วันศุกร์, พฤศจิกายน 22, 2024
Home > Cover Story > i-Store สยายปีกธุรกิจให้เช่าห้องเก็บของ เอาใจคนของเยอะพื้นที่น้อย

i-Store สยายปีกธุรกิจให้เช่าห้องเก็บของ เอาใจคนของเยอะพื้นที่น้อย

ข้อจำกัดของพื้นที่ที่อยู่อาศัยในปัจจุบัน โดยเฉพาะคอนโดมิเนียม รวมถึงพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้บริโภค มักจะสะสมของใช้และไม่สามารถตัดใจทิ้งได้ ธุรกิจให้เช่าห้องเก็บของจึงมีทิศทางการเติบโตอย่างต่อเนื่อง i-Store Self Storage จึงเป็นอีกหนึ่งบริษัทในธุรกิจนี้ที่มีอัตราการขยายตัวที่น่าสนใจไม่น้อย

บริษัท สตอเรจ เอเชีย จำกัด (มหาชน) เริ่มต้นธุรกิจมาตั้งแต่ปี 2017 โดยเปิดให้บริการเช่าห้องเก็บของสาขาแรกที่สีลม จากนั้นขยายสาขามาอย่างต่อเนื่อง กระทั่งเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ

ภักดี อนิวรรตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สตอเรจ เอเชีย จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจบริการให้เช่าห้องเก็บของหรือทรัพย์สินส่วนตัว (Self Storage) ภายใต้เครื่องหมายการค้าแบรนด์ i-Store เปิดเผยว่า ปัจจุบันภาพรวมธุรกิจ Self Storage ในประเทศไทยมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง สอดคล้องกับตลาดธุรกิจ Self Storage ในทวีปเอเชียที่ยังมีโอกาสขยายตัว เมื่อเทียบกับตลาด Self Storage ระดับโลก อาทิ สหรัฐอเมริกาและยุโรป ด้วยพฤติกรรมการเลือกที่พักอาศัยในเขตเมืองและมีแนวโน้มพื้นที่อยู่อาศัยลดลง ประกอบกับตลาดธุรกิจออนไลน์ ส่งผลให้เกิดความต้องการพื้นที่การจัดงานเก็บสินค้าของกลุ่มลูกค้ามากขึ้น

i-Store ปักหมุดเปิดสาขาโดยเลือกทำเลจากความหนาแน่นของที่อยู่อาศัย และพื้นที่ที่มองเห็นโอกาสทางธุรกิจ โดยเปิดให้บริการแล้ว 4 สาขา ได้แก่ สีลม สุขุมวิท 24 สุขุมวิท 71 และสาทรวัน ที่เพิ่งเปิดให้บริการเมื่อเดือนเมษายน 2566 นอกจากนี้ ภักดี อนิวรรตน์ ยังเปิดเผยแผนการเปิดสาขาในครึ่งปีหลังที่ อุดมสุข และอ่อนนุช

“ปัจจุบันเราเปิดให้บริการไปแล้ว 4 แต่ละสาขาได้รับการตอบรับจากผู้ใช้บริการเป็นอย่างดี สาขาสีลม อัตราการเช่า 98% สาขาสุขุมวิท 24 อัตราการเช่า 93% สาขาสุขุมวิท 71 อัตราการเช่า 57% และสาขาล่าสุด สาทรวัน อัตราการเช่า 10% พื้นที่โดยรวมมากกว่า 2,200 ตารางเมตร หากนับรวมอีกสองสาขาที่จะเปิดในช่วงปลายปีนี้ เราจะมีพื้นที่ให้บริการรวมประมาณ 7,000 ตารางเมตร” ภักดีขยายความ

“เป้าหมายของเราคือการเป็นผู้นำ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สตอเรจ เอเชีย ประกาศเอาไว้ด้วยท่าทีมุ่งนั่น นั่นหมายความว่า การจะเป็นผู้นำของตลาดให้เช่าห้องเก็บของ ด้วยการเปิดอีกสองสาขาภายในสิ้นปีคงไม่ใช่ปัจจัยหลักที่จะทำให้ i-Store ขึ้นไปยืนอยู่บนตำแหน่งนั้นได้ แต่ภักดีมีแผนระยะสั้นและระยะยาวที่น่าสนใจมากกว่านั้น

“เราตั้งเป้าว่าภายใน 3 ปีจะสามารถเพิ่มพื้นที่ Self-Storage เป็น 10,000 ตารางเมตร และภายใน 5 ปีจะต้องมีพื้นที่รวมทั้งสิ้น 30,000 ตารางเมตร”

นอกจากธุรกิจการให้บริการ Self-Storage ที่มีสัดส่วนรายได้ 67.21% แล้ว สตอเรจ เอเชียยังมีบริการอื่นๆ อีก เช่น i-Store Go Door to Door Storage เป็นบริการรับฝากสิ่งของส่วนตัวในบ้านผ่านระบบการจัดการแบบออนไลน์โดยให้บริการทั้งการขนย้าย การบรรจุ (Packing) และจัดเก็บรักษาสิ่งของให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน พร้อมนำส่งคืนให้กับลูกค้าที่สามารถดำเนินการด้วยตนเอง ธุรกิจออกแบบและติดตั้ง ธุรกิจรับจ้างบริหารจัดการพื้นที่ และการติดตั้งจำหน่ายตู้จัดเก็บของ ภายใต้แบรนด์ i-Store ในพื้นที่โครงการคอนโดมิเนียม หรือนิติบุคคลอาคารชุด (License Unmanned Storage)

“License Unmanned Storage คืออีกหนึ่งธุรกิจที่เป็นเป้าหมายของเรา ตอนนี้เราเริ่มคุยกับผู้ประกอบการอาคารชุด คอนโดมิเนียมหลายรายเพื่อนำเสนอการติดตั้งตู้จัดเก็บของ เราตั้งเป้าว่าจะต้องติดตั้ง Self Store ให้ได้ 20 โครงการในปลายปีนี้”

นอกจากนี้ บริษัท สตอเรจ เอเชีย ยังร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจอย่าง บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) อีกทั้งบริษัทเป็นผู้ให้บริการ Self Storagge แห่งแรกที่กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ โดยบริษัท ดับบลิวเอชเอ เรียล เอสเตท แมเนจเม้นท์ จำกัด เข้าร่วมลงทุนและธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทยผ่าน “กองทุนร่วมลงทุนในกิจการ SMEs” ตอกย้ำศักยภาพการบริหารธุรกิจที่มีคุณภาพ ผ่านการขยายพื้นที่บริการให้ครอบคลุม และเพิ่มบริการใหม่ให้ครบครันทุกความต้องการของกลุ่มลูกค้า

เหตุผลที่ทำให้ธุรกิจนี้ได้รับการตอบรับที่ดี ภักดีบอกว่า “น่าจะมาจากปัจจุบันพื้นที่ใช้สอยของที่อยู่อาศัยแนวตั้งมีน้อย หากผู้บริโภคเก็บของที่ไม่ค่อยมีความจำเป็นไว้ หรือของขนาดใหญ่จะทำให้พื้นที่ใช้สอยเหลือน้อยลง คนรุ่นใหม่ที่ทำธุรกิจขนาดเล็กอาจใช้เป็นที่สต๊อกสินค้า หรือบางรายเช่าสำหรับเก็บของในช่วงรีโนเวตบ้านหรือคอนโด หรือลูกค้าต่างชาติ เคยใช้บริการธุรกิจประเภทนี้ที่ประเทศตัวเอง เมื่อมาอยู่ไทยมองหาธุรกิจประเภทนี้เพื่อเก็บสิ่งของ รวมถึงโลเคชันที่เราเลือก เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้เราเติบโตได้ดี”

ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด ซึ่งเป็นปัจจัยลบทางเศรษฐกิจ หลายธุรกิจได้รับผลกระทบมากน้อยแตกต่างกัน แต่ธุรกิจให้บริการ Self-Storage แทบไม่ได้รับผลกระทบ และยังมีทิศทางการเติบโตในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาสูงถึง 70% ซึ่งสตอเรจ เอเชีย เติบโตและสร้างผลกำไรไม่น้อย ตัวเลขรายได้ปีที่ผ่านมาอยู่ที่ประมาณ 80-100 ล้านบาท เติบโต 150-200% แต่ธุรกิจนี้ยังอยู่ในช่วงกราฟขาขึ้น หากเทียบกับประเทศอื่นๆ ที่มีธุรกิจนี้ เมื่อดูจากพื้นที่ให้บริการโดยรวม ประเทศไทยมีพื้นที่ Self-Storage ให้บริการประมาณ 40,000 ตารางเมตร ในขณะที่ฮ่องกงมี 4 แสนกว่าตารางเมตร อังกฤษ 52 ล้านตารางเมตร

“ช่วงที่ผ่านมามีจำนวนธุรกิจให้เช่าพื้นที่เปิดให้บริการ 32 แห่งทั่วประเทศ และมีผู้เล่นไม่กี่รายในไทย เราอยู่ในอันดับ 2 หากนับจำนวนสาขา แต่หากนับ Location ปัจจุบันเราเป็นอันดับ 1 นอกจากนี้ เรายังเตรียมแผนที่จะขยายสาขาออกไปยังต่างจังหวัดอย่าง ภูเก็ต พัทยา และเชียงใหม่ ที่น่าจะอยู่ในแผนงาน 3 ปี”

กระแสตอบรับที่เป็นบวกจากผู้บริโภคที่ให้ความสนใจและเช่าพื้นที่เก็บของแต่ละสาขาเกือบเต็ม หรือเต็มอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ภักดีเริ่มมองหมุดหมายในอนาคตว่าจะขยายตลาดไปยังกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน “ในอีก 2 ปีข้างหน้าเราจะเริ่มมองตลาดต่างประเทศ เช่น เวียดนาม ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศที่น่าสนใจ และมีโอกาสที่ธุรกิจนี้จะขยายตัวได้ดี”

ขณะที่แผนในอนาคตอันใกล้ของ บริษัท สตอเรจ เอเชียคือ “เรายื่นแบบแสดงรายการต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมา สำหรับการเสนอขายหุ้นกู้ไม่มีประกันของบริษัท สตอเรจ เอเชีย จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 1-2566 อายุ 2 ปี ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2568 ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ อัตราดอกเบี้ย 6.95% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน ตลอดอายุหุ้นกู้ มูลค่าหุ้นกู้รวมไม่เกิน 150 ล้านบาท เสนอขายแก่ กลุ่มผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือ ผู้ลงทุนรายใหญ่ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการขออนุมัติจาก ก.ล.ต. คาดว่าจะกำหนดวันจองซื้อในช่วงระหว่างวันที่ 19-21 มิถุนายน 2566 และคาดว่าสามารถออกหุ้นกู้ในวันที่ 22 มิถุนายน 2566

คงต้องจับตาดูกันต่อไปว่า สตอเรจ เอเชีย จะสยายปีกและส่งให้ i-Store Self Storage ขึ้นแท่นอันดับหนึ่งได้ตามที่หวังไว้หรือไม่.