“จอห์นนี่ วอล์กเกอร์” เป็นแบรนด์สก็อตช์วิสกี้ที่มีประวัติศาสตร์ยานนานกว่า 200 ปี โดยถือกำเนิดขึ้นในปี ค.ศ. 1819 ในสกอตแลนด์ โดย “จอห์น วอล์กเกอร์” ก่อนที่จะได้รับความนิยมจนขยายไปทั่วโลก
จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาถึงเมืองไทยในปี พ.ศ. 2467 ซึ่งถ้านับถึงปัจจุบัน นั่นหมายความว่า จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ เข้ามาในเมืองไทยได้ครบ 100 พอดิบพอดี ซึ่งในโอกาสครบรอบ 100 ปี ของแบรนด์เราได้มีโอกาสพูดคุยกับ “จรินี วงศ์กำทอง” ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ดิอาจิโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี่ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ DMHT ที่จะมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับแบรนด์และการเดินทางตลอด 100 ปีในเมืองไทย และแคมเปญ “จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ 100 ปีในไทย ที่ไม่เคยหยุดก้าว”
“จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ เป็นแบรนด์ที่มีอายุมากกว่า 200 ปี แต่เดินทางมาถึงเมืองไทยเมื่อ 100 ปีที่แล้ว ซึ่งจอห์นนี่ วอล์กเกอร์ เรด เลเบิ้ล กับจอห์นนี่ วอล์กเกอร์ แบล็ค เลเบิ้ล เข้ามาก่อน ตอนนั้นคนไทยเรียกว่า ยอร์นนี่ วอล์กเกอร์ ตราดำ ตราแดง ซึ่งตลอดร้อยปีที่ผ่านมา เราเดินทางผ่านปรัชญาของแบรนด์อย่าง ‘Keep Walking’ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนก้าวต่อไปข้างหน้าในทุกสถานการณ์”
คุณจรินีขยายความต่อว่า ในส่วนของผลิตภัณฑ์มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้หลากหลายเพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการ เริ่มตั้งแต่ Premium Core ทั้งจอห์นนี่ วอล์กเกอร์ เรด เลเบิ้ล, จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ แบล็ค เลเบิ้ล และจอห์นนี่ วอล์กเกอร์ บลอนด์
นอกจากนี้ยังมีกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่พรีเมียมขึ้นไปอีกขั้นอย่าง จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ กรีน เลเบิ้ล และ จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ โกลด์ เลเบิ้ล และจอห์นนี่ วอล์กเกอร์ บลู เลเบิ้ล ที่มีเพียง 1 ในหนึ่งหมื่นถังเท่านั้นที่สามารถนำมาผลิตได้ ตลอดจนกลุ่มที่มองหาความหายากอย่างกลุ่ม จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ แอนด์ ซันส์
ในโอกาสที่แบรนด์จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ อยู่ในเมืองไทยมาครบ 100 ปี ทางบริษัท ดิอาจิโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี่ (ประเทศไทย) จำกัด จึงเปิดตัวแคมเปญ ‘จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ 100 ปีในไทย ที่ไม่เคยหยุดก้าว’ มาตั้งแต่ต้นปี 2567 มีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ Johnnie Walker 100th Year Limited Edition ทั้ง จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ แบล็ค เลเบิ้ล และจอห์นนี่ วอล์กเกอร์ เรด เลเบิ้ล ในกล่องดีไซน์ลวดลายพิเศษเฉพาะในประเทศไทย ที่มีลายเส้นและภาพวาดที่สะท้อนถึงการเติบโตของแบรนด์ผ่านยุคสมัยต่าง ๆ จากอดีตจนถึงปัจจุบัน และต่อเนื่องถึงอนาคต
รวมถึงชิ้นโฆษณาที่เป็นที่จดจำในอดีต อย่าง โฆษณาจอห์นนี่ วอล์กเกอร์ เรด เลเบิ้ล ที่นำเสนอภาพอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยที่มีหิมะปกคลุม สะท้อนแนวคิด “เป็นไปไม่ได้ ทำไม่ได้ หรือไม่ได้ทำ” และเรื่องราวของหุ่นยนต์ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence หรือ AI) ที่ปรากฎในโฆษณาชิ้นโดดเด่นของ จอห์นนี่ วอล์กเกอร์
คราวนี้ถึงคิวของพี่ใหญ่อย่าง จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ บลู เลเบิ้ล ที่มาในธีมงาน “THE BLUE BOUTIQUE” ที่ชวนผู้บริโภคสัมผัสศิลปะหลากมิติผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 ได้แก่ รูป รส กลิ่น เสียง และการมองเห็น กับประสบการณ์ Immersive ในรูปแบบป็อปอัพ ผ่านการนำเสนอที่โดดเด่นด้วยจอภาพแบบ 360 องศา ที่มาพร้อมเอฟเฟกต์แสงสีเสียง ที่จัดขึ้น ณ ไอคอนสยาม เจริญนคร ระหว่างวันที่ 13-22 กรกฎาคม พ.ศ. 2567
นอกจากนี้ยังมีการเปิดตัว TROVE OF BLUE ผลงานหัตถศิลป์ชิ้นพิเศษเพียงหนึ่งเดียวในโลก ที่รังสรรค์ด้วยลวดลายของ ‘ผ้าลายอย่าง’ อันได้แรงบันดาลใจจากความแรร์และล้ำลึกของ จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ บลู เลเบิ้ล ซึ่งได้รับการประดับประดาด้วยอัญมณีล้ำค่า โดย ‘ศรัณญ อยู่คงดี’ ศิลปินชั้นนำชาวไทยผู้ก่อตั้งแบรนด์ SARRAN
TROVE OF BLUE หัตถศิลป์ชิ้นงามจากแบรนด์ SARRAN
ศรัณญ อยู่คงดี นักออกแบบมากฝีมือ ผู้ก่อตั้งแบรนด์ SARRAN และผู้รังสรรค์หัตถศิลป์ชิ้นพิเศษชิ้นนี้ เล่าเรื่องราวของการรังสรรค์งานชิ้นนี้ว่า
“การออกแบบ TROVE OF BLUE ในครั้งนี้เปรียบเสมือนการรังสรรค์ผลงานศิลปะเพื่อถ่ายทอดเรื่องราวการเดินทางที่มีมาอย่างยาวนานของแบรนด์ ภายใต้คอนเซปต์ The Precious Century of Johnnie Walker Blue Label โดยได้รับแรงบันดาลใจจากการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง ตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน ต่อเนื่องไปจนถึงอนาคต ตามแบบฉบับปรัชญา KEEP WALKING ของ จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ ที่ผสานนวัตกรรมเข้ากับความคิดสร้างสรรค์ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ แต่ยังคงเต็มเปี่ยมไปด้วยเอกลักษณ์ด้านความพรีเมียมและความแรร์ที่สะท้อนผ่านความล้ำลึกของ จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ บลู เลเบิ้ล”
ซึ่งงานชิ้นเอกนี้ ศรัณญเลือกใช้ “ผ้าลายอย่าง” ซึ่งเป็นผ้าไทยโบราณที่ในสมัยก่อนจะนำมาห่อหุ้มสิ่งสำคัญที่ล้ำค่าเพื่อการเก็บรักษาอย่างดีที่สุด มาเป็นส่วนประกอบหลักในการสร้างสรรค์ผลงานชิ้นนี้ โดยนำมาออกแบบร่วมกับลวดลายดอกไม้เพื่อสร้างทรงของผ้า สะท้อนถึงความตั้งใจที่จะทะนุถนอมและส่งต่อสมบัติอันทรงคุณค่า โดยเพิ่มความพิเศษด้วยการประดับอัญมณีสีน้ำเงินที่คัดสรรด้วยมือจำนวน 100 เม็ด
โดยคุณศรัณญได้เลือกใช้ผ้าลายอย่างร่วมกับเทคโนโลยีดิจิทัล พรินต์ (Digital Print) เพื่อสร้างโครงในรูปแบบสามมิติ ก่อนนำไปออกแบบในขั้นต่อไป รวมไปถึงการเลือกใช้วัสดุทองเหลือง (Brass) เพื่อสะท้อนถึงการใช้ทองเหลืองของชาวไทยในชีวิตประจำวันที่มีมาตั้งแต่ในอดีตจวบจนปัจจุบันอย่างภาชนะใส่ของ และการใช้ลวดลายดอกพุด และดอกมะลิเป็นหลัก ซึ่งเป็นดอกไม้ที่สะท้อนถึงเอกลักษณ์ความเป็นไทย แต่ยังได้กลิ่นอายความเป็นสมัยใหม่ด้วยการไล่ระดับและขนาดของดอกไม้ให้มีขนาดที่ต่างกันด้วยการใช้เทคโนโลยีการพิมพ์เข้ามาเสริม ต่างจากสมัยก่อนที่ลวดลายจะมีขนาดเดียวกันทั้งผืน และการออกแบบสุดพิเศษด้วยนวัตกรรมและความพิถีพิถัน ยังทำให้ผลงานหัตถศิลป์ชิ้นนี้ละเอียดอ่อนด้วยองศาการทิ้งตัวของโครงทองเหลือง ที่เปรียบเสมือนการทิ้งตัวของผ้าลายอย่างอย่างสมจริงอีกด้วย
การออกแบบและสร้างสรรค์ผลงานหัตถศิลป์ TROVE OF BLUE เริ่มต้นขึ้นในเดือนมกราคม พ.ศ. 2567 และเป็นการร่วมงานกับช่างหลากหลายหมู่มากที่สุดสำหรับคุณศรัณญ และยังเป็นการผสานเทคนิคทางศิลปะที่หลากหลายไว้ในผลงานชิ้นเดียว ประกอบไปด้วย การดุน การฉลุ การฝังพลอยหรือที่เรียกว่า ‘เตย’ และความรู้ด้านสกุลผ้า รวมถึงเทคนิคอื่นๆ โดยงานหัตถศิลป์ที่รังสรรค์โดยคุณศรัณญครั้งนี้มีเพียง 10 ชิ้นบนโลก และมีเพียง 1 ชิ้นที่ได้รับการรังสรรค์เป็นพิเศษ
กลยุทธ์การรับมือกับความท้าทายทางธุรกิจในปัจจุบัน
นอกจากแคมเปญฉลอง 100 ปีแล้ว คุณจรินียังได้เปิดเผยถึงกลยุทธ์การรับมือในการดำเนินธุรกิจท่ามกลางความท้าทายในปัจจุบันไว้อย่างน่าสนใจว่า หลักสำคัญสำหรับการทำธุรกิจท่ามกลางความท้าทายทางเศรษฐกิจ คือการปรับตัวตามเทรนด์ของผู้บริโภค เพื่อให้สามารถเข้าใจความต้องการและลักษณะสังคมของผู้บริโภคอย่างครอบคลุม แต่ที่สำคัญต้องดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับโพซิชันนิ่งของแบรนด์
ที่ผ่านมาจอห์นนี่ วอล์กเกอร์ ยังยึดมั่นในปรัชญา ‘Keep Walking’ มาโดยตลอด ทั้งการมองหานวัตกรรมใหม่ๆ ทั้งด้านผลิตภัณฑ์ (Product) ให้มีความหลากหลายทั้งในด้านรูปแบบและราคา รวมไปถึงนวัตกรรมด้านการให้บริการผ่านการยกระดับประสบการณ์ที่ในปัจจุบันผู้บริโภคมักจะมองหาประสบการณ์ใหม่ๆ อย่างการเปิดตัว Johnnie Walker Depth of Blue Room แฟล็กชิพสโตร์แห่งแรกในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ณ โรงแรมพาร์ค ไฮแอท กรุงเทพฯ
ปัจจุบันพอร์ตโฟลิโอเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของบริษัท ดิอาจิโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี่ (ประเทศไทย) ถือว่าครอบคลุมเพื่อสร้างศักยภาพทางการแข่งขันในตลาด ในขณะที่เทรนด์ของผู้บริโภคเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง โดยลดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้นในหลายประเทศทั่วโลก
“สำหรับบริษัท ดิอาจิโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี่ (ประเทศไทย) เราได้ส่งเสริมการดื่มอย่างรับผิดชอบ หรือ Drink Responsibly มาโดยตลอด โดยมุ่งเน้นการเลือกดื่มและดื่มอย่างมีคุณภาพ ทดแทนการดื่มที่เน้นปริมาณ เรามีโครงการ DRINKiQ ซึ่งเป็นองค์ความรู้ส่งเสริมการดื่มอย่างรับผิดชอบ และโครงการ Wrong Side of the Road ส่งเสริมการดื่มไม่ขับ ที่ดำเนินการมานานกว่า 10 ปี ในทุกๆ กิจกรรมของแบรนด์ ก็จะมีการผนวกเรื่องดื่มอย่างรับผิดชอบ” คุณจรินีทิ้งท้าย