หลังประเดิมศักราชใหม่ด้วยการเปิดตัวคอนโดมิเนียมทั้ง High Rise และ Low Rise พร้อมกันถึง 5 โครงการไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา จนดันยอดขายไตรมาสแรกพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์กว่า 6,400 ล้านบาทไปแล้ว ล่าสุด ”โนเบิล” ยังคงเปิดเกมรุก เดินหน้าเปิดตัวโครงการอย่างต่อเนื่อง รับแนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่เริ่มกลับมาฟื้นตัว
ต้นปี 2565 บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOBLE ออกมาประกาศแผนในการขับเคลื่อนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของปีด้วยกลยุทธ์ขยายธุรกิจเชิงรุก เน้นกระจายทำเล และสร้างความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ทั้งโครงการแนวสูงและแนวราบ เพื่อให้ครอบคลุมความต้องการของผู้อยู่อาศัยรอบกรุงเทพฯ
สำหรับปีนี้โนเบิลมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ จำนวน 18 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 47,700 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบรวมถึงโครงการคอนโดมิเนียมแบบ Low Rise จำนวน 12 โครงการ มูลค่ารวม 18,800 ล้านบาท และโครงการแนวสูง (High Rise) จำนวน 6 โครงการ มูลค่ารวม 28,900 ล้านบาท วางเป้ายอดขาย (Pre-sale) ไว้ที่ระดับ 28,000 ล้านบาท และรายได้ที่ระดับ 11,000 ล้านบาท
นอกจากนั้น ยังมีแผนที่จะเพิ่มสัดส่วนโครงการแนวราบรวมถึงคอนโดมิเนียมแบบ Low Rise ในพอร์ตให้มากขึ้นกว่าเดิม เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงและกระจายสินค้าให้หลากหลาย โดยจะพัฒนาโครงการไปยังทุกทิศของกรุงเทพฯ เช่น ถนนเอกมัยรามอินทรา ทำเลโซนดอนเมือง ถนนศรีนครินทร์ ถนนกรุงเทพกรีฑา ถนนราษฎร์บูรณะ ถนนสุขสวัสดิ์ ถนนราชพฤกษ์ รวมถึงทำเลกลางใจเมือง อย่างถนนเพลินจิต เป็นต้น
โดยประเดิมเปิดตัวคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ “NUE” พร้อมกันถึง 5 โครงการในไตรมาสแรกของปี ด้วยการชูจุดเด่น 3 คอนโดฯ ติดห้าง 1 โครงการใจกลางอารีย์ และ 1 โครงการแลนด์มาร์กใจกลางดอนเมือง ประกอบด้วย 1. โครงการ นิว ดิสทริค อาร์9 (Nue District R9) 2. โครงการ นิว เมกา พลัส บางนา (Nue Mega Plus Bangna) 3. โครงการ นิว ซี-สแควร์ สวนหลวง สเตชั่น (Nue Z-Square Suan Luang Station) 4. โครงการ นิว อีโว อารีย์ (Nue Evo Ari) และ 5. โครงการ นิว คอนเน็กซ์ คอนโด ดอนเมือง (Nue Connex Condo Don Mueang) มีมูลค่าโครงการรวมกันกว่า 15,000 ล้านบาท และที่สำคัญหลังจากเปิดตัวไปไม่นาน พบว่ายอดขายเฉลี่ยของทุกโครงการสูงถึง 40%-50%
ธงชัย บุศราพันธ์ รองประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วมแห่งโนเบิล เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์เริ่มฟื้นตัวอย่างชัดเจน เห็นได้จากกำลังซื้อของผู้บริโภคที่เริ่มกลับเข้ามาแข็งแกร่งขึ้นหลังจากสถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลาย และในขณะเดียวกันก็ต้องยอมรับว่า ด้วยสถานการณ์ราคาวัสดุก่อสร้างที่มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น ทำให้ผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยต้องเร่งตัดสินใจเร็วขึ้น ซึ่งปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2565 เติบโตอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งสะท้อนได้จากยอดขาย (Pre-sale) ของโนเบิลในช่วงไตรมาสแรกของปี 2565 ที่สามารถสร้างนิวไฮของยอดขายได้ในระดับกว่า 6,400 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 150% เมื่อเทียบกับปีก่อน (Year on Year) และเติบโตสูงเกือบเท่ากับรายได้ของทั้งปี 2564 ที่ทำได้ 8,035 ล้านบาท
ไม่เพียงเท่านั้น โนเบิลเปิดเกมรุกต่อด้วยการเปิดตัวโครงการใหม่อย่างต่อเนื่องตามแผนที่วางไว้ ตั้งเป้าเปิดตัวอีก 5 โครงการในช่วงไตรมาส 2 ของปี เริ่มด้วยเปิดตัวโครงการบ้านลักชัวรีอย่าง “โนเบิล คิวเรท” (Noble Curate) บนทำเลเลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา อีกหนึ่งทำเลที่มีศักยภาพสูง
สำหรับโนเบิล คิวเรท ชูคอนเซ็ปต์บ้านแบบ Curate Your Creation โดยเจ้าของบ้านทุกหลังจะได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการออกแบบบ้านร่วมกับสถาปนิกระดับแนวหน้าของประเทศไทย ทั้ง 6 คน ได้แก่ ชนะ สัมพลัง, ดวงฤทธิ์ บุนนาค, บุญเลิศ เหมวิจิตรพันธ์, หม่อมหลวงวรุตม์ วรวรรณ, อยุทธ์ มหาโสม และธาวิน หาญบุญเศรษฐ พร้อมบริการ Noble Bespoke Service ที่จะคอยเป็นที่ปรึกษา ดูแลและประสานงานตั้งแต่แบบร่างจนบ้านเสร็จสมบูรณ์ ซึ่งเป็นบริการพิเศษครั้งแรกของโนเบิล
ตัวโครงการตั้งอยู่บนที่ดินรวมกว่า 9.3 ไร่ ติดถนนประดิษฐ์มนูญธรรม ห่างจากคริสตัล พาร์ค เอกมัย-รามอินทรา เพียง 300 เมตร และมีเพียง 15 หลัง ขนาดตั้งแต่ 161-247 ตารางวา ราคาเริ่มต้นที่ 80 ล้านบาท
ตามมาด้วยการเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้าราคาเบาๆ อย่าง “นิว ครอส คูคต สเตชั่น” (Nue Cross Khu Khot Station) อีกหนึ่งโครงการในแบรนด์ NUE ที่เจาะเซกเมนต์ทำเลศักยภาพตามแนวรถไฟฟ้าเส้นหลักและส่วนต่อขยายทั่วกรุงเทพฯ
“นิว ครอส คูคต สเตชั่น” มาด้วยจุดขายของการเป็นคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้า BTS สถานีคูคต ที่เดินทางสะดวกต่อเดียวถึงสถานีสยาม ด้วยดีไซน์คอนโดฯ หน้ากว้าง ในราคาเริ่มต้นเพียง 1 ล้านบาท
ซึ่งโนเบิลมีแผนพัฒนาโครงการภายใต้การร่วมทุนกับบริษัท ยู ซิตี้ จำกัด (มหาชน) บนที่ดินขนาดกว่า 51 ไร่ ติดรถไฟฟ้าสถานีคูคต โดยโครงการดังกล่าวจะถูกพัฒนาภายใต้คอนเซ็ปต์ “TOD” (Transit Oriented Development) หรือการบริหารจัดการพื้นที่รอบสถานีขนส่งสาธารณะ ด้วยทำเลคูคตเป็นจุดเชื่อมต่อสำคัญของโซนกรุงเทพฯ ตอนบน ด้วยรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่เดินทางสะดวกต่อเดียวถึงใจกลางเมือง และยังเชื่อมต่อได้หลายเส้นทาง ทั้งถนนพหลโยธิน ถนนสุขาภิบาล และถนนวิภาวดีรังสิต อีกทั้งยังใกล้สนามบินดอนเมืองอีกด้วย จึงนำร่องด้วยโครงการ “นิว ครอส คูคต สเตชั่น” เป็นโครงการแรก
นอกจากนี้ โนเบิลยังวางแผนเตรียมที่ดินขนาดกว่า 3.5 ไร่ ติดสถานีรถไฟฟ้า พร้อมดึงพันธมิตรร่วมลงทุนพัฒนาไลฟ์สไตล์ มอลล์ มาเสริมความแข็งแกร่งให้กับย่านคูคต เพื่อเป็นจุดศูนย์กลางของการอยู่อาศัยแห่งใหม่ อีกทั้งยังมองว่าดีมานด์ของที่อยู่อาศัยในย่านคูคตจะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ล่าสุดโนเบิลไม่ทิ้งช่วงนาน เดินหน้าเปิดตัว “โนเบิล ครีเอท” (Noble Create) คอนโดมิเนียมแนวสูงใจกลางถนนเลียบด่วนเอกมัย-รามอินทรา อีกหนึ่งโครงการตามมาติดๆ
โครงการโนเบิล ครีเอท เป็นคอนโดมิเนียมแนวสูง 6 อาคาร รวม 1,250 ยูนิต ตั้งอยู่บนที่ดินขนาด 12 ไร่ มีรูปแบบห้องพักอาศัยให้เลือก 4 แบบ รวมถึงห้อง combine ที่ออกแบบมาเฉพาะ ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 1.99 ล้านบาท เริ่มต้นที่ตารางเมตรละ 110,000 บาท ตัวโครงการตั้งอยู่ติดถนนใหญ่และอยู่ห่างจากคริสตัล พาร์ค เพียง 300 เมตร โดยมีกำหนดแล้วเสร็จในช่วงไตรมาส 2 ของปี 2568
สำหรับถนนเลียบด่วนเอกมัย-รามอินทรา ถือเป็นหนึ่งในทำเลศักยภาพ และมีที่อยู่อาศัยระดับลักชัวรีอันดับต้นๆ ของกรุงเทพฯ เนื่องจากมีการวางผังเมืองและสาธารณูปโภคที่เป็นต้นแบบของถนนยุคใหม่ อีกทั้งยังเชื่อมต่อกับถนนหลักได้หลายสาย ทั้ง สุขุมวิท, พระราม 9, ลาดพร้าว, เกษตร-นวมินทร์ และจุดขึ้นลงทางด่วน
โนเบิล ครีเอท เลือกที่จะปักหมุดในย่าน Mid Prime หรือกึ่งกลางของถนนเลียบด่วนเอกมัย-รามอินทรา ซึ่งเป็นจุดที่ดีที่สุดบนถนนเลียบด่วนเอกมัย-รามอินทรา เพราะเป็นจุดตัดของถนนหลายสาย อยู่ใกล้สิ่งอำนวยความสะดวก ห้างสรรพสินค้า โรงเรียนนานาชาติ และยังอยู่ในแนวรถไฟฟ้าสายสีเทา ที่มีกำหนดก่อสร้างในปี 2565 นี้ โดยตัวโครงการจะอยู่ใกล้กับสถานีโยธินพัฒนาในอนาคต
ซึ่งจากปัจจัยข้างต้นส่งผลให้ราคาที่ดินในย่านนี้มีการเติบโตเฉลี่ยกว่า 30% ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา และเมื่อรถไฟฟ้าสายสีเทาเปิดให้บริการเต็มรูปแบบ จะส่งผลให้ราคาที่ดินเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนั่นย่อมเป็นโอกาสทั้งสำหรับลูกค้ากลุ่มเรียลดีมานด์และกลุ่มที่ซื้อเพื่อการลงทุน
ศิระ อุดล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานพัฒนาธุรกิจของโนเบิล เปิดเผยว่า โครงการ โนเบิล ครีเอท ถือเป็นคอนโดมิเนียม High Rise แห่งแรกและแห่งเดียวบนถนนเลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา มูลค่าโครงการกว่า 4,800 ล้านบาท ไฮไลท์ของโครงการอยู่ที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่ถึง 2,500 ตร.ม. และพื้นที่สีเขียวขนาด 5 ไร่ ในคอนเซ็ปต์ Forest Habitat ที่มีสวนสาธารณะขนาดใหญ่ใจกลางโครงการที่ถูกล้อมด้วยคอนโดมิเนียมทั้ง 6 อาคาร โดยมี Central Park แห่งมหานครนิวยอร์ก เป็นแรงบันดาลใจในการก่อสร้าง
อีกหนึ่งไฮไลท์คือเป็นโครงการคอนโดมิเนียมแบบ Pet Friendly โดยจะมีอาคารพร้อมส่วนกลางที่รองรับการเลี้ยงสัตว์โดยเฉพาะ จำนวน 1 อาคาร ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้ารุ่นใหม่ที่นิยมเลี้ยงสัตว์แทนการมีลูก ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งจุดขายที่แบรนด์คอนโดมิเนียมหลากหลายแบรนด์เริ่มหันมาจับ ไม่ว่าจะเป็นชีวาทัย, คอนโดฯ จากค่ายเมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ทั้ง เอ็ม จตุจักร/เมทริส ลาดพร้าว/มาเอสโตร 19 รัชดา19-วิภา และ The Origin Plug & Play Ramintra เป็นต้น
โดยศิระมั่นใจว่า โนเบิล ครีเอท จะได้รับการตอบรับที่ดีไม่แพ้โครงการที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ และในช่วงครึ่งปีหลังโนเบิลยังมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่เพิ่มอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ครบทั้ง 18 โครงการ และบรรลุตามเป้ารายได้ที่วางไว้
ในขณะที่ผลสำรวจจาก “ดีดีพร็อพเพอร์ตี้” พบว่า ดีมานด์ของตลาดอสังหาฯ ในรอบ 4 เดือนแรกของปีกำลังค่อยๆ ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง และตลาดคอนโดฯ กำลังจะพ้นจุดต่ำสุดและจะเริ่มกลับมาฟื้นตัว โดยมีแนวโน้มที่ราคาจะปรับขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง เนื่องจากดีมานด์ที่กลับมาเพิ่มขึ้น รวมถึงต้นทุนวัสดุก่อสร้างและพลังงานที่จะเป็นตัวบีบให้ผู้ประกอบการจำเป็นต้องขึ้นราคา ซึ่งดีดีพร็อพเพอร์ตี้มองว่าผู้ที่ต้องการซื้อคอนโดฯ อาจจะเร่งตัดสินใจภายในไตรมาส 2 ของปีนี้ ก่อนที่ราคาจะทยอยปรับขึ้น.