ในแต่ละช่วงวัยร่างกายต้องการสารอาหารในแต่ละวันที่แตกต่างกัน แม้ว่าหลายคนจะเพิ่มความใส่ใจในโภชนาการ รับประทานอาหารครบ 5 หมู่ แต่เมื่อถึงวัยที่ร่างกายเริ่มเปลี่ยนแปลง วิตามิน อาหารเสริม อาจมีความจำเป็นมากขึ้น
ปัจจุบัน การรับประทานอาหารเสริมหรือวิตามินได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะในวัยทำงานที่มักใช้เวลากับงานมากกว่าจะใส่ใจสุขภาพตัวเอง หรือในวัยสูงอายุที่อาจเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย อวัยวะบางอย่างเริ่มเสื่อมถอย และทำงานไม่ได้อย่างเต็มที่ วิตามิน อาหารเสริม จึงกลายเป็นตัวช่วยสำคัญที่เข้ามาทดแทน
อย่างไรก็ตาม หลายคนคงสงสัยว่า ความต้องการของร่างกายในแต่ละช่วงวัย วิตามินที่ควรได้รับเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไรบ้าง
– ผู้ที่มีอายุน้อยกว่า 20 ปี ในวัยที่กำลังเจริญเติบโตเป็นวัยที่ควรได้รับสารอาหารอย่างครบถ้วน ทั้งจากอาหารหลักทั้ง 5 หมู่ นอกจากนี้ สารอาหารที่ร่างกายควรได้รับเพื่อช่วยเสริมความแข็งแรงของกระดูก คือ แคลเซียม ที่หาได้จากนม ปลาเล็กปลาน้อย โอเมก้า-3 อาหารเสริมที่ช่วยในเรื่องของสมาธิและความจำ หาได้จากปลา อาหารทะเล ถั่ว เมล็ดพืช น้ำมันถั่วเหลือง
ทั้งนี้ ปริมาณของโอเมก้า-3 ที่เหมาะสมของแต่ละเพศและช่วงวัยก็แตกต่างกัน ควรเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหากจำเป็นต้องกินอาหารเสริมโอเมก้า-3
– ผู้ที่มีอายุระหว่าง 20-40 ปี ในวัยทำงาน อาจจำเป็นที่ร่างกายของบางคนต้องการวิตามิน อาหารเสริมมากขึ้น เพราะในวัยนี้ เป็นวัยที่ใช้พลังงานสูงมากในแต่ละวัน ทั้งจากการใช้สมอง ใช้ร่างกายในการทำงานอย่างหนัก อย่างน้อย 8 ชั่วโมงต่อวัน หรือในบางคนอาจใช้เวลาในการทำงานมากกว่านั้น
แน่นอนว่า การใช้งานเป็นเวลาติดต่อกันหลายชั่วโมงส่งผลให้เกิดความเหนื่อยล้า ทั้งร่างกายและสมอง หลายครั้งในบางวันที่เร่งรีบ คนกลุ่มนี้มักจะเลือกรับประทานอาหารที่หาซื้อง่าย โดยไม่ได้ใส่ใจในหลักโภชนาการเท่าที่ควร นั่นทำให้ร่างกายขาดสารอาหาร วิตามิน และแร่ธาตุที่จำเป็น และผลที่ตามมาไม่ใช่มีเพียงแค่ความเหนื่อยล้าจากการทำงานที่สะสม แต่ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายจะลดน้อยลง เจ็บป่วยได้ง่าย และเมื่อมีอาการเจ็บป่วยแล้ว ใช้เวลานานขึ้นกว่าจะหายเป็นปกติ วิตามินที่คนวัยนี้ควรได้รับ ได้แก่ วิตามินบีรวม วิตามินซี วิตามินดี โคเอนไซม์คิวเทน
– ผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป เป็นวัยที่ผ่านการทำงานมาอย่างยาวนาน แน่นอนว่าสภาพร่างกายเริ่มเสื่อมถอยไปตามวัย หากไม่ได้รับสารอาหารและการออกกำลังกายเป็นอย่างดี ดังนั้นคนวัยนี้ควรได้รับการดูแลที่เข้มข้นขึ้น และวิตามินที่เหมาะสมได้แก่ วิตามินดี แคลเซียม วิตามินบีรวม วิตามินซี โคเอนไซม์คิวเทน
วิตามินซี จะช่วยอาการเหนื่อยล้าของร่างกาย อีกทั้งยังช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายให้แข็งแรงขึ้น แม้ว่าในผักและผลไม้บางชนิดจะมีวิตามินซีที่เราสามารถหามารับประทานได้ง่ายแล้ว แต่ในคนบางกลุ่มที่ไม่รับประทานผักหรือผลไม้เท่าที่ควร วิตามินซีชนิดเม็ดจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง
วิตามินบี นอกจากจะช่วยในเรื่องความแข็งแรงของร่างกายแล้ว ยังช่วยในการฟื้นฟูสมองให้กลับมาพร้อมทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ แม้บางคนจะทำงานนั่งโต๊ะ ไม่ได้ออกแรง แต่สมองกลับถูกใช้งานอย่างต่อเนื่อง การรับวิตามินบีเพิ่มขึ้นจึงเป็นตัวเลือกที่สำคัญ นอกจากนี้ ยังควรนอนหลับให้เพียงพอเพื่อลดอาการเหนื่อยล้า เราควรนอนหลับอย่างน้อยวันละ 6-8 ชั่วโมงต่อวัน
โคเอนไซม์คิวเทน เป็นวิตามินที่สำคัญ และมีประโยชน์มากกว่าการบำรุงผิวพรรณ สาวๆ หลายคนอาจจะรับประทานวิตามินชนิดนี้เพื่อบำรุงผิวให้สวย ใส แต่วิตามินชนิดนี้มีประโยชน์ต่อระบบหัวใจ หลอดเลือด สมอง อีกทั้งยังช่วยชะลอความเสื่อมของร่างกาย เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายทำงานได้ดีขึ้น
วิตามินดี ช่วยลดอาการเจ็บปวดกล้ามเนื้อจากการทำงานอย่างหนัก เสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรงขึ้น นอกจากนี้ ยังช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกายอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม การที่จะทราบว่าร่างกายเราขาดวิตามิน แร่ธาตุอะไรนั้น จำเป็นที่จะต้องเจาะเลือดดูฮอร์โมน เพราะโดยปกติแล้วร่างกายจะไม่ได้แสดงอาการขาดวิตามินออกมาให้เห็น เพราะบางครั้งลักษณะอาการที่แสดงออกทั่วไปอาจเป็นอาการของภาวะหรือโรคที่กำลังเกิดขึ้น
และในบางรายก่อนเลือกรับประทานวิตามิน ควรขอคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพราะแต่ละคนร่างกายย่อมต้องการสารอาหารและวิตามินในปริมาณที่แตกต่างกัน.
