กวนอิม และกำหนดให้ทุกวันที่ 25 ธันวาคมของทุกปี จะจัดงานทำบุญประจำปี เพื่อความเป็นสิริมงคลให้ศาสนิกชนรับปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง

สำหรับองค์พระโพธิสัตว์กวนอิม มีเรื่องเล่าว่า มีผู้พบหยกขาวขนาดใหญ่ที่เหมืองในป่าลึกแถวเขตเมืองนับปีตรู ประเทศพม่า จึงชักลากโดยช้างและรถยนต์เพื่อให้ช่างชาวจีนที่ปักกิ่งแกะสลักเป็นองค์พระโพธิสัตว์กวนอิม โดยติดต่อและส่งมอบให้บุณยสิทธิ์ ประธานเครือสหพัฒน์ เพราะรู้ว่าเป็นผู้เลื่อมใสองค์พระโพธิสัตว์กวนอิมอย่างมาก

ส่วนการสร้างวิหารนั้น บุณยสิทธิ์ได้รับแรงบันดาลใจจากหอบูชาฟ้าเทียนถานในกรุงปักกิ่ง โดยกันพื้นที่ด้านหน้าสวนอุตสาหกรรม 4 ไร่ และใช้เงินส่วนตัวรวมกับเงินบริจาคจากผู้ศรัทธาจนก่อสร้างสำเร็จ

เฉพาะองค์พระโพธิสัตว์กวนอิมมีความสูง 2.62 เมตร หนัก 2.8 ตัน เมื่อรวมฐานดอกบัว ฐานมังกร และฐานแปดเหลี่ยมแล้ว  มีความสูงรวม 5 เมตร และหนักมากถึง 14.43 ตัน แกะสลักเป็นปางประทานพรประทับบนหลังพญามังกร มือถือแจกันประทานน้ำอมฤต น้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ และกิ่งหลิว ไว้คอยชะล้าง ขจัดปัดเป่าทุกข์โศกโรคภัยของผู้ที่มากราบไหว้ขอพร และยังเป็นเสมือนน้ำทิพย์ชโลมกายใจให้สะอาดบริสุทธิ์ โดยประทับยืนบนหลังพญามังกรเวียนว่ายกลางมหาสมุทร ซึ่งพญามังกรเปรียบได้กับความมั่งคั่งร่ำรวย สายน้ำเปรียบได้กับความลื่นไหลราบรื่น สำเร็จ ร่ำรวย เคล็ดลับสำคัญสำหรับคนที่มากราบไหว้บูชาเมื่ออธิษฐานแล้วต้องลูบพญามังกร เพื่อให้ได้ทั้งสมความปรารถนาและร่ำรวย

ล่าสุด บุณยสิทธิ์ยังทำพิธีตั้งศาลเจ้าโอคุนิ เพื่อความเป็นสิริมงคลในโครงการเจพาร์ค อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี โดยร่วมกับวัดโอคุนิ ประเทศญี่ปุ่น จัดพิธีอัญเชิญเทพเจ้าโอคุนินุชิประทับในศาลเจ้าตามแบบฉบับของศาลเจ้าญี่ปุ่น เพราะมีความคิดว่า เครือสหพัฒน์ฯ เข้ามาพัฒนาพื้นที่ศรีราชามานานเกือบ 50 ปีแล้ว ดึงนักลงทุนชาวญี่ปุ่นและมีคนญี่ปุ่นมาพักอาศัยจำนวนมาก จนได้รับฉายา Little Osaka

การมีศาลเจ้าญี่ปุ่นจะมีส่วนทำให้คนญี่ปุ่นเลือกมาพักอาศัยในพื้นที่ศรีราชาเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะเทพเจ้าโอคุนิมีความศักดิ์สิทธิ์มากและเป็นศาลเจ้าชินโตแห่งที่ 3 ในประเทศไทย

บุณยสิทธิ์กล่าวว่า ศาลเจ้าโอคุนิจะเป็นศาสนสถานยึดเหนี่ยวจิตใจทั้งคนไทยและคนญี่ปุ่น ได้มากราบไหว้ขอพรเพื่อความสำเร็จและความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตต่อไป.

เฮียบเซ่งเชียง ร่วมมือ สำเร็จ รุ่งเรือง

อาณาจักรเครือสหพัฒน์ เริ่มต้นก่อตั้งโดยนายเฮงเทียม แซ่ลี้ หรือเจ้าสัวเทียม โชควัฒนา เมื่อปี 2485 ภายใต้ชื่อ “เฮียบเซ่งเชียง” ที่ตรอกอาเนียเก็ง ถนนทรงวาด ด้วยเงินทุนเพียง 10,000 บาท เน้นขายของเบ็ดเตล็ดที่สั่งซื้อจากฮ่องกง

“เฮียบเซ่งเชียง” ความหมายคือ ความร่วมมือจนเกิดเป็นความสำเร็จ เกิดความเจริญรุ่งเรือง

ปี 2495 เปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 4 ล้านบาท โดยนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคหลากหลายชนิด

ปี 2510 ก่อตั้งบริษัท ไลอ้อน (ประเทศไทย) จำกัด เป็นการร่วมทุนระหว่างบริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด กับบริษัท เดอะ ไลอ้อน แฟทแอนด์ออย จำกัด ประเทศญี่ปุ่น

ปี 2513 เริ่มจัดจำหน่าย “ไลปอนเอฟ” น้ำยาล้างจานแบรนด์แรกของประเทศไทย

ปี 2516 ย้ายสำนักงานมาอยู่ที่ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ และจัดจำหน่ายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรสซุปไก่ ยี่ห้อ “มาม่า” เป็นผลิตภัณฑ์แรก

ปี 2519 เปิดตัวผงซักฟอกยี่ห้อ “เปาบุ้นจิ้น” ภายใต้สโลแกน “คุณภาพซื่อสัตย์ ราคายุติธรรม” โดยเจ้าสัวเทียมต้องการปลุกปั้นให้เป็นสินค้าสร้างกระแสสังคม เรื่องความซื่อสัตย์ ยุติธรรม และใช้กลยุทธ์ทางการตลาดหลากหลายรูปแบบต่อสู้กับแบรนด์คู่แข่ง เช่น แจกกะละมัง โฆษณาทางวิทยุ และซื้อภาพยนตร์เรื่อง “เปาบุ้นจิ้น” จากไต้หวัน ออกฉายทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 เพื่อปลูกฝังเรื่องความซื่อสัตย์ ปรากฏว่า หนัง “เปาบุ้นจิ้น” ได้รับความนิยมสูงมาก พร้อมๆ กับยอดขายผงซักฟอก สามารถช่วงชิงส่วนแบ่งการตลาดถึง 30% ในเวลาไม่นาน จนเป็นหนึ่งในสินค้าเรือธงที่สร้างรายได้เติบโตต่อเนื่อง

ปี 2521 จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ด้วยทุนจดทะเบียน 30 ล้านบาท และเริ่มจำหน่ายยาสีฟัน “ซื่อสัตย์”

ปี 2527 จัดจำหน่าย ยาสีฟันซอลส์ สูตรเกลือ โดยนำเข้าจากไลอ้อนญี่ปุ่น

ปี 2530 ปรับโฉม “เปาบุ้นจิ้น” เป็น “เปา” สร้างภาพลักษณ์ความทันสมัย

ปี 2537 แปลงสภาพจากบริษัทจำกัด เป็นบริษัทมหาชนจำกัด

หลังจากนั้น บริษัทกลายเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภครายใหญ่ มีสินค้าหลากหลายและแตกแบรนด์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นน้ำแร่มองต์เฟลอ ครีมอาบน้ำโชกุบุสซึ โมโนกาตาริ นมเปรี้ยวและโยเกิร์ต ตราริชเชส ขนมปังกรอบ “บิสชิน” บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตรา “รุสกี” ที่มีเครื่องหมายฮาลาล ยาสีฟันซิสเท็มม่า ผงซักฟอก108

ปี 2554 บริษัทใช้กลยุทธ์ออกไลน์ผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ “ซื่อสัตย์” ประกอบด้วย บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ยาสีฟัน แปรงสีฟัน กระดาษทิชชู และครีมอาบน้ำ

ปี 2557 ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานตราตั้ง “พระครุฑพ่าห์” สัญลักษณ์ของความซื่อสัตย์สุจริตและอยู่ในศีลธรรม

ปี 2559 เปิดมิติใหม่ทางธุรกิจในแพลตฟอร์ม Sahapat Online สำหรับคู่ค้า

ปี 2560 เริ่มจำหน่ายบะหมี่ซื่อสัตย์ซิกเนเจอร์ รส Volcano Cheese และ รส Tsunami Milk Seafood และปีต่อมา รีแบนด์ “มาม่า” กลุ่ม Oriental Kitchen พร้อมออกสินค้าและแคมเปญสื่อสารใหม่ในนามมาม่า OK

ปี 2563 รีแบรนด์โคคา ออกผลิตภัณฑ์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปโคคา บิ๊กเบิ้ม

ปี 2565-2566 ผลิตภัณฑ์ มาม่า OK ออกสินค้าใหม่ 3 รสชาติ ได้แก่ มาม่า OK รสคาโบนาร่าเบคอน มาม่า OK รสมิโซะบัตเตอร์ และมาม่า OK กลิ่นชิลลี่แครบ จากนั้นออกเพิ่มอีก 2 รสชาติ ได้แก่ มาม่า OK รสหม่าล่าเนื้อ และมาม่า OK กลิ่น เห็ดทรัฟเฟิล

ตลอด 82 ปีที่ผ่านมา บริษัทมียอดขายเติบโตทุกปีและปี 2567ตั้งเป้าหมายมียอดขายเติบโต 38,000 ล้านบาท โดยช่วง 6 เดือนแรก มีการขยายตัวที่ดีและในช่วงครึ่งปีหลังจะเติบโตดีต่อเนื่อง คาดยอดขายทั้งปีจะทะลุเป้าหมายแตะ 40,000 ล้านบาท และมีการลงทุนหลากหลายขึ้น เช่น ธุรกิจโรงพยาบาล ล่าสุดเซ็นสัญญาเป็นผู้บรรจุและจำหน่ายแบรนด์น้ำอัดลมยี่ห้ออาร์ซี โคล่า สัญชาติอเมริกัน โดยเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ปี 2567 และจะรับรู้รายได้เต็มปี 2568 ในตลาดประเทศไทยและ CLMV.