ไนต์มาร์เกตเส้นรัชดาภิเษกร้อนฉ่าขึ้นทันควัน เมื่อกลุ่ม “พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค” ระเบิดเกมมิกซ์ยูส มูลค่า 7,000 ล้านบาท บนพื้นที่ 13 ไร่ ติด MRT ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย โดยจับมือกับมาเฟีย ออฟ ไอเดียส์ “ไพโรจน์ ร้อยแก้ว” ผู้สร้างสรรค์ตลาดนัดที่กำลังอินเทรนด์สุดๆ “จ๊อดแฟร์” เขย่าแนวรบที่มีทั้ง “เดอะ สตรีท” ของทีซีซีกรุ๊ป และเดอะ บาซาร์ รัชดาภิเษก ที่ย้ายมาจากสวนลุมไนท์บาซาร์
ขณะเดียวกัน งานนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เพราะ ศานิต อรรถญาณสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) หรือ PF ต้องการปลุกปั้นธุรกิจค้าปลีก เพื่อสร้างรายได้ก้อนใหญ่ ตั้งแต่เปิดบริษัท วีรีเทล จำกัด (มหาชน) เมื่อปี 2554 และประเดิมโครงการแรก Metro West Town คอมมูนิตี้มอลล์ย่านถนนกัลปพฤกษ์ เมื่อปี 2559
แต่เมื่อเศรษฐกิจไม่เอื้ออำนวย ประเทศไทยเจอทั้งไข้หวัดนกและโควิดกระทบกำลังซื้อและตลาดท่องเที่ยว ทำให้แผนต่อยอดเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด มิหนำซ้ำเตรียมตัดขายที่ดินบริเวณห้างจัสโก้ รัชดา เก่า ซึ่งกลุ่มเพอร์เฟคซื้อต่อมาจากเจ้าของเดิมเมื่อ 10 ปีก่อน ก่อนกลับมาทบทวนอีกครั้ง
จุดเปลี่ยนสำคัญ คือการได้พาร์ตเนอร์ระดับมือพระกาฬอย่างกลุ่มจ๊อดแฟร์ มีผลงานบุกเบิกตลาดนัดสุดฮิป ทั้งตลาดรถไฟจตุจักร ตลาดรถไฟศรีนครินทร์ และล่าสุด ตลาดจ๊อดแฟร์ หลังเซ็นทรัลพระราม 9
ศานิตกล่าวว่า พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค มองการลงทุนในธุรกิจที่เพิ่มศักยภาพให้บริษัท โดยเฉพาะโครงการอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์บนทำเลศักยภาพสูง ซึ่งบริษัทมีที่ดินรองรับไว้แล้ว และล่าสุดตัดสินใจทุ่มทุนพัฒนาโครงการแบบมิกซ์ยูสบนพื้นที่ 13 ไร่ของบริษัท ริมถนนรัชดาภิเษก ประกอบด้วยอาคารสำนักงาน พร้อมพื้นที่รีเทลภายในอาคารและด้านหน้าอาคาร ซึ่งได้กลุ่มจ๊อดแฟร์เข้ามาร่วมมือในการบริหารพื้นที่รีเทลทั้งหมด โดยโครงการกำหนดเปิดให้บริการในปี 2567 ภายใต้การบริหารงานของบริษัท วีรีเทล จำกัด (มหาชน)
ศานิตย้ำถึงการมีพาร์ตเนอร์ที่เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์บริหารไนต์มาร์เกตมาร่วมบริหารโครงการ ทำให้มั่นใจว่าจะได้รับความนิยมทั้งกลุ่มคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ
สำหรับรายละเอียดโครงการ ประกอบด้วย 2 โซนหลัก ได้แก่ โซนอาคารสูง 12 ชั้น และพื้นที่ร้านค้าด้านหน้าอาคาร โดยตัวอาคารมีพื้นที่รวมกว่า 93,000 ตารางเมตร (ตร.ม.) แบ่งเป็น พื้นที่สำนักงาน 5 ชั้น 20,000 ตร.ม. พื้นที่ร้านค้า 3 ชั้น 25,000 ตร.ม. พื้นที่จอดรถ 4 ชั้น 33,000 ตร.ม. จอดรถได้ 750 คัน พื้นที่บริการและสัญจร ส่วนล็อบบี้อีก 15,000 ตร.ม.
พื้นที่สำนักงานจะเป็นสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ของพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค และบริษัทในกลุ่ม เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจ โดยรวมพนักงานตามอาคารสำนักงานต่างๆ เข้ามาอยู่ศูนย์กลางที่เดียว พร้อมสำนักงานขายใจกลางเมือง มีแผนพัฒนาให้เป็นสำนักงานทันสมัย ภายใต้แนวคิด Smart Green Office
ทั้งการอนุรักษ์พลังงานเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มีสวนรูฟการ์เด้น ติดตั้ง Solar roof มี EV Charging Station สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีด้านการจัดการอาคาร ทั้งระบบจดจำใบหน้าในการเข้าออก ระบบจดจำป้ายทะเบียนรถยนต์ ระบบแลกบัตรผ่านเข้าออกอัจฉริยะ ระบบชำระค่าจอดรถแบบไร้สัมผัส มีทั้งพื้นที่สำนักงานเต็มรูปแบบ และพื้นที่แบบ Co-Working Space
ด้านพื้นที่รีเทล ซึ่งถือเป็นไฮไลต์สร้างความโดดเด่น จะเป็นร้านอาหารร้านค้าไลฟ์สไตล์และไนต์มาร์เกตแห่งใหม่ ประกอบด้วย พื้นที่ร้านค้าภายในอาคารขนาด 25,000 ตร.ม. จำนวน 3 ชั้น มีร้านค้ารวม 928 ร้าน แนวคิดหลัก คือการใช้สถาปัตยกรรมสร้างความแตกต่าง รูปแบบสถาปัตยกรรมเก่าๆ กึ่งโรงงานบวกแฟชั่นสมัยใหม่
ร้านค้าภายในตัวอาคารแบ่งเป็นสัดส่วนตามประเภท เช่น แนววินเทจ แฟชั่น สตรีทแฟชั่น อาหาร เฟอร์นิเจอร์ ดนตรี งานศิลปะ งานคราฟต์
ขณะที่พื้นที่กลางแจ้งด้านหน้าอาคารอีก 5.6 ไร่ จะเป็นไนต์มาร์เกตแห่งใหม่ มีทั้งพื้นที่เป็นล็อก ร้านค้า และคีออสก์ รวม 798 ร้าน ใช้รูปแบบของ “จ๊อดแฟร์” เดิมเป็นหลัก เจาะทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ทั้งคนรุ่นเก่าและรุ่นใหม่
แน่นอนว่า การประกาศแผนลงทุนมิกซ์ยูสที่มีไนต์มาร์เกตเป็นแม็กเน็ตใหม่สร้างกระแสเขย่ารีเทลใกล้เคียงสไตล์เดียวกัน โดยเฉพาะ เดอะสตรีท รัชดา (The Street Ratchada) ของบริษัท ทีซีซี แอสเซ็ทส์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่เปิดตัวเมื่อปี 2558 และพยายามผลักดันให้ดังเปรี้ยงปร้างสุดขีด
หากย้อนกลับไป 7 ปีก่อน ปณต สิริวัฒนภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีซีซี แอสเซ็ทส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศแผนขยายอาณาจักรมิกซ์ยูสย่านรัชดาและสร้างศูนย์การค้าสตรีทมอลล์รูปแบบใหม่แห่งแรกบนถนนรัชดาภิเษก ชูคอนเซ็ปต์ SIP. WALK. TALK. SHARE. แบบไร้ขีดจำกัด มีร้านค้าเปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง โดยใช้งบลงทุนก้อนแรก 2,300 ล้านบาท
ตัวศูนย์การค้าเดอะสตรีท รัชดา ครอบคลุมพื้นที่กว่า 16 ไร่ รวมพื้นที่ประมาณ 69,900 ตร.ม. พร้อมที่จอดรถ 850 คัน โดยออกแบบบริเวณลานด้านหน้ากว่า 4,000 ตร.ม. ให้เป็นพื้นที่เปิดโล่งที่ใหญ่ที่สุดบนถนนรัชดาภิเษก สามารถรองรับการจัดกิจกรรมต่างๆ ได้ตลอดทั้งปี
พื้นที่ให้เช่ามีทั้งหมด 30,000 ตร.ม. รองรับร้านค้ามากกว่า 500 ร้านค้า และมีตัวอาคารสูง 5 ชั้น พร้อม 1 ชั้นใต้ดิน เน้นการตกแต่งแนวอินดัสเทรียล ลอฟต์ (Industrial Loft) กับบรรยากาศในแนวสตรีทไลฟ์สไตล์ เพื่อสร้างบรรยากาศฮิปๆ และมุมมองที่เป็นศิลปะ
ช่วงการเปิดตัว บริษัทสามารถดึงร้านค้าแม็กเน็ตใหญ่ๆ อย่างคับคั่ง ได้แก่ ฟู้ดแลนด์ซุปเปอร์มาร์เก็ต ร้าน Tim Ho Wan ร้านติ่มซำชื่อดัง ระดับมิชลินสตาร์จากฮ่องกง ร้านอาหาร So Asean ที่รวบรวมอาหาร 80 เมนูดังจากประเทศอาเซียน เบอร์เกอร์คิง เคเอฟซี ร้านอาหารลิตเติ้ลฮ่องกง สตาร์บัคส์ สเวนเซ่นส์ คอฟฟี่เวิลด์ ฮอลลี่ส์คอฟฟี่ เบร็ดทอล์ค เซเว่นอีเลฟเว่น บู๊ทส์ วัตสัน ไอ แอม กิ๊ฟต์ แฮปปี้ทอยส์ และเพลินวานพาณิชย์
มีโซนสตรีทแฟชั่น เสื้อผ้า เครื่องแต่งกายกว่า 200 ร้านค้า โซนร้านบริการมือถือ อุปกรณ์ไอที สปาร้านอาหาร เช่น ชาบูชิ เอ็มเคสุกี้ ยาโยอิ จี๊ดจ๊าด เดอะ ชริมพ์ เลิฟเวอร์ (Shrimp Lover) และศูนย์อาหารฟูดสตรีท
อย่างไรก็ตาม เดอะสตรีทรัชดาพยายามปรับและเพิ่มแม็กเน็ตใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยรักษาคอนเซ็ปต์เดิมและบริการ 24 ชั่วโมง เช่น ฟู้ดแลนด์ซุปเปอร์มาร์เก็ต ร้านอาหาร ศูนย์รวมบริการขนส่ง ฟิตเนส มีเจ็ทส์ฟิตเนส มินิไซซ์แดนซ์สตูดิโอ กลุ่มร้านค้าเพื่อสุขภาพ และความงาม ศูนย์อาหารฟูดสตรีท และ The Street Arena, E-Sport Arena, NSM Science Square
มีการจัดอีเวนต์ต่างๆ เช่น ช่วงปลายปี 2565 เปิดการประกวดโคฟเวอร์แดนซ์ สาย J-POP และ K-POP จากทั่วประเทศ THE STREET JK COVER DANCE CONTEST 2022 หรือช่วงต้นปีนี้ งัด Sneaker Party Thailand ทั้งสินค้า เวิร์กชอป และกิจกรรม สาย Sneaker Street Vintage และ Art
ต้องบอกเลยว่า เวลาอีก 1 ปี ก่อนมิกซ์ยูส ไลฟ์สไตล์มอลล์ และไนต์มาร์เกตแบบฉบับ “จ๊อดแฟร์” เผยโฉมนั้น เดอะสตรีท รัชดา คงต้องอัดกลยุทธ์หนักๆ อีกหลายขนานแน่.
