การบุกเบิก และเป็นของใหม่ในตลาดไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะในตลาดนมพร้อมดื่มที่มีมูลค่าสูงหลายหมื่นล้านบาท และคู่แข่งมากหน้าหลายตาให้ฝ่าฟัน แต่ อริสา อร่ามวัฒนานนท์ กลับสร้างความแตกต่างและเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในตลาดนม สร้างทางเลือกใหม่ด้วยการเสิร์ฟนมทางเลือกผลิตภัณฑ์จากอัลมอนด์
การแพ้นมวัวของอริสา เป็นที่มาของการเริ่มต้นธุรกิจเมื่อ 9 ปีก่อน นมอัลมอนด์จึงเป็นทางออกที่ดีของการเติมเต็มด้านสุขภาพ การเดินทางไปศึกษาต่อต่างประเทศและเห็นผลิตภัณฑ์นมทางเลือกอย่างอัลมอนด์ ทว่ารสชาติยังไม่ถูกปากนัก อริสาจึงมองเห็นโอกาสในการพัฒนาและต่อยอดธุรกิจ
แรกเริ่ม อริสาทดลองทำนมอัลมอนด์เพื่อดื่มเองภายในครอบครัว ก่อนจะเริ่มแจกจ่าย และตัดสินใจนำผลิตภัณฑ์ออกวางจำหน่ายในท้องตลาด และนำมาสู่แบรนด์ 137 ดีกรี® ภายใต้บริษัท ซิมเพิ้ล ฟู้ดส์ จำกัด
“137 มาจากเลขที่บ้านค่ะ เราอยากจะสื่อถึงจุดเริ่มต้นของเราว่าเป็นโฮมเมดมาก่อน จึงใช้บ้านเลขที่มาตั้งเป็นชื่อแบรนด์ส่วน ‘ดีกรี’ คือเพิ่มความเป็นยูนิค” อริสา อร่ามวัฒนานนท์ กรรมการผู้จัดการและผู้ก่อตั้ง บริษัท ซิมเพิ้ล ฟู้ดส์ จำกัด อธิบายที่มา
137 ดีกรี® เป็นเจ้าแรกในตลาดนมทางเลือก และยืนระยะการเป็นเบอร์หนึ่งในตลาดได้ตลอดระยะเวลาที่เริ่มต้นสร้างแบรนด์มา 9 ปี ที่น่าสนใจ คือ การเติบโตแบบออแกนิก เน้นการสื่อสารแบบปากต่อปาก จนวันนี้ที่ซิมเพิ้ล ฟู้ดส์ ประกาศรีแบรนด์และใช้พรีเซนเตอร์เป็นครั้งแรก
“ในช่วงแรกเราทำการตลาดน้อยมาก เราเน้นการบอกต่อแบบปากต่อปาก คือการเติบโตของเราเป็นแบบออแกนิก แม้จะมีการสื่อสารผ่านช่องทางโซเชียลบ้าง ส่วนเหตุผลที่ตัดสินใจรีแบรนด์ในครั้งนี้ เพราะเราต้องการตอกย้ำความเป็นผู้นำของตลาด สร้างการรับรู้ให้ผู้บริโภคทั้งกลุ่มลูกค้าเดิมและกลุ่มลูกค้าใหม่
ส่วนเหตุผลที่ใช้พรีเซนเตอร์ เพราะเป็นกลยุทธ์ที่จะเข้ามาเสริมให้แบรนด์น่าจดจำยิ่งขึ้น ซึ่งการเลือกชมพู่ อารยา เอ ฮาร์เก็ต เพราะตัวคุณชมเองดื่มผลิตภัณฑ์ของเราเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เป็นความพิถีพิถันในการเลือกผลิตภัณฑ์สำหรับการบริโภค”
จากข้อมูลของนีลเส็น (Nielsen) ตลาดนมจากถั่วและธัญพืชมีมูลค่ากว่า 1,399 ล้านบาท และ 137 ดีกรี® คือผู้นำในตลาดถือครองส่วนแบ่งการตลาดถึง 42 เปอร์เซ็นต์ จากการสำรวจตั้งแต่เดือนมกราคมถึงธันวาคม 2566
การเป็นเบอร์หนึ่งในตลาดดูจะไม่ใช่เรื่องง่ายเมื่อเป็นรายแรกที่เข้ามาในตลาด ทว่า หลังจาก 137 ดีกรี® เข้ามาแล้วมีอีกหลายแบรนด์ตามมา ทั้งแบรนด์จากไทยและต่างประเทศ เช่น ญี่ปุ่น และอเมริกา แน่นอนว่านั่นคงเป็นเรื่องที่ท้าทายไม่น้อย
“Passion ของผู้บริหาร ทีมงาน และนวัตกรรม เป็นสิ่งที่ทำให้เรายืนระยะการเป็นเบอร์หนึ่งในตลาดได้ แต่เมื่อคู่แข่งเริ่มเยอะขึ้น ยอมรับว่ามีความกังวลอยู่บ้าง แต่เรามั่นใจในจุดแข็งของเราที่แตกต่างจากคู่แข่ง เพราะเราเป็นนมอัลมอนด์ที่ผ่านการคั้นสด โดยไม่ใช้หัวเชื้อ นมของเรามีสารอาหารที่ครบถ้วน นอกจากนี้ เรายังพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีความหลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ปัจจุบันเรามีผลิตภัณฑ์อยู่ด้วยกัน 4 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มนมอัลมอนด์ กลุ่มนมวอลนัต กลุ่มนมพิสตาชิโอ และกลุ่มนมแมคคาเดเมีย” ธนภูมิ อร่ามวัฒนานนท์ กรรมการผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ซิมเพิ้ล ฟู้ดส์ จำกัด ให้ข้อมูลเพิ่มเติม
ขณะที่กลุ่มผู้บริโภคของ 137 ดีกรี® คือผู้ที่แพ้นมวัว ก่อนจะเริ่มขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มคนรักสุขภาพ ซึ่งกลายเป็นลูกค้าหลักของแบรนด์ นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มคนท้อง เด็กที่แพ้นมวัว และผู้สูงวัย ซึ่งทางแบรนด์บอกว่า นมจากถั่วเปลือกแข็งของแบรนด์สามารถดื่มได้ทุกวัย
นอกจากการเป็นเบอร์หนึ่งในประเทศไทยแล้ว 137 ดีกรี® ยังส่งออกไปอีก 30 ประเทศทั่วโลก แน่นอนว่าเป้าหมายคงไม่จำกัดอยู่เพียงแค่การเป็นเบอร์หนึ่งในประเทศ แต่คือการติด Top 3 ของโลก สิ่งที่น่าสนใจ คือ การเริ่มรุกตลาดต่างประเทศหลังจากเริ่มต้นธุรกิจไปได้เพียง 1 ปี
“เราเริ่มส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศในปี 2559 หลังจากเปิดบริษัทในปี 2558 สัดส่วนการส่งออกและจำหน่ายในประเทศคือ 50:50 โดยส่งออกไปต่างประเทศประมาณ 30 ประเทศใน 5 ทวีป การบุกตลาดต่างประเทศไม่ง่าย เพราะแต่ละประเทศมี Local แบรนด์อยู่แล้ว แต่เรานำเสนอจุดแข็งของเรื่องการคั้นสด ซึ่งทำให้นมอัลมอนด์ของเรามีความเข้มข้นมากกว่า ในมาเลเซียเรามียอดขายเป็นอันดับหนึ่ง ประเทศอื่นๆ ที่เราส่งออกไป ได้แก่ กลุ่มประเทศ CLMV เวียดนาม อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ฮ่องกง ญี่ปุ่น เกาหลี ซึ่งที่เราทำตลาดได้ดี ยอดขายในประเทศเหล่านี้เราเป็นอันดับต้นๆ อีกหนึ่งเป้าหมายของเราคือ การติด Top 3 ของโลกสำหรับนมทางเลือก” อริสา อธิบาย
อีกหนึ่งแนวคิดของผู้บริหารทั้งสองที่น่าสนใจคือ การไม่คิดแข่งขันด้านราคากับคู่แข่งรายอื่นๆ ในตลาด แม้จะมีคู่แข่งในตลาดเพิ่มขึ้น และการแข่งขันด้านราคาเป็นสิ่งที่ทุกแบรนด์ใช้เป็นโปรโมชันหลัก
“ตลาดมีแบรนด์เพิ่มเข้ามา แต่เราไม่คิดจะลงไปแข่งด้านราคา แม้หลายแบรนด์จะมีการปรับราคากันซึ่งอาจจะเป็นกลยุทธ์ตลาด แต่แบรนด์ของเราให้ความสำคัญด้านคุณภาพมากกว่า ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้เรากลายเป็นเบอร์หนึ่งของตลาด เราไม่ปรับลดราคา เพราะเราไม่ลดคุณภาพ”
“สำหรับเป้าหมายหากเป็นตัวเลขรายได้ เราไม่ได้ตั้งไว้ชัดเจน แต่เราอยากเติบโต 2 หลักต่อปี ส่วนเป้าหมายอื่นของเราคือการที่เราเข้าไปอยู่ในชีวิตประจำวันของลูกค้า เป้าหมายระยะสั้นคือการดึงผู้บริโภคกลุ่มนมวัวมาในตลาดนมทางเลือกมากขึ้น และให้ความรู้ ประโยชน์ของนมทางเลือก ขณะที่เป้าหมายระยะยาวคือ การสร้างความยั่งยืน นั่นคือนโยบายด้านคาร์บอนฟุตพรินต์ ซึ่งในต่างประเทศให้ความสำคัญด้านนี้” ธนภูมิ เสริม
นับว่า 137 ดีกรี® ประสบความสำเร็จอย่างมากเมื่อมองไปยังจุดเริ่มต้นที่เป็นเพียงเอสเอ็มอี ที่เริ่มจากการแก้ปัญหาไม่สามารถดื่มนมวัวได้เนื่องจากการแพ้ และเริ่มผลิตนมอัลมอนด์ดื่มเองในครอบครัว อริสา บอกว่าทั้งหมดนี้ “เกินฝัน”
“ต้องบอกว่าเกินฝันค่ะ แต่เรายังมั่นใจว่าจะไปต่อได้ เพราะเรายังมีไฟ ทุกสิ่งเกิดขึ้นมาจากความตั้งใจที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีความแตกต่างและตอบโจทย์แก่ผู้ที่ไม่สามารถดื่มนมวัวได้” อริสา ทิ้งท้าย.