วันพุธ, ธันวาคม 4, 2024
Home > Cover Story > เต้-ปิยะรัฐ กัลย์จาฤก ตอกย้ำ “Content is King”

เต้-ปิยะรัฐ กัลย์จาฤก ตอกย้ำ “Content is King”

“สิ่งที่เต้พยายามพูดเสมอคือ Content is King แต่อาจจะเพิ่มไปอีกนิดว่า Quality Content is Queen เพราะตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นคอนเทนต์จากที่ไหนในโลก หรือจากประเทศใดก็ตาม มันพิสูจน์ได้แล้วว่า คอนเทนต์เหล่านั้นสามารถเดินทางไปได้ทั่วโลก”

คุณเต้-ปิยะรัฐ กัลย์จาฤก กรรมการผู้จัดการ บริษัท กันตนา เอฟโวลูชั่น จำกัด และผู้อำนวยการบริหารการสร้างสรรค์รายการ บริษัท กันตนา กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวกับ “ผู้จัดการ 360 องศา” ในงานวันเปิดเทศกาลภาพยนตร์ระดับโลกอย่าง “Thailand International LGBTQ+ Film & TV Festival 2024” (TILFF 2024) ที่จัดขึ้นเมื่อต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา

หลังจากเปิดตัวทายาทรุ่น 3 ของ “กันตนา” ที่มาพร้อมโปรเจกต์ยักษ์ใหญ่อย่าง “Blue Project” ที่ใช้ความเชี่ยวชาญและจุดแข็งของกันตนาที่สั่งสมมาตลอด 73 ปี มาสร้างคอนเทนต์และโปรดักชันให้เข้ากับยุคสมัยและแพลตฟอร์มที่เปลี่ยนไป รวมถึงการปั้นโมเดลธุรกิจใหม่ๆ เพื่อเป็นแหล่งรายได้ให้กับกันตนาไปได้ไม่นาน

ดูเหมือนวันนี้ “กันตนา” กำลังเร่งสปีดตัวเองในการพัฒนาคอนเทนต์ตามโรดแมปที่วางไว้ท่ามกลางความท้าทายของยุคสมัย โดยมีคุณเต้-ปิยะรัฐ กัลย์จาฤก ทายาทรุ่น 3 ของ กันตนา กรุ๊ป และพี่ชายคนโตของน้องๆ ร่วมตระกูล “กัลย์จาฤก” อีกกว่า 10 ชีวิต เป็นผู้นำทัพ

เห็นได้จากความสำเร็จของซีรีส์ดราม่ารสจัดอย่าง “สืบสันดาน” (Master of the House) ออริจินัลคอนเทนต์ของ Netflix ที่ผลิตโดย กันตนา โมชั่น พิคเจอร์ส และผ่านฝีมือกำกับของ ศิวโรจณ์ คงสกุล ที่สร้างปรากฏการณ์ขึ้นอันดับ 1 ของ Netflix ทั่วโลก ในหมวดซีรีส์ภาษาต่างประเทศ พร้อมกับขึ้นอันดับหนึ่งในอีก 10 ประเทศ และติด TOP 10 ไปอีก 63 ประเทศทั่วโลก

“ตอนนี้ประเทศไทยเป็นที่ถูกตาต้องใจและได้รับการยอมรับมากขึ้นในเวทีโลก ในเรื่องของการผลิตคอนเทนต์ ซึ่งความจริงไทยเป็นที่ยอมรับมานานแล้วเพียงแต่อยู่เบื้องหลัง อาจยังไม่เด่นชัดว่าเป็นคนผลิตและมักอยู่ท้ายๆ เครดิต ในอดีตบริษัทที่มาจ้างเราผลิตมักไม่ต้องการให้เปิดเผยว่าเราเป็นคนทำหรืออยู่เบื้องหลัง แต่ตอนนี้เป็นยุคใหม่ เขาภูมิใจด้วยซ้ำที่ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการผลิตคอนเทนต์ในเอเชีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อย่าง Netflix Thailand ซีรีส์เรื่อง ‘สืบสันดาน’ เขาเป็นเจ้าของแต่ให้เกียรติเราในฐานะผู้ผลิต”

ซึ่งคุณเต้เสริมว่า ปัจจุบันอุตสาหกรรมคอนเทนต์อยู่ในยุคการเปลี่ยนผ่าน ทั้งแพลตฟอร์มใหม่ๆ ที่เข้ามา และรูปแบบคอนเทนต์ที่เปลี่ยนไป ทำให้ผู้ผลิตคอนเทนต์ต้องปรับตัวให้เร็วขึ้น และที่น่าเป็นห่วงคืออุตสาหกรรมโทรทัศน์ซึ่งอยู่ในช่วงขาลง

“อุตสาหกรรมโทรทัศน์ต้องการกำลังใจ เราโตมากับยุคของละครวิทยุและโทรทัศน์ เพราะฉะนั้นเต้ไม่รู้สึกว่าควรจะทิ้งเขา แต่จะทำอย่างไรก็ต้องหาวิธีกันต่อไป ส่วนตัวกันตนาเองก็ต้องทำให้ผ่านมันไปให้ได้ แต่ผ่านไปได้คนเดียวก็ไม่ดี ทำอย่างไรให้มีมาตรฐานและไปด้วยกันทั้งอุตสาหกรรม”

ท่ามกลางกระแสซีรีส์สืบสันดานที่ยังคงถูกพูดถึง คุณเต้ไม่ทิ้งช่วงไว้นานเดินหน้าสร้างสีสันให้กับอุตสาหกรรมคอนเทนต์อีกครั้ง ด้วยการจัดเทศกาลภาพยนตร์ “Thailand International LGBTQ+ Film & TV Festival 2024” (TILFF) เทศกาลภาพยนตร์ระดับโลกที่สนับสนุนความหลากหลายและสร้างความเท่าเทียมทางเพศในสังคม ผ่านผลงานศิลปะและคอนเทนต์ในอุตสาหกรรมภาพยนตร์

“ต้องยอมรับว่าปัจจุบันประเทศไทยมีชื่อเสียงในการผลิตคอนเทนต์ทั้งที่เป็น BL (Boys Love) และตอนนี้เริ่มเป็น GL (Girls Love) ได้ดีที่สุด และสามารถส่งออกไปสร้างชื่อเสียงในต่างประเทศได้ ด้วยศักยภาพนี้ไทยจึงน่าจะเป็น LGBTQ+ TV and Film Festival หรือ TV and Film Hub ของโลกนี้ได้ เลยจัดเทศกาลนี้ขึ้นมา ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในไทย”

ที่น่าสนใจคืออุตสาหกรรมคอนเทนต์ Y ของไทยโตอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2557 ช่วงที่ภาพยนตร์ Boys Love เรื่อง “รักแห่งสยาม” ได้รับความนิยม ซึ่งเป็นผลมาจากการยอมรับความหลากหลายทางเพศที่เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้อุตสาหกรรมดังกล่าวเติบโตอย่างรวดเร็ว

โดยจำนวนผู้ผลิตคอนเทนต์ Y ได้เพิ่มขึ้นจากไม่กี่บริษัท จนถึงตอนนี้มีมากกว่า 50 บริษัท  มีมูลค่าตลาดต่อปีสูงถึง 2-3 พันล้านบาท ซึ่งในปี 2567 ตลาดเติบโตขึ้น 20% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

สำหรับงานครั้งนี้เป็นการรวมคอนเทนต์ภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับ LGBTQ+ จากทั่วโลก โดยเปิดกว้างสำหรับทุกคนไม่เฉพาะกลุ่ม LGBTQ+ เท่านั้น เพื่อเป็นการนำเสนอและส่งเสริมการผลิตคอนเทนต์ที่หลากหลาย อีกทั้งยังเป็นการสื่อสารความเท่าเทียมทางเพศผ่านภาพยนตร์

“ตอนนี้มันเป็นโลกใหม่ที่ไม่จำเป็นต้องเหมือนเดิมอีกต่อไป เพราะคงไม่มีใครสามารถบอกได้ว่าในชีวิตไม่รู้จัก LGBTQ+ ไม่ว่าจะเป็นคนในครอบครัว เพื่อน หรือคนรู้จัก เราต้องการสื่อสารในเรื่องความเท่าเทียมทางเพศผ่านคอนเทนต์ที่เป็นภาพยนตร์ เพราะ ‘Content is King’ คอนเทนต์คือการสื่อสารที่ดีที่สุด เรียบง่าย ทุกคนเข้าใจได้”

คุณเต้เล่าต่อว่าตัวเองชัดเจนในสิ่งที่เป็นมาตั้งแต่เด็ก แต่การเป็น LGBTQ+ ในยุคสมัยหนึ่งกลับไม่ง่าย ต้องเจอกับสังคมที่ไม่ยอมรับ และถูกมองเป็นตัวประหลาดของคนอื่น เมื่อมีโอกาสได้เข้ามาทำงานจึงพยายามสอดแทรกความเป็น LGBTQ+ ผ่านรายการต่างๆ เพื่อสนับสนุนความเท่าเทียมทางเพศ และเพื่อสร้าง Role Model ให้กับกลุ่ม LGBTQ+ ไม่ว่าจะเป็น The Face Thailand ที่เปิดโอกาสให้ทรานส์เจนเดอร์เข้าร่วมประกวด รวมถึงรายการ “Drag Race Thailand” ที่เป็นกระแสและสร้างต้นแบบให้กับผู้ที่หลากหลายทางเพศได้ไม่น้อย

“ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ในยุคที่เต้โตมาสังคมยังไม่ยอมรับ เพราะฉะนั้นในยุคต่อๆ มา มันจึงเป็นเหตุผลว่า ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตามจะสอดแทรกสิ่งเหล่านี้เข้าไปเสมอ เพื่อแสดงให้เห็นว่า LGBTQ+ คือความปกติของสังคม โดยใช้ต้นทุนที่เรามีจากการโตมาในธุรกิจครอบครัวที่เป็นธุรกิจบันเทิง มีคุณปู่เป็น King of entertainment มีคุณพ่อเป็นผู้บุกเบิกทำสิ่งต่างๆ มามากมาย อีกอย่างคือเพื่อสร้างฮีโร่ให้กับคนรุ่นหลัง ซึ่งเขาสามารถเป็นอะไรได้หลายอย่าง และที่สำคัญเขาจะได้ไม่ต้องเจ็บปวดเหมือนในยุคเรา”

ซึ่งงานเทศกาลภาพยนตร์ในครั้งนี้ถือเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เพราะคุณเต้มองว่า ไทยมีศักยภาพและความพร้อมในการเป็น “ฮับ” ของชุมชน LGBTQ+ ดังจะเห็นได้จากเทศกาลไพรด์ หรือ Pride Month ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในเดือนมิถุนายน ซึ่งที่ผ่านมาได้สร้างสีสันและมีบทบาทมากขึ้นเรื่อยๆ ในกลุ่ม LGBTQ+ ที่สำคัญยังสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนได้ไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะต้องยอมรับว่าวันนี้ “Pink Economy” ซึ่งหมายถึงกำลังซื้อและการใช้จ่ายที่หนักและหลากหลายของกลุ่ม LGBTQ+ เป็นสิ่งที่กำลังมาแรง และเมื่อวุฒิสภาผ่านร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียมด้วยแล้ว นั่นหมายถึงโอกาสของเศรษฐกิจที่มากขึ้นเช่นกัน

“ไทยเป็นฮับของ LGBTQ+ มานานแล้ว หลายคนเขาอยากมาใช้ชีวิตที่นี่ แต่งงาน มีลูก มากกว่ามา Pride Month กันแค่เดือนเดียว ซึ่งไทยสามารถทำอะไรต่อจากนี้ได้อีกเยอะ ไม่ว่าจะเป็นการบริการ การแพทย์ มันสามารถทำให้เกิดขึ้นได้จริง และไม่ใช่เรื่องไกลตัว”

นอกจากเทศกาลภาพยนตร์ LGBTQ+ ครั้งนี้แล้ว กันตนายังได้เตรียมซีรีส์ Girl Love สไตล์ Romantic Fantasy อย่าง “Reverse 4 You ดาวบริวาร” รวมถึงอีเวนต์ “World Wedding” ที่กำลังจะเกิดขึ้นตามมา เพื่อสนับสนุนความเท่าเทียมและต่อยอด Pink Economy ไว้อีกด้วย

แต่ด้วยสิ่งที่กันตนามีอยู่ในมือและความเป็นตัวตนของ เต้-ปิยะรัฐ กัลย์จาฤก เชื่อแน่ว่าในอนาคตอันใกล้ ต้องมีคอนเทนต์จากค่ายกันตนาออกมาสร้างสีสันในตลาดอีกอย่างแน่นอน.