สินค้าแพงกลายเป็นปัญหาใหญ่ฉุดกำลังซื้อจากพิษโรคระบาดในหมู กระทบชิ่งข้าวของแห่ขึ้นราคาเกือบทุกชนิด ทั้งเนื้อไก่ เนื้อเป็ด ไข่ ปลาสด ผักผลไม้ สินค้าอุปโภคบริโภค แต่ในอีกแง่หนึ่ง บรรดาห้างยักษ์ใหญ่กำลังพลิกวิกฤตเป็นโอกาสเปิดสงครามราคาดึงดูดประชาชน โดยมีโครงการ “ช้อปดีมีคืน” ช่วยกระตุ้นอีกทางหนึ่ง เพื่อเร่งยอดขายไตรมาสแรกและช่วงเทศกาลตรุษจีน
อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายยังกังวลปัญหาหมูแพงอาจลุกลามรุนแรงขึ้น โดยล่าสุด พรรคเพื่อไทย (พท.) ออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 12 มกราคม ระบุกรณีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (ASF) และปัญหาราคาสุกรแพงมาจากรัฐบาลไม่ชี้แจงต้นเหตุแท้จริง เพราะการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส ASF น่าจะเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2563 จนสร้างความเสียหายและยังโยงใยถึงเบื้องหลังการปกป้องผลประโยชน์ด้านการส่งออกของผู้เลี้ยงสุกรรายใหญ่
พรรคเพื่อไทยจึงยืนยันจะนำปัญหาไปอภิปรายในสภาผู้แทนราษฎรและรวบรวมข้อเท็จจริงร้องคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ไต่สวนข้อเท็จจริง และดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด
แต่ในเบื้องต้นนั้น ปัญหาสินค้าที่แพงพุ่งพรวดในรอบหลายปีที่ผ่านมากำลังถล่มซ้ำวิกฤตรายได้ของประชาชน โดยเฉพาะอัตราค่าแรงขั้นต่ำและต้องเสี่ยงกับการเลิกจ้างอีกหลายรอบ หากเศรษฐกิจไทยไม่ได้ฟื้นตัวอย่างแท้จริง
ล่าสุด สมาคมผู้ค้าปลีกไทยหยิบยกผลสำรวจความเชื่อมั่นผู้ประกอบการค้าปลีกช่วงเดือนธันวาคม 2564 เพิ่มขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากการจับจ่ายปลายปีถึงปีใหม่ไม่คึกคัก มียอดซื้อต่อบิลเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เจอสถานการณ์ราคาสินค้าแพงขึ้น และการแพร่ของโอมิครอนเริ่มรุนแรงขึ้น ส่งผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ค้าปลีกเดือนธันวาคม อยู่ที่ 68.4 เพิ่มเพียง 6 จุด จากเดือนพฤศจิกายนอยู่ที่ 62.1 สะท้อนถึงอารมณ์การจับจ่ายช่วงเทศกาลปีใหม่ไม่คึกคัก
ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ค้าปลีกในอีก 3 เดือนข้างหน้าลดลง 4 จุด จาก 69.7 มาอยู่ที่ 65.1 สะท้อนว่ากังวลต่อการแพร่ระบาดโอมิครอนกระจายทั่วประเทศ
ผู้ค้าปลีกส่วนใหญ่ต่างวางแผนรองรับในกรณีการแพร่ระบาดโอมิครอนรุนแรงขึ้น ได้แก่ การขายสินค้าผ่านออนไลน์เพิ่มขึ้น ลดค่าใช้จ่าย และลดการจ้างงาน
นายฉัตรชัย ตวงรัตนพันธ์ รองประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย กล่าวว่า สมาคมฯ ยื่นข้อเสนอให้ภาครัฐเร่งยกระดับความพร้อมของระบบสาธารณสุข เช่น เร่งกระจายฉีดวัคซีน เสริมชุดตรวจ ATK เตรียมยารักษา และสำรองเตียงผู้ป่วยหนัก เตรียมมาตรการเชิงรุกสำหรับพื้นที่ที่มีความเสี่ยง ควรปิดเฉพาะพื้นที่ที่เป็นคลัสเตอร์เท่านั้น ลดค่าน้ำ ค่าไฟ ลดเงินสมทบประกันสังคม ภาษีป้าย รวมถึงดอกเบี้ยเงินกู้ ดอกเบี้ยบัตรเครดิต ดอกเบี้ยเงินกู้ที่ไม่มีการค้ำประกัน และลดค่าใช้จ่ายของผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับโควิดทางตรงและทางอ้อม
ขณะเดียวกันรัฐควรเร่งผลักดันโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่ออัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะช้อปดีมีคืน ควรทำเพิ่มมากกว่า 1 ครั้งต่อปี เพื่อสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบกว่าแสนล้านบาทตลอดปี และหากนับเฉพาะโครงการช้อปดีมีคืนที่รัฐเปิดรอบ 2 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-15 กุมภาพันธ์ คาดว่าจะสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจมากกว่า 40,000 ล้านบาท
สงครามราคาที่รุนแรงเกิดขึ้นทันที เพื่อช่วงชิงเม็ดเงินยอดขายให้ได้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มบิ๊กซีประกาศจัดแคมเปญ “จับมือแบรนด์ดัง โปรปังข้ามปี” จนถึงวันที่ 26 มกราคม โดยดึงแบรนด์สินค้าชั้นนำเข้าร่วม 42 แบรนด์ เช่น MamyPoko BabyLove โฟร์โมสต์ ดัชมิลล์ บรีส Zilk Magiclean แบรนด์สินค้าในเครือ NEO Besico และ OLAY รวมถึงจัดดีลพิเศษ 42 วัน 42 แบรนด์ ทั้งกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม เครื่องใช้ไฟฟ้า สินค้าสำหรับผู้สูงอายุ สินค้าแม่และเด็ก ของใช้ในบ้านและในครัวเรือน สินค้าเพื่อสุขภาพและความงาม
นอกจากนั้น หากสั่งผ่านบริการบิ๊กซีออนไลน์ ทั้ง www.bigc.co.th หรือแอป Big C ระหว่างวันที่ 10-31 มกราคม และเลือกบริการจัดส่งสินค้าถึงบ้าน รับคูปองส่วนลดมูลค่ารวม 2,565 บาท โดยสามารถขอใบกำกับภาษี เพื่อใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 30,000 บาท ตามเงื่อนไขโครงการช้อปดีมีคืน
ด้านท็อปส์ซูเปอร์มาร์เก็ตเริ่มโหมโรงจัด “ตรุษจีนรับโชค คุ้ม 3 ต่อ” เริ่มจากคุ้มที่ 1 ซื้อสินค้าครบทุก 600 บาท รับสิทธิ์เปิด ????? ???-??? ลุ้นคูปองส่วนลดสูงสุด 200 บาท คุ้มที่ 2 รับฟรีคูปองส่วนลด มูลค่ารวม 2,022 บาท เมื่อซื้อสินค้าครบ 888 บาท และคุ้มที่ 3 สำหรับสมาชิกบัตรเครดิต เซ็นทรัล เดอะวัน รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 4% เมื่อชำระยอดทุก 1,000 บาทต่อใบเสร็จ และรับเครดิตเงินคืนพิเศษ 600 บาท เมื่อสะสมยอดครบ 18,000 บาทขึ้นไป เริ่มตั้งแต่วันที่ 12 มกราคม-1 กุมภาพันธ์
กลุ่มเซ็นทรัลยังงัดกลยุทธ์ EU Food Truck ส่งซูเปอร์มาร์เก็ตเคลื่อนที่หมุนเวียนตามสถานที่ต่างๆ เจาะตลาดคอนโดมิเนียม ซึ่งเป็นกลุ่มกำลังซื้อสูง เช่น ช่วงวันที่ 12-18 มกราคม ประจำจุดคอนโดมิเนียม Aspire สาทร-ราชพฤกษ์ และ นันทวัน ศรีนครินทร์
สำหรับยักษ์ใหญ่ “โลตัส” จัดรายการ “โปรเปิดปี ดีลสุดปัง” มีการลดราคาสินค้าและแจกคูปองส่วนลดท้ายใบเสร็จ 20 บาท เมื่อซื้อสินค้าครบ 150 บาท ตั้งแต่วันที่ 13-19 มกราคม ส่วนช่วงเทศกาลตรุษจีน เมื่อลูกค้าสั่งซื้อของไหว้มงคลครบ 888 บาท รับส่วนลด 100 บาท
สมพงษ์ รุ่งนิรัติศัย ประธานคณะผู้บริหารธุรกิจโลตัส ประเทศไทย กล่าวว่า โลตัสเตรียมความพร้อมให้มีสินค้าจำหน่ายเพียงพอต่อความต้องการ โดยเฉพาะสินค้าจำเป็น เช่น ข้าวสาร อาหารแห้ง อาหารสด และเตรียมความพร้อมรองรับความต้องการสั่งสินค้าออนไลน์ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งปี 2022 โลตัสจะมุ่งเน้น O2O รองรับวิถีชีวิตใหม่และการจับจ่ายที่มีได้ตลอดเวลา โดยการเชื่อมต่อช่องทางออฟไลน์ คือ สาขาทุกรูปแบบและช่องทางออนไลน์ ใช้สาขากว่า 2,100 แห่งทั่วประเทศจัดส่งสินค้าแบบส่งภายในวันเดียวกัน หรือวันรุ่งขึ้น หรือลูกค้ามารับเองที่สาขาก็ได้
ดังนั้น ทุกห้างต่างคาดหวังเทศกาลตรุษจีน แม้ลึกๆ แล้วกลุ่มผู้ค้าส่งค้าปลีกต่างประมาณการแนวโน้มหดตัว ทั้งในแง่การจับจ่ายซื้อสินค้าเซ่นไหว้ การท่องเที่ยวในวันเที่ยว และ “เงินอั่งเปา” อาจลดลงจากปีก่อนมากกว่าครึ่งหนึ่ง ซึ่งล้วนสะท้อนความสามารถในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องของชาวบ้านและที่สำคัญ แนวโน้มปี 2565 จะหนักหนาสาหัสกว่าปีที่ผ่านมาด้วย