วันเสาร์, พฤศจิกายน 23, 2024
Home > Cover Story > เมเจอร์ฯ รัวแคมเปญถี่ยิบ หนังไทย-เทศ 150 เรื่องบุกโรง

เมเจอร์ฯ รัวแคมเปญถี่ยิบ หนังไทย-เทศ 150 เรื่องบุกโรง

เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป เร่งเดินหน้าผนึกกำลังกับหลากหลายพันธมิตร ทุ่มงบรัวกลยุทธ์การตลาดทุกรูปแบบ หวังเพิ่มแรงดึงดูดและขยายฐานกลุ่มเป้าหมาย เพื่อพลิกฟื้นรายได้ขนานใหญ่ หลังเจอพิษโควิดมานานเกือบ 2 ปี โดยเฉพาะแผนกระตุ้นบรรยากาศให้ผู้คนออกจากบ้านมาหาความบันเทิงมากขึ้น

ขณะเดียวกัน หลายฝ่ายในวงการโรงภาพยนตร์ต่างฟันธงว่า ธุรกิจโรงหนังผ่านจุดต่ำสุดมาแล้วและจะฟื้นตัวชัดเจนตั้งแต่ไตรมาส 2 ปี 2565 ซึ่งเป็นช่วงซัมเมอร์และถือเป็นไฮซีซันของธุรกิจ จะมีภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์จากฮอลลีวูดจ่อคิวเข้าฉายจำนวนมากและต่อเนื่องตลอดทั้งปี

เช่น Jurassic World : Dominion, Transformers : Rise of the Beasts, Doctor Strange in the Multiverse of Madness, Top Gun 2 : Maverick, John Wick : Chapter 4, Black Panther : Wakanda Forever, Thor : Love and Thunder, Aquaman and the Lost Kingdom, Black Adam, The Flash : Flashpoint

แม้ปัจจุบันยังมีเงื่อนไขจำกัดจำนวนผู้เข้าชม 75% ของที่นั่ง แต่โรงภาพยนตร์จะพยายามเพิ่มรอบฉายให้กลับสู่ระดับปกติที่ 6-7 รอบต่อวัน จากเฉลี่ยเพียง 4 รอบ ซึ่งการที่ภาพยนตร์ใหญ่เข้าฉายจะส่งผลดีต่อรายได้ที่เกี่ยวเนื่อง ทั้งอาหาร เครื่องดื่มและสื่อโฆษณา

ส่วนช่วงไตรมาสแรกอย่างเดือนมกราคม 2565 ยังไม่มีภาพยนตร์ใหญ่เข้าฉาย แต่เป็นภาพยนตร์จากไตรมาส 4 ปี 2564 ต่อเนื่องมา เช่น Spider-Man : No Way Home, 4 Kings อาชีวะยุค 90, ส้มปลาน้อย และ Scream หวีดสุดขีด

ขณะที่เดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม จะเริ่มมีภาพยนตร์ใหญ่เข้าฉายบ้าง เช่น Uncharted : ผจญภัยล่าขุมทรัพย์สุดขอบโลก และ Morbius : มอร์เบียส จากค่ายโซนี่ พิคเจอร์ส Death on the Nile : ฆาตกรรมบนลำน้ำไนล์ จากค่ายวอลต์ดิสนีย์ The Batman : เดอะ แบทแมน จากค่ายวอร์เนอร์บราเธอส์ และภาพยนตร์ไทยพี่นาคภาค 3 ที่ใน 2 ภาคแรกทำรายได้ เกิน 100 ล้านบาท รวมถึงภาพยนตร์เรื่อง วันสุดท้าย…ก่อนบายเธอ ของค่ายจีดีเอช

ดังนั้น หากมองช่วงจังหวะเวลาที่หนังใหญ่เตรียมเข้าฉายจำนวนมากในไตรมาส 2 ซึ่งคาดการณ์กันว่า การแพร่ระบาดโควิดโอมิครอนน่าจะคลี่คลายแล้ว ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศได้รับวัคซีนบูสเตอร์เข็ม 3 ในสัดส่วนสูง และรัฐบาลต้องการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ เพื่อเดินหน้ากิจกรรมทางเศรษฐกิจ กระตุ้นการจับจ่าย ให้ผู้คนออกมาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับโควิดอย่างไม่ประมาท ซึ่งเปิดโอกาสให้ทุกธุรกิจกลับมาสร้างรายได้ชัดเจน

นรุตม์ เจียรสนอง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาด บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) กล่าวกับ “ผู้จัดการ360” ว่า ธุรกิจโรงภาพยนตร์มีแนวโน้มจะกลับมาเติบโตเหมือนเดิมแล้ว โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลัก 3 ข้อ คือ 1. Content ของภาพยนตร์ Hollywood ทั้ง 100% จะเข้าโรงหนังเป็น “First Window” ก่อนเข้า Streaming อย่างน้อย 45 วัน เปิดโอกาสให้โรงหนังสามารถทำรายได้ในบรรยากาศที่โควิดคลี่คลายแล้ว

2. การชมภาพยนตร์ถือเป็น “Cheap Entertainment” ที่สามารถซื้อได้ ซึ่งโรงภาพยนตร์เมเจอร์จัดโปรโมชั่นที่หลากหลาย อย่างเช่น โปรโมชั่น Movie Day วันพุธมาดูหนังสุดคุ้มราคาพิเศษที่ทำให้ลูกค้าสามารถ Enjoy กับการดูหนังได้ในราคาเข้าถึงง่ายยิ่งขึ้น

3. คนจะมาดูหนัง เพราะ “หนังดี” ซึ่งปี 2565 มีหนังฮอลลีวูดฟอร์มยักษ์เกือบๆ 100 เรื่อง และในกลุ่มหนังไทยในเครือเมเจอร์ฯ มีประมาณ 20 เรื่อง เครืออื่นๆ อีกประมาณ 30 เรื่อง รวมแล้วมากกว่า 50 เรื่อง เมื่อหนังดี น่าสนใจ คนจะออกมาดู ซึ่งเมเจอร์ฯ เตรียมกระตุ้นบรรยากาศเต็มที่ด้วยระบบ Member ในรูปแบบบัตร M Gen และ M Pass

ทั้งนี้ บัตร M Gen เน้นให้ลูกค้าสะสมแต้ม เพื่อแลกสิทธิประโยชน์จากการดูหนังบ่อยๆ ซึ่งปัจจุบันมียอดสมาชิก 3 ล้านใบ ส่วน M Pass ให้สิทธิลูกค้าสามารถดูหนังได้แบบไม่อั้น โดยคิดค่ารายเดือน 200 บาท ทำให้เกิด Movie culture กระตุ้นกลุ่มเป้าหมายอยากออกมาดูหนังตลอดเวลา ซึ่งล่าสุดมียอดผู้ถือบัตรกว่า 2 แสนใบ และบัตรสมาชิกทั้งสองตัวมีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้นอีก

ที่สำคัญ เมเจอร์ฯ กำลังเร่งขยายเครือข่ายพันธมิตรต่อเนื่อง ทั้งกลุ่มค้าปลีก กลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม กลุ่มสื่อสาร กลุ่มธุรกิจประกันชีวิต เพื่อร่วมทำกิจกรรมการตลาดแนวใหม่ๆ ซึ่งไม่ใช่แค่การสร้างเสน่ห์ดึงดูดกลุ่มลูกค้า แต่ยังเป็นกลยุทธ์แลกเปลี่ยนและขยายฐานกลุ่มลูกค้าแบบ “วิน-วิน”

อย่างช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ในเดือนกุมภาพันธ์ เมเจอร์ฯ จับมือบริษัท เอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด จัดแคมเปญ ดูหนังฟิน อินเลิฟ หารักที่ใช่จากหนังรักเข้าใหม่ เมื่อลูกค้าจับจ่ายสินค้าในห้างโลตัสครบ 888 บาท รับทันทีตั๋วหนัง 2 ใบต่อ 1 สิทธิ์ มูลค่า 400 บาท จำนวน 15,000 สิทธิ์ นำไปชมภาพยนตร์ฟรีที่ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ และ อีจีวี สาขาที่อยู่ในโลตัส จำนวนมากถึง 53 สาขาทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 10-28 กุมภาพันธ์ 2565

ในกลุ่มธุรกิจประกันชีวิตมีบริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ในฐานะพันธมิตรเก่าแก่ยาวนาน ซึ่งล่าสุดงัดบริการเอ็กซ์คลูซีฟให้สมาชิกเมืองไทยสไมล์คลับ ใช้คะแนนสะสม Smile Point แลกรับ ป๊อปคอร์น ป๊อปสตาร์ ไมโครเวฟ หรือป๊อปสตาร์ สแน็ค ซึ่งถือเป็นสินค้าซิกเนเจอร์ของค่ายหนัง พร้อมบริการส่งถึงบ้านสมาชิก

สำหรับค่ายมือถือ “ดีแทค” ให้สิทธิพิเศษลูกค้าดีแทค รีวอร์ด สมัครแพ็คเกจบัตร M PASS รับส่วนลดค่าบริการรายเดือน เดือนแรก 50% โดยบัตร M Pass Student แพ็กเกจนักเรียน-นักศึกษา ลูกค้าดีแทค รีวอร์ด จ่ายค่าบริการรายเดือน เดือนแรก 100 บาท จากปกติเดือนละ 200 บาท บัตร M Pass Regular แพ็กเกจบุคคลทั่วไป จ่ายค่าบริการรายเดือนเดือนแรก 150 บาท จากปกติเดือนละ 300 บาท

แต่โปรเจกต์ที่ต้องพูดถึงและกลายเป็นเอกลักษณ์ของเมเจอร์ฯ คือการจัดโรงภาพยนตร์กลางแจ้ง ซึ่งล่าสุดเปิดเป็นโปรเจกต์ที่ 3 ตั้งแต่ประเดิมครั้งแรกช่วงต้นปี 2564 รูปแบบ Outdoor Cinema เปลี่ยนลานกลางแจ้งของเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ รัชโยธิน เป็นลานดูหนังผ่านการฉายภาพยนตร์บนจอ LED ขนาดยักษ์ ความคมชัดระดับ 4K

ต่อมา เนรมิต ลานริเวอร์ พาร์ค ไอคอนสยาม เป็นโรงภาพยนตร์กลางแจ้งให้ลูกค้าชมภาพยนตร์ริมแม่น้ำเจ้าพระยาผ่านเครื่องฉาย Laser ความคมชัดระดับ 4K มาตรฐานเดียวกับโรงภาพยนตร์

ปี 2565 ล่าสุด เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป ดึงบริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มแบรนด์ “บอส คอฟฟี่” และศูนย์การค้าสยามพารากอน จัดงาน “Cinema In The City : The City Backyard” ภายใต้คอนเซ็ปต์ Japanese Minimal ณ ลานพาร์ค พารากอน สยามพารากอน เมื่อวันที่ 4-6 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ปรากฏว่ามีลูกค้ารอคิวเข้าชมจำนวนมากและคาดว่า หลังจากนี้บริษัทจะต้องจัดเป็นประจำต่อเนื่องทุกปี

อย่างไรก็ตาม นรุตม์กล่าวว่า นอกเหนือจากกลยุทธ์ต่างๆ แล้ว เมเจอร์ฯ ยังต้องยึดหลักมาตรฐานสาธารณสุขตาม 5 แผนแม่บท สะอาด มั่นใจ ปลอดภัยทุกจุด เพื่อสร้างความมั่นใจให้ลูกค้า ทั้งการรับประกันพนักงานทุกคนได้รับวัคซีน 100% การคัดกรองลูกค้า จัดที่นั่งเว้นระยะห่าง การฆ่าเชื้อโรคด้วยเครื่อง UVC และอบโอโซนในโรงภาพยนตร์ทั้งก่อนและหลังให้บริการ

ยิ่งไปกว่านั้น คือเป้าหมายการเป็นโรงภาพยนตร์ไร้เงินสดเต็มรูปแบบ 100% (Cashless Cinema) ทุกสาขา ทั้งการให้บริการซื้อและรับชำระค่าตั๋วแบบไร้เงินสด จองผ่านตู้จำหน่ายอัตโนมัติ ชำระเงินผ่านแบงก์ นำระบบ Smart Ticket ตรวจตั๋วก่อนเข้าชมผ่านแอปพลิเคชัน โดยไม่ใช้พนักงาน เพื่อลดการสัมผัสระหว่างบุคคลอย่างแท้จริง เพราะทั้งหมดถือเป็นตัวชี้ขาดสำคัญที่สุดในสมรภูมิแห่งนี้.

ใส่ความเห็น