วันพฤหัสบดี, ตุลาคม 31, 2024
Home > Cover Story > กู๊ดวิล ตั้งเป้าพันล้าน พร้อมทะยานสู่ “มหาชน”

กู๊ดวิล ตั้งเป้าพันล้าน พร้อมทะยานสู่ “มหาชน”

อิทธิพล ปฏิมาวิรุจน์ อดีตกรรมการบริหารบริษัท เดลี่ฟู้ดส์ จำกัด หลังสะสมประสบการณ์มานานกว่า 23 ปี ในธุรกิจแปรรูปอาหาร ทั้งแบรนด์ของตนเองและรูปแบบรับจ้างผลิต หรือ OEM ก่อนที่วันนี้จะก้าวออกมาเติบโตด้วยตัวเองจากการปั้นแบรนด์นมน้องใหม่ Good Will (กู๊ดวิล) เพื่อส่งผลิตภัณฑ์นมข้นหวาน และนมยูเอชที ชิงส่วนแบ่งตลาดที่มีมูลค่ากว่าหมื่นล้านบาท

ดูจะไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับแบรนด์น้องใหม่อย่างกู๊ดวิล ที่จะเข้ามาชิมลางในตลาดที่มีผู้เล่นเจ้าตลาดอยู่แล้วอย่าง มะลิ คาร์เนชั่น พาเลซ ฟอลคอน และอีกหลายแบรนด์ที่มีในตลาด รวมถึงกลุ่มเป้าหมายของตัวเอง แต่ บริษัท พัชร์ ฟู้ด อินเทลลิเจ้นซ์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์นมและครีมเทียมข้นหวาน แบรนด์ กู๊ดวิล ยังตั้งเป้าที่จะเติบโตทั้งรายได้และมีแผนที่จะรุกตลาดที่ไกลกว่านั้น

“เราจดทะเบียนเริ่มต้นธุรกิจในปี พ.ศ. 2562 ซึ่งใช้ประสบการณ์จากธุรกิจของครอบครัวมาเริ่มต้นธุรกิจของตัวเอง ตลาดนมข้นหวานมีมูลค่าประมาณ 2 หมื่นล้าน ข้อมูลจาก Euromonitor ที่ระบุไว้เมื่อ 5 ปีก่อน  พัชร์ ฟู้ด อินเทลลิเจ้นท์ ทำธุรกิจ 3 ส่วน คือ การผลิต การจัดจำหน่าย และการนำเข้าและส่งออก ซึ่งสินค้าหลักของเรามีทั้ง นมข้นหวาน นมข้นจืด นมยูเอชที” อิทธิพล ปฏิมาวิรุจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พัชร์ ฟู้ด อินเทลลิเจ้นซ์ จำกัด อธิบาย

ตลาดนี้มีผู้เล่นจำนวนไม่น้อย นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายที่แบรนด์น้องใหม่จะบุกตลาดและเบียดแย่งส่วนแบ่งตลาดจากรายเดิมได้ โดยเฉพาะในกลุ่ม HoReCa

“หลังจากเริ่มวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ครีมเทียมข้นหวานในปี พ.ศ. 2565 เราเริ่มเจาะกลุ่ม HoReCa เป็นหลัก เพราะมองเห็นตลาดอาหารและเครื่องดื่มมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จุดแข็งคือการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีราคาที่จับต้องได้ ไม่ทำให้ต้นทุนของผู้ประกอบการสูงขึ้น รวมถึงการพัฒนาแพ็กเกจจิ้งที่สะดวกต่อการใช้งาน” อิทธิพลขยายความ

น้องใหม่อย่างกู๊ดวิลมีรายได้จากปีก่อนหน้าอยู่ที่ประมาณ 500 ล้านบาท คาดการณ์เป้ารายได้ปี 2567 ที่ 800 ล้านบาท พร้อมตั้งเป้ารายได้ปีหน้า 1,000 ล้านบาท

“เราสร้างภาพลักษณ์ด้วยการเป็นเพื่อนผู้ประกอบการร้านอาหาร ร้านเครื่องดื่ม ด้วยการใช้ของดี วัตถุดิบดี ทำให้ได้มาตรฐานระดับสูง ในจุดนี้จะทำให้ผู้ประกอบการควบคุมต้นทุนได้ นี่เป็นกลยุทธ์สำคัญที่เราเลือกใช้ แน่นอนว่า การเป็นน้องใหม่ในตลาดไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะแต่ละแบรนด์จะมีฐานลูกค้าในกลุ่มและพื้นที่ที่ตัวเองเชี่ยวชาญ เราเองมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ประมาณ 5 เปอร์เซ็นต์ รายได้ในปีนี้เราคาดว่าจะได้ประมาณ 800 ล้านบาท ส่วนปีหน้าเราตั้งเป้าว่ารายได้จะโตอยู่ที่ 1,000 ล้านบาท”

นอกจากตลาดในประเทศที่ดูจะเป็นงานหนักสำหรับกู๊ดวิลแล้ว แบรนด์น้องใหม่ภายใต้การนำของอิทธิพล ยังขยายตลาดไปยังประเทศเพื่อนบ้านอย่าง CLMV พร้อมแผนที่จะรุกตลาดไกลขึ้นอย่าง อินโดนีเซีย ประเทศที่มีตลาดอาหารและเครื่องดื่มขนาดใหญ่ พร้อมกำลังซื้อที่มากกว่าด้วยจำนวนประชากรสูงกว่าไทยหลายเท่า และอยู่ในอันดับ 4 ของโลก

“ปัจจุบันเรามีการนำเข้าส่งออกอยู่ที่ 5 เปอร์เซ็นต์ โดยตลาดต่างประเทศหลักจะอยู่ที่ประเทศในกลุ่ม CLMV ซึ่งตลาด สปป.ลาว เรามีคู่ค้าที่ดี ทำให้สามารถกระจายสินค้าได้ง่าย เราตั้งเป้าที่จะเติบโตในตลาดต่างประเทศเป็น 20 เปอร์เซ็นต์ในปีหน้า

นอกจากนี้ ยังวางแผนที่จะรุกตลาดอินโดนีเซีย ซึ่งเราพร้อมสำหรับการทำตามกฎระเบียบข้อบังคับด้านฮาลาล แต่ตลาดนี้คงจะเป็นไปในลักษณะของการร่วมทุนกับผู้ประกอบการในอินโดฯ เป็นหลัก เพราะรัฐบาลอินโดฯ มีนโยบายด้านการสนับสนุนผู้ประกอบการภายในประเทศ นักลงทุนจากต่างประเทศที่จะเข้าไปจะต้องเป็นไปในลักษณะของการร่วมทุนกับผู้ประกอบการท้องถิ่น”

นอกจากแผนระยะสั้นที่ผู้บริหารแบรนด์กู๊ดวิลเปิดเผยออกมาแล้ว ยังมีแผนธุรกิจในระยะยาวและดูเหมือนจะไปไกลถึงตลาดหลักทรัพย์ในปี 2571 โดยล่าสุด พัชร์ ฟู้ด อินเทลลิเจ้นซ์ ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนร่วมลงทุนในกิจการ SMEs (กองทุนย่อยกองที่ 1) ของ SME D Bank ที่จะเข้ามาช่วยเสริมศักยภาพในด้านองค์ความรู้ด้านการจัดการทางการเงิน รวมถึงแนวทางปฏิบัติและกำลังการดูแลกิจการที่ดีต่อยอดสู่การยกระดับมาตรฐานองค์กร รวมถึงช่วยเสริมโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนให้กิจการสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน เพื่อเตรียมพร้อมในการก้าวสู่การจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในปี 2571

“เราได้รับการสนับสนุนจากกองทุนย่อยกองที่ 1 จาก SME D Bank ซึ่งกองทุนนี้อายุ 8 ปี ซึ่งจะทำให้เราสร้างความแข็งแกร่งขึ้นมาได้ โดยเฉพาะระบบหลังบ้าน การจัดการด้านการเงิน ปัจจุบันเรามีกำลังการผลิตอยู่ที่ 12,000 ตันต่อปี กองทุนนี้จะทำให้เราสามารถเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 24,000 ตันต่อไปได้ บริษัทจะทำเงินไปลงทุนในปี 2568 กว่า 240 ล้านบาท เพิ่มเครื่องจักร 200 ล้านบาท และจัดการระบบหลังบ้าน 40 ล้านบาท เพื่อเพิ่มไลน์สินค้าใหม่ๆ ขยายตลาดทั้งในไทยและต่างประเทศ” ปรางศิริ เมษะมาน รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท พัชร์ ฟู้ด อินเทลลิเจ้นซ์ จำกัด กล่าว ก่อนจะอธิบายเพิ่มเติมว่า

พัชร์ ฟู้ด อินเทลลิเจ้นซ์ มีแผนจะเพิ่มสินค้าไลน์ใหม่ในปีหน้าถึง 3 แบรนด์ คือ วันดี ผลิตภัณฑ์กะทิกล่อง กู๊ดเดย์ เครื่องดื่มสุขภาพทางเลือก เช่น กาแฟ นม Plantbase และ แฮปปี้ไทม์ ผลิตภัณฑ์นมสำหรับสัตว์เลี้ยง และมีแผนที่จะออกผลิตภัณฑ์ใหม่เฉลี่ยปีละ 2-3 รายการ

“ความแข็งแกร่งที่เราสร้างขึ้น ทั้งการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อกลุ่มเป้าหมายเดิมและเจาะกลุ่มเป้าหมายใหม่ ซึ่งคือ Home Use การปรับปรุงการทำงานทั้งระบบ สร้างกระบวนการผลิตสู่ระบบออโตเมชัน แผนการระยะสั้นทั้งหมด จะเป็นการเตรียมพร้อมที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งคาดว่าจะพร้อมในปี 2571 ซึ่งจะทำให้เราเติบโตอย่างยั่งยืนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้”

อิทธิพล ปฏิมาวิรุจน์ ให้แนวคิดในการทำธุรกิจในครั้งนี้ว่า “อย่ากำไรเยอะ สินค้าเรามี Value Chain เราเป็นครัวโลก วัตถุดิบเยอะมาก แต่เราต้องสร้าง Eco System ให้แข็งแรง การเอากำไรเยอะ ผู้บริโภคจะอยู่ไม่ได้ เราใช้ความจริงใจในการขับเคลื่อนธุรกิจ ทีมงานระบบหลังบ้านต้องดี จะทำให้บริษัทเติบโต”

คงต้องติดตามกันต่อไปว่า กู๊ดวิล แบรนด์นมข้นหวานน้องใหม่ในตลาด จะฝ่าฟันตลาดที่มีแบรนด์เจ้าตลาดรายใหญ่อยู่ก่อนแล้วได้หรือไม่ ทั้งแผนระยะสั้นและระยะยาว แม้ตลาดอาหารและเครื่องดื่มในไทยจะเติบโตและขยายตัวอย่างต่อเนื่อง แต่คงไม่ง่ายที่จะชิงส่วนแบ่งตลาดและกลายมาเป็นตัวเลือกแรกของลูกค้า นี่ถือเป็นความท้าทายที่ผู้บริหารแบรนด์กู๊ดวิลต้องเผชิญ.