“ภาวะปากแหว่งเพดานโหว่” ถือเป็นอีกหนึ่งความท้าทายด้านสุขภาพที่ทำให้เด็กไทยจำนวนมากประสบปัญหาทางพัฒนาการในวัยเด็ก ส่งผลให้ขาดโอกาสในการใช้ชีวิตที่มีคุณภาพเมื่อเติบโตขึ้น และยังเป็นต้นเหตุของหลากหลายโรคแทรกซ้อนที่ส่งผลต่อสุขภาพของเด็กในระยะยาว
ข้อมูลทางสถิติจากมูลนิธิสร้างรอยยิ้ม ระบุว่า ทารกไทยที่เกิดมา 700 คน จะมี 1 คนที่เกิดมาพร้อมภาวะปากแหว่งหรือเพดานโหว่ และบางรายมีอาการทั้งสองอย่าง ซึ่งในประเทศไทยพบเด็กที่มีภาวะปากแหว่งหรือเพดานโหว่โดยเฉลี่ยจำนวน 2,000 รายต่อปี สำหรับสถิติทั่วโลกพบว่า ทุก ๆ 3 นาที จะมีทารก 1 คน ที่เกิดมาพร้อมภาวะปากแหว่งเพดานโหว่ ซึ่งเป็นความผิดปกติบนใบหน้าแต่กำเนิด
ทารกที่มีภาวะ “ปากแหว่ง” จะมีรอยแยกของริมฝีปากบนและอาจมีรอยแยกไปจนถึงเหงือกและเพดานปากส่วนหน้า ส่วนภาวะ “เพดานโหว่” จะมีรอยแยกที่เพดานอ่อนไปจนถึงเพดานแข็ง ถือเป็นภาวะที่ยังไม่สามารถระบุสาเหตุที่แน่ชัดทางการแพทย์ได้ แต่พบว่าปัจจัยที่มีผลต่อความผิดปกติดังกล่าวมาจากปัจจัยความผิดปกติทางพันธุกรรม ปัจจัยทางสิ่งแวดล้อม การใช้สารเสพติดหรือยาบางชนิดของมารดาเมื่อตั้งครรภ์ รวมถึงความผิดปกติในช่วงไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์
โดยภาวะปากแหว่งเพดานโหว่นั้นส่งผลกระทบทั้งทางร่างกายและจิตใจของผู้ป่วยเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น การก่อให้เกิดโรคทางหูและปัญหาทางทันตกรรม การสูญเสียการได้ยิน ความเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย ปัญหาด้านการพูดและการรับประทานอาหาร ที่สำคัญความผิดปกติบนใบหน้าที่เกิดขึ้น ยังลดทอนความมั่นใจในการใช้ชีวิตของผู้ป่วย และส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจในระยะยาวอีกด้วย
ซึ่งภาวะปากแหว่งเพดานโหว่สามารถรักษาได้ด้วยการผ่าตัด แต่ต้องอาศัยการเข้าผ่าตัดที่ต่อเนื่องและใช้เวลา โดยเฉลี่ยต้องได้รับการผ่าตัดประมาณ 5 ครั้ง ใช้เวลาในการรักษาต่อเนื่องนานกว่า 10 ปี โดยช่วงอายุที่การรักษาจะได้ผลดีที่สุดต้องเริ่มการรักษาตั้งแต่อายุ 3 เดือน และในบางครั้งอาจยาวนานจนผู้ป่วยมีอายุถึง 20 ปี ขึ้นอยู่กับระดับความผิดปกติของผู้ป่วย และเป็นการรักษาแบบสหวิชาชีพที่ต้องมีการทำงานร่วมกันระหว่างศัลยแพทย์ กุมารแพทย์ ทันตแพทย์ และนักบำบัดการพูด เพื่อให้เด็ก ๆ กลับมายิ้มได้และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขอีกครั้ง
แต่ด้วยระยะเวลาในการรักษาตลอดจนค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น ทำให้ผู้ปกครองจำนวนมากโดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกลไม่สามารถเข้าถึงการผ่าตัดได้ ซึ่งนั่นทำให้เด็กๆ ที่มีภาวะปากแหว่งเพดานโหว่จำนวนมากเช่นกันที่ยังไม่ได้รับการผ่าตัดรักษา
ที่ผ่านมามีหน่วยงานอย่าง “มูลนิธิสร้างรอยยิ้ม” (Operation Smile Foundation) เป็นกำลังสำคัญในการช่วยเหลือให้เด็กที่มีภาวะปากแหว่งเพดานโหว่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องและเหมาะสม แต่แน่นอนว่าด้วยจำนวนผู้ป่วยที่ต้องการความช่วยเหลือที่มีจำนวนมาก ภารกิจครั้งนี้จึงไม่ใช่เรื่องง่าย ซึ่งการได้รับการสนับสนุนจากองค์กรต่างๆ จึงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อที่จะเป็นแรงสนับสนุนและทำให้เด็กๆ เหล่านั้นกลับมามีรอยยิ้มได้เหมือนคนทั่วไป
ล่าสุดมูลนิธิฟูจิฟิล์ม บิสซิเนส อินโนเวชั่น (ประเทศไทย) ในฐานะองค์กรการกุศลภายใต้กลุ่มบริษัทฟูจิฟิล์ม ตัดสินใจเป็นอีกหนึ่งแรงสนับสนุน ประกาศจับมือกับมูลนิธิสร้างรอยยิ้ม สร้างโครงการ “100 รอยยิ้ม” สนับสนุนการผ่าตัดผู้ป่วยปากแหว่งเพดานโหว่ 100 การผ่าตัด ด้วยเงินสนับสนุนกว่า 3,000,000 บาท เพื่อเพิ่มโอกาสเข้าถึงการรักษาและให้ผู้ป่วยสามารถกลับไปใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างเท่าเทียมอีกครั้ง อีกทั้งยังต้องการสร้างความตระหนักรู้ให้แก่สังคมถึงผลกระทบทางร่างกายและจิตใจที่เด็กโรคปากแหว่งเพดานโหว่ต้องเผชิญตั้งแต่กำเนิดอีกด้วย
มร. มาซาอากิ ยานากิย่า ประธานมูลนิธิฟูจิฟิล์ม บิสซิเนส อินโนเวชั่น (ประเทศไทย) และประธาน บริษัท ฟูจิฟิล์ม บิสซิเนส อินโนเวชั่น (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงที่มาของการสนับสนุนในครั้งนี้ไว้ว่า
มูลนิธิฟูจิฟิล์ม บิสซิเนส อินโนเวชั่น (ประเทศไทย) ตระหนักถึงปัญหาการเข้าถึงบริการด้านสาธารณสุขในประเทศไทยที่ส่งผลกระทบต่อผู้ป่วยปากแหว่งเพดานโหว่ ทั้งยังเล็งเห็นว่ายังมีคนไทยบางกลุ่มในหลายพื้นที่ยังมีข้อจำกัดในการเข้าถึงการผ่าตัด ซึ่งบ่อยครั้งการรักษาภาวะดังกล่าวต้องอาศัยการผ่าตัดอย่างต่อเนื่องหลายครั้งเป็นเวลาหลายปีจึงจะกลับมาเป็นปกติได้
ด้วยเหตุนี้ ทางมูลนิธิฯ จึงริเริ่มโครงการ ‘100 รอยยิ้ม’ ผ่านการบริจาคทุนสนับสนุนการรักษาให้กับบุคลากรทางการแพทย์ที่ทำงานร่วมกับมูลนิธิสร้างรอยยิ้ม เพื่อมอบการผ่าตัดต่อเนื่องแบบไม่จำกัดระยะเวลา และการออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่เพื่อการผ่าตัดแบบ 1 สัปดาห์ ด้วยเป้าหมายในการร่วมส่งมอบรอยยิ้มที่สดใสให้แก่คนไทยทั่วประเทศซึ่งรวมถึงชุมชนในพื้นที่ห่างไกล
การสนับสนุนของมูลนิธิฟูจิฟิล์ม บิสซิเนส อินโนเวชั่น (ประเทศไทย) จะดำเนินโครงการเพื่อมอบการผ่าตัดแบบต่อเนื่องไม่จำกัดระยะเวลาให้ผู้ป่วยทั่วประเทศทั้งหมด 100 การผ่าตัด ผ่าน 3 โรงพยาบาลหลัก ได้แก่ โรงพยาบาลชลบุรี จังหวัดชลบุรี 30 รอยยิ้ม และโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ จังหวัดเชียงราย อีก 50 รอยยิ้ม ตลอดจนสนับสนุนโครงการหน่วยแพทย์เคลื่อนที่เพื่อให้การผ่าตัดภายใน 1 สัปดาห์ ที่โรงพยาบาลแม่สอด จังหวัดตาก อีก 20 รอยยิ้ม โดยผู้ที่ต้องการเข้าร่วมโครงการสามารถแจ้งความจำนงไปยังโรงพยาบาลทั้ง 3 แห่งข้างต้น ซึ่งหลังจากนั้นทางโรงพยาบาลและทีมแพทย์จะเป็นผู้คัดกรองว่าสามารถทำได้หรือไม่ โดยมีมูลนิธิสร้างรอยยิ้มเป็นผู้ประสาน
คุณวิรดา เลิศมหัทธโน รองประธานมูลนิธิฟูจิฟิล์ม บิสซิเนส อินโนเวชั่น (ประเทศไทย) และผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคลและกิจการองค์กร บริษัท ฟูจิฟิล์ม บิสซิเนส อินโนเวชั่น (ประเทศไทย) จำกัด อีกหนึ่งผู้อยู่เบื้องหลังโครงการ 100 รอยยิ้ม เปิดเผยว่า การส่งมอบ 100 รอยยิ้มให้แก่คนไทยในครั้งนี้สอดคล้องกับ “Group Purpose” หรือจุดมุ่งหมายใหม่ของกลุ่มบริษัทฟูจิฟิล์มในการ “แต่งแต้มรอยยิ้มให้โลกของเรา” หรือ “Giving our world more smiles” ที่กลุ่มบริษัทฟูจิฟิล์มเพิ่งประกาศออกมาล่าสุดในปีนี้ ซึ่งเป็นแนวทางในการดำเนินธุรกิจเพื่อสร้างสรรค์สังคมและยกระดับคุณภาพชีวิตของคนทั่วโลก ภายใต้แผนเชิงคุณค่าแห่งความยั่งยืน 2030 (Sustainable Value Plan 2030) เพื่อขับเคลื่อนการประกอบธุรกิจพร้อมๆ กับความรับผิดชอบต่อสังคมอย่างยั่งยืนใน 4 มิติหลัก ได้แก่ สิ่งแวดล้อม สุขภาพ ชีวิตประจำวัน และสไตล์การทำงาน โดยโครงการ “100 รอยยิ้ม” จะเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางการมุ่งสู่ 100 ปีแห่งความสำเร็จของฟูจิฟิล์ม
“เด็กที่เกิดมาพร้อมกับภาวะปากแหว่งเพดานโหว่ในประเทศไทยมีจำนวนมาก และก็มีจำนวนมากเช่นกันที่ไม่สามารถเข้าถึงการรักษาได้ ด้วยเหตุผลหลายๆ อย่าง หลักๆ เลยคือ การรักษาต้องรักษาต่อเนื่อง มีการผ่าตัดมากกว่า 5 ครั้ง การที่เขาจะต้องนำลูกมาผ่าตัดในช่วงระยะเวลานานๆ และต่อเนื่อง นั่นหมายถึงการขาดงานและขาดรายได้ของพ่อแม่ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่มีรายได้ไม่มากนัก ทำให้พ่อแม่ หลายคนถอดใจ อาจพาลูกมาแค่ครั้งสองครั้งแล้วไม่ได้มาอีก”
“เท่าที่ทราบมา นอกจากจะช่วยเรื่องการผ่าตัดรักษาแล้ว ในบางกรณีทางมูลนิธิสร้างรอยยิ้มยังให้การช่วยเหลือเรื่องค่าเดินทางกับผู้ปกครองในการพาเด็กๆ มารักษาอีกด้วย ซึ่งเราเห็นว่ามันเป็นโครงการที่ดีมากๆ”
ที่ผ่านมาทางมูลนิธิฟูจิฟิล์ม บิสซิเนส อินโนเวชั่น (ประเทศไทย) ได้เคยพูดคุยกับมูลนิธิสร้างรอยยิ้มนานแล้ว แต่ยังไม่มีโอกาสได้ทำงานร่วมกัน จนกระทั่งในครั้งนี้มีการคุยกันในรายละเอียดและเห็นว่าเป็นโครงการที่ดี จึงเป็นที่มาของโครงการส่งต่อรอยยิ้มในครั้งนี้
“ประกอบกับปีนี้เป็นปีที่กลุ่มฟูจิฟิล์มดำเนินธุรกิจมาครบ 90 ปี และเรามุ่งสู่การเป็นบริษัทที่ยั่งยืนถึง 100 ปี จึงนำมาตั้งเป็นชื่อโครงการ ‘100 รอยยิ้ม’ ซึ่งเราหวังว่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่สนับสนุนให้เด็กๆ ที่มีภาวะปากแหว่งเพดานโหว่ได้กลับมามีรอยยิ้มที่สดใสเหมือนเด็กทั่วไปอีกครั้ง” คุณวิรดากล่าวทิ้งท้าย
