วันศุกร์, พฤศจิกายน 22, 2024
Home > Cover Story > พรศักดิ์ ชินวงศ์วัฒนา วิ่งฝ่าวิกฤตแบบมาราธอน

พรศักดิ์ ชินวงศ์วัฒนา วิ่งฝ่าวิกฤตแบบมาราธอน

“มาราธอนมี 2 ปัจจัย ปัจจัยที่ควบคุมได้กับปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ สิ่งที่เราควบคุมได้ คือ ตัวเรา เราต้องซ้อม ต้องรู้ร่างกายเรา ระยะทางเท่ากัน 42.195 กิโลเมตร แต่อีกปัจจัยเราควบคุมไม่ได้ตลอดระยะเวลาวิ่ง 6-7 ชั่วโมง สภาพอากาศ แดด ฝนตก พื้นผิวที่เปลี่ยนไป ทั้ง 2 ปัจจัยไม่ต่างอะไรกับการทำธุรกิจ ซึ่งต้องหาวิธีแก้เฉพาะหน้า สู้ไปเรื่อยๆ”

พรศักดิ์ ชินวงศ์วัฒนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เรฟ อีดิชั่น จำกัด เปรียบเทียบกีฬาวิ่งมาราธอนที่สามารถถอดรหัสแปลประสบการณ์สู่แนวคิดการทำธุรกิจ โดยเฉพาะการเรียนรู้วิธีแก้ปัญหาในทุกๆ สถานการณ์

ที่สำคัญการเล่นกีฬาเป็นสิ่งปลูกฝังตัวตนเขาตั้งแต่เด็กและจุดประกายการลงทุนธุรกิจร้านค้าปลีกสินค้ากลุ่มสปอร์ต (Sportswear and Footwear) เป็นตัวแรกในชีวิต

เขาเล่าว่า พื้นฐานครอบครัวเป็นครอบครัวที่เล่นกีฬาจริงจังตั้งแต่รุ่นพ่อแม่ พ่อเป็นนักกีฬาบาสเกตบอล แม่เป็นนักเทนนิส ตั้งแต่เด็กได้เล่นบาสเกตบอล เล่นเทนนิส แต่กลายมาเป็นนักวิ่งมาราธอน ซึ่งจริงๆ การวิ่งเป็นส่วนหนึ่งของกีฬา แต่ไม่ได้วิ่งจริงจัง พอทำร้านกีฬา เริ่มคลุกคลีเรื่องการวิ่งมากขึ้นช่วงทำแบรนด์รองเท้าวิ่ง ASICS มีโอกาสซึมซับบรรยากาศ ได้ร่วมรายการวิ่งและหลงใหลเสน่ห์ของการวิ่ง กลายเป็น 2 สิ่งในชีวิตที่เดินไปด้วยกัน โดยเฉพาะการเริ่มคอนเซ็ปต์แบรนด์ร้านค้าปลีกที่นำเสนอทุกกลุ่มสินค้าของการวิ่ง “REV RUNNR (เรฟรันเนอร์)”

แต่กว่าจะเริ่มต้นวิ่งมาราธอนได้ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องนึกถึงคนหนัก 130 กิโลกรัม สูง 180 เซนติเมตร ตัวใหญ่มากๆ อยู่ดีๆ จะไปวิ่งมาราธอนแทบเป็นไปไม่ได้เลย

“ทุกอย่างต้องเริ่มทีละขั้น ผมโชคดีรู้จักรุ่นพี่คนหนึ่งที่ช่วยปลดล็อกการวิ่งของผม เดิมเรานึกภาพว่า ไปงานวิ่ง ต้องวิ่งตั้งแต่ก้าวแรกถึงก้าวสุดท้ายเข้าเส้นชัย เป็นสาเหตุทำให้ผมไม่ไปร่วมงานวิ่งใดๆ แต่รุ่นพี่คนนี้บอกว่าไม่มีการเขียนกฎใดๆ ว่าคุณต้องวิ่งตั้งแต่ก้าวแรกถึงก้าวสุดท้าย คุณเดินสลับวิ่งได้ตามความสามารถ วิ่งเท่าที่วิ่งได้ แกเทรนผมระยะหนึ่งด้วยการเดินจนผ่านและไปร่วมรายการวิ่งได้”

รายการแรก ระยะทาง 1 กิโลเมตรของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ชื่องาน “วิ่งสู่ชีวิตใหม่” โดนใจคนเริ่มวิ่งอย่างเขามาก และปลดล็อกขยับลุยรายการ Half Marathon ระยะทาง 21 กิโลเมตร จนขึ้นชั้นมาราธอนเต็มรูปแบบ ระยะทาง 42.195 กิโลเมตร

“ทุกงาน ผมเดินนะ อาจมีพี่ๆ บางคนมองว่างานวิ่งต้องไปวิ่งเพื่อให้ได้ความเร็ว นั่นเหมาะกับคนที่มีร่างกายดี แต่มุมมองของคนที่เริ่มจากศูนย์แถมติดลบด้วย แทบไม่มีความเป็นไปได้เลยที่จะวิ่งมาราธอนจบได้ 42 กม. การที่เรามีโอกาสไปร่วมงานและจบ Cutoff (คัตออฟ) หรือเวลามากสุดที่ผู้จัดการแข่งขันกำหนดขึ้นมาในแต่ละระยะการแข่งขัน ไม่ว่าวิ่ง เดิน จบได้ทันคัตออฟ อันนี้เป็นความสำเร็จสูงสุดแล้ว”

แน่นอนว่า การเรียนรู้และพยายามอย่างอดทนนี้เองทำให้พรศักดิ์เรียนรู้แนวทางการทำธุรกิจ ค่อยๆ ขยับ แก้ปัญหา และเดินหน้าต่อไปจนกว่าจะเข้าเส้นชัย

“มาราธอนให้ชีวิตใหม่กับผมและเรื่องการทำธุรกิจด้วย ทำได้ในสิ่งที่ไม่เคยคิดว่าเป็นไปได้ และเมื่อเกิดปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ เราอย่าไปหาเหตุว่าทำไมถึงเกิดอย่างนั้นอย่างนี้ สิ่งเดียวที่ทำได้ คือแก้ปัญหา ทำอย่างไรให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ผมเรียนรู้จากมาราธอน ถ้าเป็นเมื่อก่อน เมื่อเกิดปัญหา เรานั่งคิดแล้วคิดอีกทำไมถึงเกิดปัญหา แทนที่จะรีบคิดแก้ เรากลับมานั่งคิดว่าเกิดจากอะไร ทำไมถึงแก้อะไรไม่ได้ เสียเวลา”

ขณะเดียวกัน สิ่งหนึ่งที่เชื่อมาตลอดตั้งแต่วันแรกที่ตั้งบริษัท Sport Revolution และกลายมาเป็น REV คือการทำหน้าที่แสวงหาสินค้ากีฬาที่ดีที่สุด มีคุณภาพสูงสุดที่หาได้ในโลกนี้ เพื่อเอามาให้นักกีฬา ทุกๆ กีฬา

“อย่างที่บอก คุณพ่อเป็นนักกีฬาบาสเกตบอล บอกผมตลอดตั้งแต่เด็กว่า The great performing athlete is always driven by the great sport gear. เขาพูดเสมอว่า จะเล่นบาสเกตบอลได้ดีต่อเมื่อมีรองเท้าที่ดี ทั้งวิ่งทั้งกระโดด จะมีประสิทธิภาพการเล่นที่สูง และประโยคนี้เองเป็นสโลแกนหลักของ REV”

เมื่อถามว่า ธุรกิจและสินค้าของ REV มีราคาค่อนข้างสูง เน้นเจาะกลุ่มลูกค้าระดับพรีเมียมใช่หรือไม่

ผู้บริหารหนุ่มคนนี้ตอบทันที “ไม่ใช่ทั้งหมด” แต่เน้นตลาดกลางระดับ B ขึ้นไป และพยายามทำราคาให้เหมาะสม เช่น แบรนด์รองเท้าวิ่ง HOKA ราคาเริ่มต้น 5,000-7,200 บาทต่อคู่ แต่เมื่อบริษัทเป็นตัวแทนจำหน่ายและอยากให้ลูกค้าเข้าถึงสินค้าคุณภาพง่ายขึ้น ระดับราคาปรับลงมาทุกรุ่นพันกว่าบาท

“ผมยืนยันเลย REV เป็นตัวตั้งตัวตีในการลดระดับราคารองเท้ากีฬาในเมืองไทย ตั้งแต่เป็นตัวแทนจำหน่าย ดีลเลอร์ เราต่อสู้กับบริษัทแม่มาตลอด ระดับราคาต้องลดลงมาก อะไรคือเหตุผลที่ทำให้ราคาแพงกว่าสิงคโปร์ แพงกว่าฮ่องกง ไม่มีเหตุผล เมื่อนักกีฬาอยากซื้อรองเท้า ถ้าเป็นสมัยก่อน อันดับแรกรอไปสิงคโปร์ ไปอเมริกา ไปฮ่องกง แล้วค่อยซื้อเพราะถูกกว่าเมืองไทย”

“ผมเคยเป็นหนึ่งในนักกีฬากลุ่มนั้น เมื่อมีโอกาสทำร้าน เรารู้ Pain Point เมื่อลูกค้าอยากได้ ซื้อได้เลยในราคาเหมาะสม ไม่ต้องรอไปซื้อที่สิงคโปร์ ฮ่องกง สำหรับเรฟจะไม่ตั้งราคาสูงกว่าประเทศอื่นๆ ผมสู้ตลอด”

ล่าสุด เรฟเตรียมเปิดช็อปใหม่ แบรนด์แว่นตากันแดดสำหรับนักวิ่ง RUN goodr ซึ่งจุดกำเนิดของแบรนด์นี้เกิดจาก Founder เป็นนักวิ่ง วิ่งทั้งถนน วิ่งทั้งเทรล เขาใช้แว่นกันแดดยี่ห้อหนึ่ง ราคาสูง 7-8 พันบาท พอมาใช้วิ่งเขารู้สึก 2 อย่าง ใช้คำว่า Over Engineer สำหรับการวิ่ง 1. แว่นมีเทคโนโลยีเยอะเกินกว่านักวิ่งใช้งาน 2. ราคาสูง

เมื่อมาใช้วิ่ง อย่างวิ่งเทรล ต้องใส่แว่น ถอดแว่น วิ่งตั้งแต่กลางวันถึงกลางคืน เอาแว่นใส่เป้ เกิดการนั่งทับบ้าง เกิดเสียหาย แว่นราคา 7-8 พันบาท หรือ 1 หมื่นบาท ใช้แบบสมบุกสมบัน เสียหาย เสียดายมูลค่าเงิน

ฟาวน์เดอร์คนนี้เริ่มคิดทำแว่นตาสำหรับนักวิ่ง แว่นตาที่มีเทคโนโลยีแบบพอเพียง สีสันสวยสดใสใช้แต่งตัวได้ ราคาจับต้องได้ ใช้งานสมบุกสมบันได้ ไม่ต้องทะนุถนอมมาก ทรงแว่นเหมาะสม ใส่แล้วไม่ลื่น เพราะนักวิ่งขยับขึ้นลงตลอดเวลา แว่นไม่เด้ง และราคาเพียง 1 พันบาทต้นๆ ซึ่งปรากฏว่ามีนักวิ่งหลายคนซื้อครบทุกสี โดยเลือกเสื้อผ้าก่อนและเลือกแว่น แบรนด์ RUN goodr ประสบความสำเร็จมาก

นอกจากช็อป RUN goodr ที่เตรียมเผยโฉมสาขาแรกในเมกาบางนาช่วงไตรมาส 4 ปีนี้แล้ว ยังมีแผนเปิดช็อป ทูไทม์ยู แบรนด์ผู้นำเสื้อผ้ารัดกล้ามเนื้อ (Compression wear) เจ้าแรกของโลก ถือเป็นแบรนด์ที่ทำให้คนรู้จักประสิทธิภาพของเสื้อผ้ารัดกล้ามเนื้อที่สามารถลดความเสี่ยงของการบาดเจ็บในการวิ่ง เพราะทุกครั้งที่กล้ามเนื้อสั่น คือโอกาสเสี่ยงบาดเจ็บและเซฟพลังงานเพื่อใช้ในการวิ่ง

ดังนั้น หากย้อนดูสินค้าทุกแบรนด์ในพอร์ต REV ล้วนเจาะลึกและต้องการตอบโจทย์ลูกค้า ซึ่งพรศักดิ์ย้ำว่า โชคดีที่มีทีมงานดี ทุกคนเล่นกีฬา เป็นนักวิ่ง อยู่ในวงการวิ่ง ข้อมูลจึงอัปเดตตลอดเวลา และเป็นปัจจัยหนึ่งที่ช่วยให้บริษัทวิ่งฝ่าทุกวิกฤตได้.

ใส่ความเห็น