เวลานี้ใครไปห้างพาต้าปิ่นเกล้ามีเป้าหมายเดียวกัน คือ เที่ยว PATA ZOO และยลโฉมน้องบัวน้อย กอริลลาตัวสุดท้ายในประเทศไทยที่อาศัยอยู่บนชั้น 7 ของตัวห้างมานานมากกว่า 30 ปี
จริงๆ แล้ว ห้างพาต้านำเข้ากอริลลาตัวแรกจากประเทศเยอรมนีเมื่อปี 2526 ชื่อ บวาน่า เป็นตัวผู้หลังเงินอายุ 20 ปี ต่อมาปี 2535 นำเข้าน้องบัวน้อย วัย 3 ขวบจากเยอรมนีเช่นเดียวกัน โดยหวังให้เป็นเพื่อนรักคู่กัน แต่ปรากฏว่า ไม่ชอบพอกัน หลายคนบอกว่า เพราะบัวน้อยอายุห่างจากบวาน่ามากเกินไป
ภายหลัง บวาน่าตายตอนอายุ 40 ปี และประเทศไทยเข้าร่วมอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ หรือ ไซเตส (Cites) ทำให้ไม่สามารถนำเข้ากอริลลาเพื่อมาเลี้ยงเป็นเพื่อนบัวน้อยได้ ขณะที่สวนสัตว์อื่นๆ ไม่สามารถนำเข้ากอริลลามาด้วยเช่นกัน ทำให้บัวน้อยกลายเป็นกอริลลาตัวสุดท้ายของไทยและเป็นตัวสุดท้ายของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย
แน่นอนว่า บัวน้อยเติบโตมาพร้อมๆ กับสวนสัตว์พาต้าและห้างพาต้า โดยสวนสัตว์เริ่มแรกเปิดให้เข้าฟรี ก่อนมีการเก็บค่าเข้าชม อัตราเด็ก 5 บาท ผู้ใหญ่ 10 บาท และปัจจุบันอยู่ที่ ผู้ใหญ่ 80 บาท เด็ก 50 บาท ให้บริการตั้งแต่เวลา 10.00-18.00 น. ทุกวัน
ทั้งนี้ สวนสัตว์พาต้าจดทะเบียนกับกระทรวงพาณิชย์เมื่อปี 2527 ซึ่งขณะนั้นยังไม่มีกฎหมายควบคุมสวนสัตว์และก่อนมีกฎหมายคุ้มครองเมื่อปี 2535 โดยนำสัตว์เข้ามาจากบริษัทสยามฟาร์ม จำแนกตามประเภท ประกอบด้วย สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมประมาณ 130 ชนิด ราว 250 ตัว สัตว์ปีก 300 ชนิด มากกว่า 600 ตัว สัตว์เลื้อยคลานสะเทินน้ำสะเทินบก 350 ชนิด ประมาณ 700 ตัว ไม่รวมงูหลามทองที่ได้จากการเพาะ
พื้นที่อยู่บน 2 ชั้นบนสุดของตัวห้าง คือ ชั้น 6 เป็นส่วนแสดงสัตว์เลื้อยคลาน สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ สัตว์เลือดเย็น หรือสัตว์หากินในเวลากลางคืน มีการตกแต่งสไตล์ป่าดึกดำบรรพ์ มีซากสตัฟฟ์ของปลากระเบนราหูน้ำจืดขนาดใหญ่ มีส่วนแสดงงูหลามทองขนาดใหญ่และเคยจัดแสดงซาลาแมนเดอร์ยักษ์ในประเทศไทย
ส่วนชั้นที่ 7 พื้นที่ดาดฟ้า เปิดโล่ง เป็นส่วนแสดงของสัตว์หลากหลายชนิด เช่น นกเพนกวิน นกเงือก ม้าแคระ ลีเมอร์ อุรังอุตัง ลิงกังเผือก ลิงวอกเผือก ค่างดำ ลิงสไปเดอร์ เสือโคร่ง เสือดาว-เสือดำ เสือลายเมฆ แมวดาว หมีควาย หมีหมา หมาจิ้งจอก นกมาคอว์ และมีสวนสัตว์เด็กที่สามารถสัมผัสตัวสัตว์ได้ เช่น กระต่าย แกะ แพะ หนูตะเภา รวมถึงกรงนกขนาดใหญ่ที่มีทางเดินที่ขนาบไปด้วยน้ำและน้ำตก และจุดเด่นสำคัญ คือ กอริลลาคู่แรกในไทย บวาน่าและบัวน้อย
เวลานั้นสวนสัตว์พาต้าได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามในฐานะสวนสัตว์ลอยฟ้าใจกลางกรุงเทพฯ มีผู้เข้าชมจำนวนมาก ทั้งกลุ่มครอบครัว นักเรียนนักศึกษา และกลุ่มนักท่องเที่ยว ทุกคนอยากมายลโฉมคู่กอริลลา บวาน่าและบัวน้อย
ขณะเดียวกัน การอยู่ชั้นสูงสุดของห้างสรรพสินค้าที่ทันสมัยในยุคนั้น ต้องอาศัยลิฟต์แก้วโดยสาร ลูกค้าได้ชมทิวทัศน์ภายนอกอาคาร บางส่วนของสวนสัตว์ติดเครื่องปรับอากาศ เพื่อจัดแสดงสัตว์เมืองหนาว ซึ่งไม่มีแสดงที่สวนสัตว์อื่นๆ ในประเทศไทย เช่น นกเพนกวิน
ปี 2557 สวนสัตว์พาต้าได้รับการจดทะเบียนเป็นสวนสัตว์เอกชน โดยถือเป็นสวนสัตว์เอกชนแห่งแรกในประเทศไทย
แต่เมื่อเข้าสู่สมรภูมิค้าปลีกแข่งขันดุเดือดมากขึ้น ประกอบกับเกิดกรณีเรียกร้องให้ปล่อยบัวน้อยสู่ธรรมชาติ มีประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ถึงสภาพความเป็นอยู่ของสัตว์ต่างๆ รวมทั้งมีสวนสัตว์เอกชนเปิดตัวเพิ่มขึ้น พื้นที่ขนาดใหญ่กว่าและมีสัตว์ให้ชมจำนวนมากในบรรยากาศป่าธรรมชาติ ทำให้สวนสัตว์พาต้าเริ่มซบเซา
ต่อมาผู้บริหารได้ขนย้ายสัตว์บางส่วนไปไว้ที่พักสัตว์ อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี เพื่อลดความแออัด ปิดส่วนแสดงชั้น 6 และพยายามปรับพื้นที่ต่อเนื่อง เช่น การปิดให้บริการช่วงวันที่ 13-16 ธันวาคม เพื่อปรับพื้นที่รับเทศกาลปีใหม่ และการดูแลพื้นที่พักอาศัยของบัวน้อย ซึ่งเป็นกรงขนาดใหญ่ติดแอร์ ปลอดเชื้อโรค ขนาด 20×10 เมตร
อย่างไรก็ตาม ประเด็นเรียกร้องปล่อยกอริลลาสู่ธรรมชาติยังเกิดขึ้นเป็นระยะๆ โดยเฉพาะช่วงปลายปี 2563 มีการกล่าวถึง แชร์ หรือเชอริลีน ซาร์กิเซียน นักร้องหญิงชื่อดังชาวอเมริกัน นักเคลื่อนไหวพิทักษ์สัตว์ เรียกร้องผ่านทางทวิตเตอร์ ขอความช่วยเหลือจากบรรดาแฟนเพลง ช่วยยุติการเลี้ยงกอริลลา และเขียนจดหมายด้วยลายมือส่งถึงนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของไทย ขอให้ช่วยหาบ้านหลังใหม่ให้บัวน้อย
มีการตอบกลับทางจดหมายว่า ไม่เคยลืมหรือเพิกเฉย ได้มีคำสั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหาทางออกที่ดีที่สุด เพื่อชีวิตที่ดีขึ้นของบัวน้อย จนวันเวลาผ่านไปกว่า 2 ปี ข้อเรียกร้องอาจได้รับการตอบสนองและอาจเป็นที่มาของโครงการพา “บัวน้อย” กลับไปสัมผัสดินแดนแผ่นดินเกิดที่มีญาติพี่น้องเพื่อนฝูงตระกูลกอริลลาอาศัยอยู่
วันที่ 21 ตุลาคม 2565 สื่อหลายสำนักลงข่าวการเจรจาซื้อขายกอริลลา ‘บัวน้อย’ ระบุว่า นายธเนศพล ธนบุณยวัฒน์ เลขานุการ รมว. ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) มีโครงการพา ‘บัวน้อย’ ลิงกอริลลา ที่อยู่ในกรงสวนสัตว์ในห้างสรรพสินค้าพาต้า กลับไปสัมผัสดินแดนที่เป็นเหมือนแผ่นดินเกิด และมีญาติพี่น้องเพื่อนฝูงตระกูลกอริลลาอยู่ ก่อนที่เจ้าบัวน้อยจะตาย
รายงานข่าวอ้างว่า มีการเจรจากับเจ้าของสวนสัตว์พาต้า แต่เจ้าของบอกราคาขายอยู่ที่ 30 ล้านบาท รวมถึงข่าวเรื่องจะเปิดรับบริจาคเงินจำนวนดังกล่าว
ในที่สุด บริษัท สวนสัตว์พาต้า ต้องออกแถลงการณ์ยืนยันชัดเจนว่า ผู้บริหารของห้างฯ พาต้าชุดปัจจุบัน ซึ่งเป็นผู้บริหารรุ่นใหม่ในกลุ่มตระกูล “เสริมศิริมงคล” เข้ามาบริหารงานตั้งแต่วันที่ 28 สิงหาคม 2563 และไม่เคยเจรจาซื้อขายบัวน้อยกับผู้ใด หรือหน่วยงานใด
ในทางกลับกัน ยังปฏิเสธการเคลื่อนย้ายบัวน้อยตามที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช เคยสอบถามและตอบกลับไปอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร ด้วยสาเหตุที่ไม่มั่นใจในการปรับตัวของบัวน้อย ลิงกอริลลาในวัยชราที่ใช้ชีวิตอยู่ในสถานที่แห่งนี้ ด้วยความคุ้นเคยต่อสิ่งแวดล้อมและปลอดเชื้อโรคใดๆ เป็นเวลากว่า 30 ปี รวมทั้งวันนี้บัวน้อยอยู่ในวัยชรา บั้นปลายสุดท้ายของชีวิตตามอายุขัยของลิงกอริลลา ซึ่งทางสวนสัตว์พาต้ามีการประชุมเรื่องการเลี้ยงดูอย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด ด้วยความตระหนักดีว่า “ในอายุขัยเช่นนี้ บัวน้อย ลิงกอริลลาล้ำค่าตัวสุดท้ายของประเทศไทย สามารถตายจากเราไปได้ทุกเมื่อ”
ในอนาคตอันใกล้ เมื่อกลุ่มตระกูล “เสริมศิริมงคล” ยืนยันว่า จะเดินหน้าแผนรีโนเวตห้างสรรพสินค้าพาต้าและสวนสัตว์พาต้า ชั้น 6-7 หลายฝ่ายย่อมต้องจับตารูปโฉมใหม่ เพราะนั่นไม่ใช่แค่การยกระดับสถานที่ การเปิดตัวสู้ศึกปลีกครั้งใหม่ การสร้างจุดขายเพื่อความอยู่รอดทางธุรกิจ การเป็นแหล่งเรียนรู้ให้ผู้คน แต่ยังหมายถึงการยืนยันเจตนารมณ์และความตั้งใจจริงในการดูแลชีวิตสัตว์ทุกตัวตามมาตรฐานสากลด้วย