กลุ่ม “ซีพี” ต้องเร่งเสริมทัพหนุนร้านสะดวกซื้อ “เซเว่นอีเลฟเว่น” ครั้งใหญ่ หลังคู่แข่งเปิดเกมรุกผุดเครือข่ายร้านชุมชนล้อมกรอบทุกพื้นที่ ทั้งร้านโดนใจของค่ายบิ๊กซี กลุ่มตระกูลเจริญสิริวัฒนภักดี ร้านถูกดีมีมาตรฐานของเจ้าพ่อคาราบาวกรุ๊ป “ซี.เจ. เอ็กซ์เพรส” รวมถึงกลุ่มเซ็นทรัลที่ลุยยกเครื่อง “ท็อปส์ เดลี่-แฟมิลี่มาร์ท” เพิ่มพื้นที่เช่าและโซนที่นั่งรับประทานอาหาร
ล่าสุด แม็คโคร ประเทศไทย หนึ่งในกลุ่มค้าปลีกค้าส่งของเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) ประกาศเปิดตัวร้านค้าปลีกชุมชนแบรนด์ใหม่ “บัดดี้มาร์ท (Buddy Mart)” เสมือนเป็นทัพหนุนร้านชุมชน “มิตรแท้ชุมชน” แบรนด์เดิมและยังช่วยอุดช่องว่างในพื้นที่ชุมชนและฐานลูกค้าที่ร้านเซเว่นอีเลฟเว่นรุกเข้าไปไม่ถึง
ธนิศร์ เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร ธุรกิจค้าส่งแม็คโคร ประเทศไทย กล่าวว่า ตลาดค้าปลีกไทยมีมูลค่ากว่า 3 ล้านล้านบาท ซึ่งธุรกิจโชห่วยมีสัดส่วนมากถึง 55% และร้านโชห่วยเหล่านี้เป็นหนึ่งในฐานลูกค้าสำคัญของบริษัท โดยจากฐานสมาชิกผู้ประกอบการกว่า 500,000 รายนั้น สร้างยอดขายถึง 30% ของยอดขายรวม
การเปิดร้านบัดดี้มาร์ทจะเป็นกลไกเพิ่มศักยภาพของฐานลูกค้ากลุ่มนี้และหมายถึงฐานรายได้ของบริษัทที่เพิ่มขึ้นด้วย
“แม็คโครกับลูกค้าโชห่วยทั่วประเทศมีความผูกพันกันมานานกว่า 30 ปี ทุกปีเราจัดงานตลาดนัดโชห่วย เพื่ออัปเดตเทรนด์ธุรกิจให้ร้านค้าเล็ก ๆ มีโครงการประกวดทายาทโชห่วยแข่งขันไอเดียพัฒนาร้านของคนรุ่นใหม่หรือลูกหลานเจ้าของธุรกิจโชห่วย เมื่อนำมาเสริมกับข้อมูลเชิงลึกของแม็คโคร เพื่อสร้างรูปแบบการพัฒนาร้านค้าปลีกที่ตอบโจทย์ให้โชห่วยและจับมือกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ พัฒนาสมาร์ทโชห่วยต่อยอดให้ผู้ประกอบการรายย่อย เกิดเป็นโมเดลทั้งมิตรแท้ชุมชนจนมาถึงรูปแบบล่าสุด บัดดี้มาร์ท”
สำหรับการลงทุนร้านบัดดี้มาร์ท เจ้าของร้านโชห่วยที่เข้าร่วมจะใช้งบลงทุน 400,000 บาท แบ่งเป็นค่าเงินค้ำประกัน 200,000 บาท และค่าปรับปรุงร้าน 200,000 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดและสภาพของร้านปัจจุบัน โดยมี 3 ขนาดทางเลือก คือ Package S หรือร้านขนาดเล็ก พื้นที่ 48-50 ตารางเมตร สินค้าประมาณ 1,600 รายการ
Package M 51-100 ตร.ม. ร้านขนาดกลาง สินค้าประมาณ 2,200 รายการ และ Package L ร้านขนาดใหญ่ พื้นที่มากกว่า 100 ตร.ม. จำนวนสินค้าประมาณ 3,000 รายการ
ส่วนฝ่ายบัดดี้มาร์ทร่วมลงทุนให้คู่ค้า 1.5 ล้านบาท ติดตั้งระบบ POS ระบบบริหารจัดการร้าน อุปกรณ์ชั้นวาง ตู้แช่ และสินค้าทั้งหมดภายในร้าน และยังร่วมกับธนาคารกรุงเทพ สร้างการเข้าถึงสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำอีกด้วย
กลุ่มสินค้าภายในร้านประกอบด้วยอาหารสดและอาหารแช่แข็ง อาหารแห้ง น้ำและขนมขบเคี้ยว (Snacks) เบเกอรี่ ไข่ อาหารแช่แข็ง (Frozen Foods) ไอศกรีม เครื่องเทศ (Spices) ผลิตภัณฑ์ซักล้าง ของใช้ส่วนตัว (Personal Cares) อาหารสัตว์ (Pet Foods) และเครื่องเขียน
ล่าสุด บัดดี้มาร์ทมีสาขาเปิดให้บริการแล้ว 10 แห่ง และเร่งขยายสาขาต่อเนื่อง โดย 10 สาขานำร่องอยู่ในเขตกรุงเทพฯ 2 แห่ง ได้แก่ สาขาร้านโฮป นวมินทร์ 139 และสาขาร้านขายดี เขตบางบอน
อีก 8 แห่ง ได้แก่ สาขาร้านถูกใจ อ. วังน้อย จ. พระนครศรีอยุธยา สาขาร้านค้าขายรุ่งเรือง อ. วังน้อย จ. พระนครศรีอยุธยา สาขาร้านมันนี่ อ. นครชัยศรี จ. นครปฐม สาขาตลาดเอที คลอง 8 ปทุมธานี สาขาร้านมั่งมี อ. ไทรน้อย จ. นนทบุรี สาขาร้านสว่างอรุณพาณิชย์ จ. พระนครศรีอยุธยา สาขากิจรุ่งเรืองถาวร อ. เฉลิมพระเกียรติ จ. นครราชสีมา และสาขาบ้านไม้กลางซอย อ. ปากเกร็ด นนทบุรี
ขณะเดียวกัน หากตรวจแนวรบเครือข่ายร้านชุมชนของค่ายคู่แข่ง ซึ่งเร่งดึงพันธมิตรโชห่วยเข้าร่วมโปรเจกต์พัฒนาร้านสะดวกซื้อรูปแบบทันสมัย เพื่อปูพรมสาขาอยู่นั้น เริ่มจากบริษัท ทีดี ตะวันแดง จำกัด ผู้บริหารธุรกิจ “ร้านถูกดี มีมาตรฐาน” ของกลุ่มคาราบาวกรุ๊ป ตั้งเป้าหมายขยายสาขาเพิ่มขึ้นเป็น 30,000 ร้าน ภายในปี 2567 จากปัจจุบันเปิดแล้ว 5,000 ร้าน และคาดว่าสิ้นปี 2565จะมีสาขาเพิ่มเป็น 10,000 ร้าน พร้อมขยายคลังสินค้ารองรับ 8 แห่ง มูลค่าการลงทุนราว 24,000ล้านบาท คาดว่าปีนี้สามารถสร้างรายได้ 20,000 ล้านบาท และปีหน้าจะเพิ่มเป็น 60,000-70,000 ล้านบาท
ล่าสุด ทีดี ตะวันแดง ยังได้แบ็กอัพชั้นเลิศอย่างธนาคารกสิกรไทย ซึ่งประกาศร่วมลงทุนกว่า 15,000 ล้านบาท สนับสนุนร้านสะดวกซื้อชุมชน “ถูกดี มีมาตรฐาน” เพื่อเป็นศูนย์กลางการขับเคลื่อนเศรษฐกิจชุมชนทั่วไทย โดยเปิดโอกาสให้คนในชุมชนที่สนใจเปิดร้านเป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น ผ่านบริการทางการเงินและสินเชื่อครบวงจร
การเติบโตอย่างแข็งแกร่งของเครือข่ายร้านถูกดี มีมาตรฐาน ยังถือเป็นองค์ประกอบสนับสนุนศักยภาพความแข็งแกร่งให้บริษัท ซี.เจ. เอ็กซ์เพรส กรุ๊ป จำกัด ซึ่งบริหารกิจการร้านสะดวกซื้อแบรนด์ CJ ในกลุ่มคาราบาวอีกแบรนด์หนึ่งด้วย
ปัจจุบันซีเจมีรูปแบบร้าน 2 โมเดลหลัก คือ ร้านสะดวกซื้อซีเจ เอ็กซ์เพรส รูปแบบ Supermarket Convenience Store พื้นที่มากกว่า 300 ตารางเมตร หรือขนาด 5 คูหาขึ้นไป เน้นจำหน่ายสินค้าอุปโภคและบริโภคในราคาประหยัด มีบริการชำระเงินด้วยบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือบัตรคนจน และเพิ่มความเป็นไลฟ์สไตล์ เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคในแต่ละท้องที่ เช่น โซนเครื่องสำอางภายใต้แบรนด์ “NINE นายน์ บิวตี้” และร้านกาแฟ “BAO CAFE”
อีกโมเดลหลักชื่อ “ซีเจ มอร์” (CJ MORE) คอนเซ็ปต์ More Than Anyone, More Than Supermarket หรือเป็นมากกว่าซูเปอร์มาร์เก็ตและร้านสะดวกซื้อทั่วไป ประกอบด้วย ซีเจ ซูเปอร์มาร์เก็ตเน้นสินค้าอุปโภคบริโภค ราคาประหยัดเทียบเท่ากับไฮเปอร์มาร์เก็ต และเพิ่มโซนสินค้าต่างๆ ได้แก่ โซนนายน์ บิวตี้ (Nine Beauty) โซนบาว คาเฟ่ (Bao Cafe) โซน อูโนะ (UNO) จำหน่ายสินค้าไลฟ์สไตล์ สินค้าแฟชั่น เครื่องเขียน และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ โซน เอ-โฮม (A-Home) สินค้าเกี่ยวกับบ้าน บางสาขาอาจเพิ่มบริการอื่น ๆ เช่น ร้านสะดวกซัก “บาว คาเฟ่ สะดวกซัก” และโซน ซีเจ มอร์ ฟู้ดฮอลล์
ด้านร้านโดนใจของค่ายบิ๊กซีในเครือเบอร์ลี่ยุคเกอร์ (BJC) วางคอนเซ็ปต์หลักไม่ต่างกับบัดดี้มาร์ท คือ พัฒนาโชห่วย พัฒนาชุมชนเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัว ใส่ใจใกล้บ้านคุณ โดยเจ้าของร้านใช้เงินลงทุนพลิกโฉมเริ่มต้น 3 แสนบาท ไม่ต้องหักแบ่งรายได้และยังเป็นเจ้าของกิจการ 100% มีรูปแบบร้าน 3 ขนาด เริ่มจากไซส์ S พื้นที่ขายประมาณ 40 ตารางเมตร จำนวนสินค้าประมาณ 1,000 รายการ พื้นที่วางสินค้าสูงสุด 27 ล็อก และตู้แช่เย็น 2 ตู้
ไซส์ M พื้นที่ขาย 40-80 ตารางเมตร จำนวนสินค้า 2,000 รายการ พื้นที่วางสินค้าสูงสุด 55 ล็อก ตู้แช่เย็น 2 ตู้ และตู้แช่แข็ง 1 ตู้
ไซส์ L พื้นที่ขายมากกว่า 80 ตารางเมตร จำนวนสินค้า 2,400 รายการ พื้นที่วางสินค้าสูงสุด 55 ล็อก ตู้แช่เย็น 2 ตู้ และตู้แช่แข็ง 1 ตู้
ขณะที่เบอร์ 1 คอนวีเนียนสโตร์ “เซเว่นอีเลฟเว่น” พยายามเน้นภาพลักษณ์การส่งเสริมกลุ่มเอสเอ็มอี ทั้งการสนับสนุนสินค้าของกลุ่มเอสเอ็มอีเข้ามาจำหน่ายในร้านเซเว่นฯ ทั้งช่องทางออฟไลน์หน้าร้านและช่องทางออนไลน์ การร่วมมือกับกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม โครงการดีพร้อม จัดกิจกรรมพัฒนาผู้ประกอบการเกษตรอุตสาหกรรมขยายสู่ช่องทางธุรกิจการค้าสมัยใหม่ (Gifted DIPROM – Modern Trade)
ในแง่กลยุทธ์การตลาดเพื่อผลักดันยอดขาย บริษัท ซีพีออลล์ จำกัด (มหาชน) ยังวางนโยบายหลักเน้นโปรโมชั่นทุกรูปแบบ การขายผ่านช่องทางออนไลน์และดีลิเวอรี เพื่อขยายฐานลูกค้าทุกระดับ
หากดูภาพรวมการเปิดสาขาในไตรมาสแรก ปี 2565 มีจำนวนร้านทั่วประเทศรวม 13,253 สาขา จากช่วงสิ้นปี 2564 อยู่ที่ 13,134 สาขา และปีนี้ตั้งเป้าหมายขยายให้ได้ 700 สาขา หรือมากกว่า 13,830 สาขา โดยเฉพาะการเร่งบุกต่างจังหวัดและพื้นที่ห่างไกล
ยิ่งเมื่อมีร้านบัดดี้มาร์ทของแม็คโครเข้ามาเสริมทัพ นั่นย่อมหมายถึงโอกาสสยายปีกเพิ่มมากขึ้นด้วย.