หากย้อนกลับไปในปี 2559 นับตั้งแต่รัฐบาลมาเก๊าประกาศแผนแม่บทพลิกโฉมธุรกิจท่องเที่ยวครั้งใหญ่ เพื่อเปลี่ยนแปลงภาคธุรกิจท่องเที่ยวให้มาเก๊าเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและการพักผ่อนของโลก โดยมีเป้าหมายที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นภายในปี 2563
ความพยายามที่จะเปลี่ยนภาพจำของมาเก๊า ที่คนส่วนใหญ่รู้จักว่าเป็นแหล่งเกมการพนัน ถูกผลักดันอย่างต่อเนื่องนับแต่นั้นเป็นต้นมา แม้ว่าปัจจุบันจะไม่อาจเปลี่ยนหรือลบออกไปได้หมด เพราะนั่นคือจุดแข็งด้านเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ของมาเก๊า และเป็นแหล่งที่มารายได้หลัก แต่สิ่งหนึ่งที่ค่อยๆ เกิดขึ้นคือ เสน่ห์ของเมืองมาเก๊าที่มีอะไรมากกว่าเมืองแห่งเกม ซึ่งภาครัฐของมาเก๊าพยายามชูเป็นจุดขายใหม่
เป้าหมายการแปลงโฉมธุรกิจท่องเที่ยว ทำให้เห็นการเดินสายจัดโรดโชว์โดยสำนักงานการท่องเที่ยวรัฐบาลมาเก๊าอย่างต่อเนื่อง โดยเชื่อมสัมพันธ์กับผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวในไทย พร้อมชูจุดขายใหม่ของมาเก๊าที่มีความหลากหลายมากขึ้น เช่น สถานที่ท่องเที่ยวที่มีสถาปัตยกรรมที่ได้รับอิทธิพลจากยุโรป ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมตะวันตกกับตะวันออก โดยยูเนสโกประกาศให้มาเก๊าเป็นมรดกโลกตั้งแต่ปี 2548
แม้ว่านักท่องเที่ยวจากจีนจะเป็นนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ของมาเก๊า ทว่าภาครัฐของมาเก๊าให้ความสำคัญต่อตลาดท่องเที่ยวต่างชาติไม่น้อย นี่เป็นอีกหนึ่งแนวคิดที่ฉายภาพการมองสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศและโลกได้เป็นอย่างดี
มาเรีย เฮเลน่า เดอ เซนน่า เฟอร์นานเดซ ผู้ว่าการท่องเที่ยวมาเก๊า บอกกับ “ผู้จัดการ 360 องศา” ว่า “เราให้ความสำคัญอย่างมากกับการเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นตลาดที่มีการฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว โดยในปีนี้การท่องเที่ยวมาเก๊าจัดโรดโชว์ยังประเทศต่างๆ เช่น เกาหลี ญี่ปุ่น สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และไทย โดยนำ 6 กลุ่มโรงแรมรีสอร์ตครบวงจร (Intergrated Resort) ได้แก่ MGM, Galaxy, Wynn Macau, Melco, Sands และ SJM รวมทั้งกลุ่มตัวแทนท่องเที่ยวในมาเก๊า Macao Trade and Investment Promotion Insitute และ Economic Development Bureau of Hengqin (เหิงฉิน) จากจีนเข้าร่วมโรดโชว์ครั้งนี้ด้วย เพื่อร่วมแลกเปลี่ยนสนับสนุนซึ่งกันและกัน รวมทั้งเพื่อให้เกิดการซื้อขายสินค้าทางการท่องเที่ยวและแลกเปลี่ยนความรู้ต่อยอดทางธุรกิจต่อไปกับผู้ประกอบการด้านท่องเที่ยวในไทย รวมทั้งเพื่อหวังกระตุ้นนักท่องเที่ยวชาวไทยซึ่งถือเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวหลักประเทศหนึ่ง ให้มาเที่ยวมาเก๊าทั้งในกลุ่มที่เดินทางมามาเก๊าครั้งแรกและเดินทางซ้ำ ซึ่งที่ผ่านมาได้รับการตอบรับที่ดีจากนักท่องเที่ยวชาวไทยเป็นอย่างมาก เห็นได้จากจำนวนนักท่องเที่ยวชาวไทยที่กลับมามาเก๊าอย่างรวดเร็ว”
ในปี 2562 ก่อนเกิดการแพร่ระบาดโควิด-19 มาเก๊าต้อนรับผู้มาเยือนกว่า 40 ล้านคนจากทั่วโลก เป็นนักท่องเที่ยวไทย 150,000 คน และในปี 2566 ที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวที่เดินทางมามาเก๊ากว่า 28 ล้านคน มีนักท่องเที่ยวไทย 102,163 คน ถือเป็นเกือบ 70% ของตัวเลขนักท่องเที่ยวไทยก่อนการแพร่ระบาดโควิด ขณะที่ตัวเลข 5 เดือนแรกของปี 2567 มีนักท่องเที่ยวไทยไปเยือนมาเก๊าประมาณ 65,000 คน อัตราการจับจ่ายของนักท่องเที่ยวในมาเก๊าเฉลี่ย 10,800 บาทต่อคนต่อทริป และมีวันพักเฉลี่ยเพียง 2.3 คืนต่อทริป
“เป็นผลลัพธ์ที่เราค่อนข้างพอใจ แต่แน่นอนว่าเรายังต้องสร้างความต่อเนื่องและมองหาไอเดียใหม่ๆ เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์การท่องเที่ยว มากกว่าภาพจำที่หลายคนรู้จัก ไม่ว่าจะเป็นอาหาร การท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ การไหว้พระขอพร อาร์ตสตรีท กีฬา เทคโนโลยี และในปีนี้ครบรอบ 25 ปีที่มาเก๊าคืนสู่จีน การท่องเที่ยวมาเก๊าในฐานะภาครัฐได้จัดเตรียมกิจกรรมทุก ๆ เดือน เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวที่จะไปเยือนมาเก๊า รวมทั้งแคมเปญส่งเสริมการตลาด ‘My Treat For You’ ซึ่งได้เตรียมของขวัญให้กับนักท่องเที่ยวตลาดต่างประเทศถึง 250,000 ชิ้น ไม่ว่าจะเป็นตั๋วเครื่องบิน ตั๋วเรือ ตั๋วรถบัส และส่วนลดต่างๆ เพื่อเชิญชวนนักท่องเที่ยว ในขณะที่ภาคเอกชนก็มีการจัดอีเวนต์หลากหลายอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็นคอนเสิร์ต นิทรรศการระดับโลก หรือโชว์ระดับโลกที่หาดูได้ที่มาเก๊าที่เดียว”
สถานการณ์เศรษฐกิจไทยที่อยู่ในภาวะชะลอตัว กำลังซื้อลดลง ซึ่งส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจจับจ่ายของคนไทย ขณะที่ภาครัฐของไทยมีความกังวลและเร่งหาตัวกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะเงินดิจิทัล ที่หลายฝ่ายมองว่าน่าจะช่วยให้เศรษฐกิจไทยพอจะมีแรงขับได้บ้าง
แต่ผู้ว่าการท่องเที่ยวมาเก๊ามองว่า “ความกังวลด้านเศรษฐกิจของไทยเป็นสิ่งที่เราต้องขบคิด แต่สถานการณ์เศรษฐกิจเช่นนี้ไม่ได้เกิดขึ้นแค่ในไทย แต่มันคือวัฏจักรที่หลายประเทศกำลังเผชิญ จีนเองก็เช่นกัน ซึ่งเราเข้าใจสถานการณ์เศรษฐกิจและต้องเตรียมตัวให้พร้อม ปรับสินค้าด้านการท่องเที่ยวให้เหมาะสมกับสถานการณ์”
แม้ว่าอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจะสร้างรายได้ให้มาเก๊าสูงถึง 47,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปีที่ผ่านมา แต่สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัด คือความพยายามที่จะเปลี่ยนฉากทัศน์ของมาเก๊าต่อสายตาโลกจากการเป็นเมืองที่มีแหล่งกาสิโนที่เป็นเสมือนแบรนด์ของมาเก๊า ไปสู่การเป็นเมืองท่องเที่ยวแบบ Non Game ที่ดูจะมีเสน่ห์มากกว่า.