หากเอ่ยถึง “มาเก๊า” หลายคนอาจรู้จักมาเก๊าในมิติการเป็นเมืองแห่งกาสิโน ภาพยนตร์จีนหลายเรื่องนำเสนอเรื่องราวที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับกาสิโนให้คนไทยได้คุ้นชิน นั่นเพราะอุตสาหกรรมหลักที่ทำเงินให้มาเก๊าคือ อุตสาหกรรมการเล่นเกม (พนัน) และอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
มาเก๊าอยู่ภายใต้อาณานิคมของโปรตุเกสจนถึงวันที่ 19 ธันวาคม 2542 จากนั้นอำนาจอธิปไตยเหนือมาเก๊าย้ายมาที่สาธารณรัฐประชาชนจีน ภายใต้หลักการ “หนึ่งประเทศสองระบบ” โดยเป็นเขตบริหารพิเศษของจีนเป็นเวลา 50 ปี จนถึงวันที่ 19 ธันวาคม 2592
สาเหตุที่มาเก๊าอยู่ภายใต้อาณานิคมของโปรตุเกสไม่ใช่เหตุจากการพ่ายแพ้สงครามแต่อย่างใด แต่เกิดจากความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างพ่อค้าชาวโปรตุเกสและคนในท้องถิ่น ทำให้โปรตุเกสขอเช่าพื้นที่มาเก๊าจากจีน และพัฒนาจนกลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญสำหรับการค้า สินค้าหลักคือชา และผ้าไหม
นอกจากนี้ โปรตุเกสยังอนุมัติให้มาเก๊าพัฒนาอุตสาหกรรมเกม จนทำให้มาเก๊ากลายเป็นอุตสาหกรรมกาสิโนแห่งแรกของเอเชีย
แต่วันนี้ฉากทัศน์ของมาเก๊ากำลังเปลี่ยนไป ภาพงานศิลปะที่ถูกประดับอยู่บนผนังของอาคารบ้านเรือน อาคารเก่า สิ่งก่อสร้างที่มีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ การท่องเที่ยวด้านกีฬา สิ่งเหล่านี้ถูกฉายให้เห็นผ่านโลกโซเชียล เพื่อเชิญชวนให้นักท่องเที่ยวได้ไปสัมผัสประสบการณ์พิเศษในแบบฉบับของตัวเอง ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Experience Macao Unlimited”
มาเรีย เฮเลน่า เดอ เซนน่า เฟอร์นานเดซ ผู้ว่าการท่องเที่ยวมาเก๊า บอกกับ “ผู้จัดการ 360 องศา” ในโอกาสที่มาจัดโรดโชว์เพื่อโปรโมตการท่องเที่ยวมาเก๊า “เราเห็นศักยภาพของตลาดไทย และให้ความสำคัญกับตลาดนักท่องเที่ยวคนไทยมาตั้งแต่ก่อนเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 เพราะสัดส่วนของนักท่องเที่ยวโดยรวมที่มาเยือนมาเก๊า จำนวนนักท่องเที่ยวชาวไทยติดอันดับ Top10 อีกสาเหตุหนึ่งคือ คนไทยชอบท่องเที่ยว”
ผู้ว่าการท่องเที่ยวมาเก๊ายังมองว่า สิ่งสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในขณะนี้คือ การปรับตัวเพื่อให้ตอบโจทย์ทุกความต้องการที่เปลี่ยนไป ซึ่งเรามุ่งมั่นนำเสนอตัวเลือกที่หลากหลายผ่านการร่วมมือกันกับคู่ค้าสำคัญในประเทศพันธมิตร ได้ร่วมแลกเปลี่ยนเกื้อหนุนซึ่งกันและกัน เพื่อให้เกิดการซื้อขายสินค้าทางการท่องเที่ยวและแลกเปลี่ยนความรู้ต่อยอดทางธุรกิจต่อไป
โดยเลือกประเทศไทยเป็นประเทศแรกของเอเชีย ปักธงเริ่มกิจกรรมเมกาโรดโชว์ “Experience Macao Unlimited” ในการประชาสัมพันธ์ พร้อมยกทัพ 6 กลุ่มโรงแรมรีสอร์ตครบวงจรระดับแนวหน้ามาร่วมอัปเดตสินค้าและบริการใหม่ๆ เพื่อหวังกระตุ้นนักท่องเที่ยวชาวไทย ซึ่งถือเป็นกลุ่มท่องเที่ยวหลักประเทศหนึ่ง ให้กลับมาเที่ยวมาเก๊าอีกครั้ง ซึ่งที่ผ่านมาเราได้รับการตอบรับที่ดีจากนักท่องเที่ยวชาวไทยเป็นอย่างมาก เห็นได้จากจำนวนนักท่องเที่ยวชาวไทยที่กลับมามาเก๊าอย่างรวดเร็ว เมื่อสายการบินเปิดให้บริการอีกครั้งในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
ในปี 2019 นักท่องเที่ยวไทยเดินทางเข้ามาเก๊าประมาณ 150,000 คน แต่ในช่วงที่มีโควิดระบาดปี 2021 มีคนไทยเดินทางไปยังมาเก๊าเพียงแค่ 7 คนเท่านั้น เหตุผลมาจากการจำกัดเที่ยวบินและควบคุมการเข้าออกประเทศ ซึ่งเป็นมาตรการของแต่ละประเทศ
ขณะที่ไตรมาสแรกของปี 2023 มีนักท่องเที่ยวไทยเดินทางเข้าไปยังมาเก๊าเพิ่มมากขึ้น แต่ยังไม่มากนัก สาเหตุน่าจะมาจากมีเที่ยวบินระหว่างประเทศไทยและมาเก๊าเพียง 21 เที่ยวต่อสัปดาห์
“ปีนี้ในไตรมาสแรกมีนักท่องเที่ยวชาวไทยเดินทางมาท่องเที่ยวมาเก๊า 7,000 คน อาจเป็นเพราะจำนวนเที่ยวบินยังไม่มาก บางสายการบินเพิ่งเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อช่วงเดือนมีนาคม หรือเมษายนที่ผ่านมา แต่คาดว่าในอนาคตจะมีนักท่องเที่ยวไทยเพิ่มมากขึ้น เพราะอีกไม่นานจะมีเส้นทางการบินจากเชียงใหม่บินตรงสู่มาเก๊า ดังนั้น หากคาดการณ์ตัวเลขนักท่องเที่ยวไทยในปีนี้ที่ 3 หมื่นคน อาจจะน้อยไป เราคาดหวังไว้ที่ 4-5 หมื่นคน ซึ่งตัวเลขนี้เป็นเพียงแค่ 1 ใน 3 ของจำนวนนักท่องเที่ยวไทยในสถานการณ์ปกติ”
ในช่วงที่ยังมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 กิจกรรมทางเศรษฐกิจของทุกประเทศต้องหยุดชะงัก ธุรกิจจำนวนมากปิดตัว ผู้ประกอบการส่วนใหญ่อาศัยช่วงเวลานี้รีโนเวตสถานประกอบการ เช่นเดียวกับผู้ประกอบการในมาเก๊า ที่นอกจากจะรีโนเวตธุรกิจของตัวเองแล้วยังต้องเพิ่มการพัฒนาด้านอื่นๆ ในเมืองมาเก๊าด้วยเช่นกัน
“ช่วงที่มีการปิดเมือง ไม่มีการเดินทาง ผู้ประกอบการหลายรายก็เน้นไปที่การรีโนเวต นอกจากนี้ ผู้ประกอบการจะต้องร่วมพัฒนาเมืองมาเก๊าด้วย เช่น การพัฒนางานด้านศิลปะ คอมมูนิตี้คอมเพล็กซ์ แหล่งท่องเที่ยว เพื่อให้มาเก๊าพร้อมที่จะรับนักท่องเที่ยวในอนาคต” ผู้ว่าการท่องเที่ยวมาเก๊าขยายความ
อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวมาเก๊าสร้างรายได้ให้มาเก๊าคิดเป็น 25% ของรายได้ทั้งหมด นักท่องเที่ยวที่เดินทางท่องเที่ยวมาเก๊าก่อนโควิดอยู่ที่ประมาณ 39.4 ล้านคน ทำรายได้ประมาณ 280,000,000 บาท ปัจจุบันมีทิศทางการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด นับตั้งแต่ต้นปีมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาแล้วประมาณ 7 ล้านคน และคาดว่าจนถึงสิ้นปีนี้น่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามามากถึง 20 ล้านคน ซึ่งจะส่งผลดีต่อผู้ประกอบการขนาดเล็กและขนาดใหญ่ในมาเก๊า
แม้ว่าสถานการณ์ของภาวะเศรษฐกิจโลกยังมีปัจจัยลบในหลายด้าน แต่ผู้ว่าการท่องเที่ยวมาเก๊ากลับไม่มีความกังวลว่า นักท่องเที่ยวจะตัดสินใจลดค่าใช้จ่ายในด้านการท่องเที่ยวลง “ต้องบอกว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นทั่วโลกและทุกประเทศได้รับผลกระทบหมด ไม่ใช่แค่มาเก๊า เพราะนี่เป็นปัจจัยที่เราควบคุมไม่ได้ ฉะนั้นในส่วนของมาเก๊าเอง เราก็พยายามทำให้ดีที่สุดในการที่จะโปรโมต Destinations ให้ผู้บริโภครู้สึกว่าได้รับความคุ้มค่าและประทับใจมากที่สุด”
“ผู้เดินทางมาเยือนมาเก๊าก่อนโควิด 39.4 ล้านคน แม้เราจะคาดหวังให้ตัวเลขนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น หรือกลับไปเท่ากับปีก่อนโควิด แต่เราไม่อาจยึดโยงอยู่กับตัวเลขเดิมที่เคยเกิดขึ้น แต่เราควรคาดหวังถึงเรื่องการใช้จ่ายที่เพิ่มมากขึ้น นักท่องเที่ยวใช้เวลาในมาเก๊านานขึ้น แม้จำนวนนักท่องเที่ยวอาจจะไม่เยอะ แต่แบบนี้จะสร้างอิมแพค สร้างผลลัพธ์ด้านรายได้ที่ดีกว่า”
“มาเก๊าเป็นเมืองเล็กๆ ที่มีประชากรเพียงแค่ 6 แสนคน แต่เรามีประวัติศาสตร์ อาคารสไตล์ยุโรป เช่น โบสถ์เซนต์ปอลที่เป็นสถานที่สำคัญและเป็นสัญลักษณ์ประจำเมืองมาเก๊า มีพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจมากมาย อาหารซึ่งหลายร้านได้รับมิชลินไกด์ ทาร์ตไข่มาเก๊าที่ไม่ควรพลาด นอกจากนี้ ยังมีอีเวนต์ที่น่าสนใจ เช่น การแข่งขันมาเก๊ากรังด์ปรีซ์ การประกวดดอกไม้ไฟ อยากให้นักท่องเที่ยวได้มาสัมผัสบรรยากาศเหล่านี้” มาเรียทิ้งท้าย
นอกจากโรดโชว์ในไทยแล้ว การท่องเที่ยวมาเก๊ายังเดินสายจัดโรดโชว์โปรโมตการท่องเที่ยว ทั้งในสิงคโปร์ จีน เกาหลี ฮ่องกง และจะจัดในลักษณะทราเวลโชว์อีกครั้งในเดือนสิงหาคม ใน สิงคโปร์ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย
การท่องเที่ยวมาเก๊ายังเตรียมจัดงาน Macao International Travel (Industry) Expo หรือ MITR ในปลายเดือนมิถุนายน เป็นงานแสดงสินค้าการท่องเที่ยวระหว่างประเทศ ซึ่งได้เชิญให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยไปร่วมเปิดบูธเพื่อโปรโมตสถานที่ท่องเที่ยวไทยให้กับนักท่องเที่ยวมาเก๊าและจีนด้วย.