สถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในไทยถือว่าได้ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้วในช่วงวิกฤตโควิด กระนั้นก็ยังไม่สามารถเติบโตได้อย่างเต็มกำลัง แม้จะเริ่มมีทิศทางและสัญญาณที่ดีขึ้นก็ตาม
ภาพรวมอสังหาฯ ในปีที่ผ่านมาจากสายตาของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ มองว่ายังไม่เติบโตหากพิจารณาจากจำนวนยูนิตที่เปิดตัวใหม่ในตลาด โดยมูลค่ารวมเพิ่มขึ้นมาเพียง 2-3 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ซึ่งปัจจัยน่าจะมาจากต้นทุนที่สูงขึ้น ทั้งจากการปรับขึ้นราคาวัสดุก่อสร้าง ราคาที่ดิน และค่าจ้างแรงงาน
หลังจากที่ไทยมีรัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารงาน ซึ่งนักลงทุน ผู้ประกอบการ อาจมองว่าสถานการณ์เศรษฐกิจในอนาคตอันใกล้มีแนวโน้มที่น่าจะสดใสขึ้น จึงได้เห็นการประกาศเปิดตัวโครงการใหม่อย่างต่อเนื่องในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2566
และหนึ่งในนั้นคือ POSH โครงการทาวน์โฮมหรูในย่านนาคนิวาส ที่มาพร้อมคอนเซ็ปต์ “บ้านที่รวมทุกความสมดุลของการใช้ชีวิตตามไลฟ์สไตล์เมือง” ภายใต้การบริหารงานของ สิรวิชญ์ เกิดพุฒ ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บริษัท 304 ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ที่ต้องบอกว่าเป็น “น้องใหม่” แห่งวงการอสังหาฯ โดยแท้
“แนวคิดในการดำเนินชีวิต สมดุลในชีวิตถ้าเราหาเจอ เราจะมีความสุข” ประโยคแนะนำตัวของ ไอซ์ สิรวิชญ์ เกิดพุฒ ก่อนจะบอกเล่าเหตุผลที่ผันตัวจาก “นักออกแบบตกแต่ง ผู้ควบคุมงานก่อสร้าง รีโนเวตบ้าน อาคารสำนักงาน โชว์รูม” สู่การเป็น “นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์”
“ผมสั่งสมประสบการณ์จากการทำงานเกี่ยวกับการออกแบบตกแต่ง รีโนเวต บ้าน อาคารสำนักงาน มาเป็นระยะเวลากว่า 7 ปี กว่าร้อยโครงการที่เคยทำมา เกิดเป็นแรงบันดาลใจที่จะสร้างอีกหนึ่งธุรกิจซึ่งอยู่ในหมวดหมู่เดียวกันนั่นคือ การเป็นนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์
และแนวคิดในการดำเนินชีวิตของผม คือ สมดุลในชีวิตถ้าเราหาเจอ เราจะมีความสุข สมดุลในชีวิตของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บ้านหลังนี้ทำมาเพื่อตอบโจทย์ให้ทุกคนจากสมดุลของแต่ละคน ตอบโจทย์ความต้องการของแต่ละคน ผมจึงให้คอนเซ็ปต์บ้านหลังนี้ว่า Multifunction Home & Office”
POSH คือโครงการแรกที่สิรวิชญ์สร้างขึ้นหลังจากเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในธุรกิจออกแบบตกแต่ง ก่อสร้างและรีโนเวต จากบริษัท 304 Living Studio บริษัทที่รับออกแบบตกแต่ง และ 304 Living บริษัทรับก่อสร้าง รีโนเวต ซึ่งทั้งสองบริษัทอยู่ภายใต้การดูแลของครอบครัวพี่น้องในตระกูลเกิดพุฒ
โครงการ POSH Nakniwas Ekkamai-Ramintra (พอช นาคนิวาส เอกมัย-รามอินทรา) เป็นอาคารรูปแบบทาวน์โฮม 4 ชั้น สไตล์โมเดิร์นลักชัวรี พร้อมดึงความเป็นธรรมชาติเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของบ้านทั้งภายในและภายนอก เน้นฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลาย
“บ้านที่เราสร้างสรรค์ขึ้นมาจึงให้ความสำคัญในการตอบโจทย์ที่หลากหลายสำหรับผู้อยู่อาศัย ไม่ว่าจะใช้เป็นบ้านหรือเป็นออฟฟิศ หรือแม้กระทั่งหากลูกค้าต้องการเปิดเป็นคลินิก หรือการพาณิชย์ต่าง ๆ สิ่งสำคัญคือการมองภาพของโลเคชันให้ออกว่า เราควรจะพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชนิดใดบนพื้นที่ตรงนั้น และจะมีฟังก์ชันเพื่อตอบโจทย์การใช้งานที่ดีที่สุดอย่างไร ดังนั้น เมื่อเราเห็นภาพเราจึงมุ่งเน้นในเรื่องการออกแบบให้ตอบโจทย์ รวมไปถึงคุณภาพในการก่อสร้าง และวัสดุที่เลือกใช้”
โดย “POSH Nakniwas Ekkamai-Ramintra” (พอช นาคนิวาส เอกมัย-รามอินทรา) มีทั้งหมด 6 ยูนิต และแบ่งลูกค้าออกเป็นสองกลุ่ม แบ่งพัฒนาออกเป็น 2 เฟส ประกอบไปด้วยเฟส A จำนวน 3 ยูนิต มุ่งเน้นตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่ต้องการทำธุรกิจหรือการพาณิชย์ต่าง ๆ หรือต้องการโฮมออฟฟิศแบบเต็มรูปแบบ และในส่วนของเฟส B อีก 3 ยูนิต รองรับลูกค้ากลุ่มไพรเวตเรสซิเดนซ์ ที่เน้นการอยู่อาศัยเป็นหลัก เพื่อตอบโจทย์ความหลากหลายและความสมดุลของลูกค้าแต่ละบุคคล” สิรวิชญ์ กล่าว
การเป็นน้องใหม่ในวงการอสังหาริมทรัพย์ไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะในห้วงยามที่สถานการณ์ของอุตสาหกรรมนี้ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่หลังจากวิกฤตโควิด อีกทั้งในสนามยังมีตัวเลือกจากผู้ประกอบการรายใหญ่อีกมากมาย คำถามที่น่าสนใจคือ น้องใหม่ไฟแรงอย่างสิรวิชญ์จะทำอย่างไรให้ลูกค้าเลือกโครงการ POSH
“ทำไมลูกค้าต้องเลือกเรา ทั้งที่ในตลาดมีตัวเลือกตั้งมากมาย แต่โครงการนี้มีคุณภาพเด่น 3 ข้อที่จะทำให้ลูกค้าเลือกเราได้ไม่ยาก หนึ่ง คือ โลเคชัน อยู่ในจุดที่เรียกว่าเป็นเส้นเลือดใหญ่ ติดหนึ่งในพื้นที่ที่น่าอยู่อาศัย ด้วยพื้นที่ตรงนี้เพิ่งมีการขยายตัวเพียง 3-5 ปี ผมมองว่ายังสามารถพัฒนาต่อได้
สอง คือ คุณภาพ เพราะเรามีทีมออกแบบที่ยอดเยี่ยม ทั้งโครงสร้างที่ได้มาตรฐานในระดับสูง การตกแต่งที่มีดีไซน์ และ สาม คือความคุ้มค่ามาจากเหตุผลของข้อ 2 จะทำให้ลูกค้าที่ซื้อบ้านในโครงการที่มีการใช้วัสดุที่ดีมีมาตรฐาน ราคาที่สมเหตุสมผล และที่สำคัญบ้านทุกหลังเรามีลิฟต์ให้”
การเติบโตมาจากสายงานการพัฒนางานออกแบบและการก่อสร้าง ทั้งสิรวิชญ์และทีมงานได้บ่มเพาะฝีมือจนได้รับการยอมรับจากลูกค้า ชนิดที่ว่าแทบไม่ต้องวิ่งเข้าหาลูกค้า ความเข้าใจในมิติของงานพัฒนาอสังหาฯ ที่นอกเหนือจากคุณสมบัติเด่นทั้ง 3 ข้อข้างต้น ยังมีข้อดีและข้อเสียในมุมมองของน้องใหม่อย่างสิรวิชญ์ ทั้งยังมองว่า การเป็นน้องใหม่ในธุรกิจนี้จะเหยาะแหยะไม่ได้เด็ดขาด
“ข้อดี ข้อเสีย เราก็มีเช่นกัน ข้อดีคือ เรามีความพร้อมด้านทีมงานที่มีประสบการณ์ ดังนั้น การเลือกวัสดุต่างๆ เราจึงเลือกวัสดุที่มีคุณภาพที่ดีที่สุด เหมาะสมที่สุด แต่ข้อเสียเราก็มีเช่นกัน พอเรารู้มาก มีความละเอียดมาก เราจึงปล่อยให้เกิดข้อผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ไม่ได้ ผมเป็นน้องใหม่ในวงการ จำเป็นต้องไฟแรง ต้องทำให้ดี เหยาะแหยะไม่ได้”
โครงการ POSH Nakniwas Ekkamai-Ramintra มูลค่าโครงการอยู่ที่ 150 ล้านบาท มีพื้นที่ใช้สอยเริ่มต้น 389-548 ตร.ม. บนเนื้อที่ 41-63 ตร.ว. รองรับพื้นที่จอดรถ 4-6 คัน ราคาเริ่มต้นที่ 18.9-30.5 ล้านบาท เป็นบ้านที่ตอบโจทย์ทั้งการอยู่อาศัยของครอบครัวใหญ่ทั้ง 3 Gen รวมไปถึงเป็นออฟฟิศสำหรับธุรกิจขนาดย่อม-ขนาดกลาง รองรับทีมงานได้ 20-30 คน
“ที่เลือกโลเคชันนี้ (เอกมัย-รามอินทรา) ก็อย่างที่ทราบดีว่าเลียบทางด่วนเอกมัยรามอินทราเป็นอีกหนึ่งเส้นเลือดใหญ่ของกรุงเทพฯ ซึ่งแตกแขนงเส้นทางต่าง ๆ เข้าสู่เมืองในรอบทิศของกรุงเทพฯ มีสถานที่และสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ มากมายครบครัน เป็นอีกหนึ่งในสถานที่ที่น่าอยู่ที่สุดในกรุงเทพฯ และด้วยความที่เราชำนาญพื้นที่ตรงนี้ เราจึงมั่นใจว่าเราได้เลือกโลเคชันที่ดีที่สุด และเหมาะสมที่สุดในการพัฒนาโครงการแรกของเรา” สิรวิชญ์ กล่าว
สิรวิชญ์ตั้งเป้าที่จะปิดยอดขายทั้งโครงการภายในไตรมาสแรกของปี 2567 พร้อมกับบอกว่ามั่นใจว่าจะสามารถไปได้ไกลในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
“โครงการของเราอาจจะมีขนาดเล็ก แต่เราสร้างตามกำลัง เราเป็นธุรกิจครอบครัว ทั้งคุณพ่อ พี่น้องของผมอยู่ในแวดวงธุรกิจก่อสร้าง ออกแบบ ตกแต่ง รีโนเวต เราเชื่อมั่นและตระหนักว่าธุรกิจในสายงานพัฒนาอสังหาริมทรัพย์นั้นยังเติบโตได้อีกมาก ถึงแม้ว่าการแข่งขันจะสูง แต่ถ้าเรารู้ความต้องการของตลาดที่แท้จริง และสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพตอบโจทย์การใช้งานของกลุ่มลูกค้าที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย เราจะสามารถเดินไปได้อีกไกลในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่างแน่นอน เพราะ POSH คือรากฐานของผม”
คงต้องรอดูกันต่อไปว่า แบรนด์น้องใหม่อย่าง POSH ภายใต้การนำของสิรวิชญ์ เกิดพุฒ จะแจ้งเกิดได้หรือไม่ เพราะซีอีโออย่างสิรวิชญ์มีแผนที่จะเปิดโครงการที่ 2 ในปีหน้าบนทำเลใกล้เคียงกัน.