“อยากไปนั่งชิลล์ริมทะเล”
“อยากไปเดินป่า”
“คิดถึงภูเขา”
“เปิดประเทศเมื่อไหร่จะไปญี่ปุ่น” (และนานาประเทศ)
รวมถึงการโพสต์ภาพท่องเที่ยวแล้วตบท้ายด้วยคำว่า “เที่ยวทิพย์”
และอีกหลากหลายประโยคบนโซเชียลมีเดียที่บ่งบอกถึงการโหยหาการท่องเที่ยว ในยุคที่โควิด-19 ทำให้การเดินทางท่องเที่ยวไม่สามารถทำได้ดั่งใจหวัง
เป็นเวลากว่า 2 ปี ที่เราต้องเผชิญกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เป็นภัยพิบัติของทั้งโลก การเดินทางไปมาหาสู่ระหว่างกันถูกระงับเพื่อป้องกันการแพร่ระบาด ไม่ต้องพูดถึงการเดินทางท่องเที่ยว แม้แต่การเดินทางกลับไปเยี่ยมบ้านที่ต่างจังหวัดยังเป็นไปได้ยาก
หลายคนต้องกักตัวอยู่ในบ้าน ลดการเดินทาง กิจกรรมที่เคยทำไม่สามารถทำได้ บางคน work from home มาหลายระลอกตั้งแต่การระบาดรอบแรกเมื่อปีที่แล้ว ไม่ได้ออกไปไหนไกล ไม่ได้ไปเที่ยว ต้องอยู่แต่ในบ้าน และยิ่งแล้วใหญ่เมื่อผนวกกับไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ที่นิยมอยู่คอนโดมิเนียม กลายเป็นโดนจำกัดให้อยู่ในห้องสี่เหลี่ยมไปเสียอย่างนั้น ทำให้หลายคนเกิดความรู้สึกเครียด กังวล เบื่อหน่าย และไร้พลัง จนโหยหาการเดินทางท่องเที่ยวเพื่อมาเยียวยาหัวใจและคลายความเครียด
การท่องเที่ยวเป็นกิจกรรมที่สร้างความเพลิดเพลิน ผ่อนคลาย เพิ่มความสุข และช่วยให้เราสามารถหลีกหนีจากความเครียดในชีวิตได้ แต่ไม่เพียงเท่านั้น ในทางจิตวิทยาการท่องเที่ยวยังช่วยเสริมประสิทธิภาพการทำงานของสมอง ช่วยพัฒนากระบวนการคิด ส่งผลดีต่อทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจ
การท่องเที่ยวส่งผลดีต่อหัวใจ
การท่องเที่ยวไม่ว่าจะเป็นเที่ยวชมเมืองหรือชมวิวธรรมชาติ ทำให้เราได้เดิน ได้ทำกิจกรรมอื่นๆ ที่ต้องออกแรง เป็นการได้ออกกำลังกายไปในตัว ซึ่งส่งผลดีต่อสุขภาพของหัวใจและสุขภาพโดยรวม
เพิ่มสารแห่งความสุขและเติมเต็มรอยยิ้มให้กับชีวิต
เพราะการท่องเที่ยวคือความสนุก ยามที่เราได้ออกไปเที่ยว เพลิดเพลินกับการทำกิจกรรมใหม่ๆ พบเจอวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม แม้กระทั่งได้กินอาหารอร่อยๆ ร่างกายจะหลั่งสารเอ็นโดรฟิน หรือสารแห่งความสุขออกมา ทำให้เราผ่อนคลายสบายใจ และแน่นอนว่ารอยยิ้มย่อมเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน และยิ่งยิ้มมากเท่าไรชีวิตก็สดใสมากขึ้นเท่านั้น
ช่วยเพิ่มประสิทธิผลการทำงาน
ความเหนื่อยล้าจากการทำงานเป็นสิ่งที่ประสบพบเจอได้เป็นประจำ ไม่เว้นแม้แต่การ work from home ที่ดูเหมือนจะสบาย แต่กลับไม่เป็นอย่างคาด เพราะบางคนแทบจะต้องทำงานตลอดเวลา ทำให้เกิดความเหนื่อยล้าเป็นธรรมดา การท่องเที่ยวทำให้สมองเราได้พักชั่วคราว คลายจากความเหนื่อยล้า ช่วยฟื้นฟูสมองให้กลับเข้าสู่สภาวะพร้อมทำงานตามเดิมได้อีกครั้ง
กระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ สติปัญญา และการแก้ปัญหา
การท่องเที่ยวถือเป็นยาขนานเอก เพราะการได้พบเจอประสบการณ์และสิ่งแวดล้อมใหม่ๆ ช่วยลับสมองให้ความคิดและสติปัญญาเฉียบแหลมอยู่เสมอ
การเดินทางไปยังสถานที่แปลกใหม่ ไม่คุ้นเคย ออกจาก comfort zone และความเคยชินเดิมๆ ทำให้เราต้องวางแผนทั้งการเดินทาง กิจกรรมที่ทำ ได้ปรับตัวให้เข้ากับบรรยากาศ สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรมความเป็นอยู่ใหม่ๆ ทำให้ตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา นั่นทำให้สมองของเราเกิดการเปลี่ยนแปลงการเชื่อมโยงของเส้นประสาท มีการเชื่อมโยงข้อมูลใหม่ๆ ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการกระตุ้นให้เกิดความคิดสร้างสรรค์และช่วยลับสมองของเราได้เป็นอย่างดี ทั้งยังช่วยฝึกการวางแผน แก้ไขปัญหา และระมัดระวังมากขึ้นไปพร้อมๆ กัน
พัฒนาความสัมพันธ์กับบุคคลรอบข้างได้ดีมากขึ้น
การได้พบปะกับผู้คนที่มีสังคม วิถีชีวิตความเป็นอยู่ วัฒนธรรม และความเชื่อที่ต่างจากตัวเราเองคือสิ่งที่เราได้พบเจอขณะเดินทางท่องเที่ยวต่างถิ่น นอกจากเป็นประสบการณ์ใหม่ๆ แล้ว ยังทำให้เรารู้จักเปิดรับและยอมรับกับความแตกต่างหลากหลายของคนเราได้มากขึ้น รวมถึงเรียนรู้ที่จะผูกมิตรและปรับตัวเข้ากับผู้อื่น และยิ่งถ้าเป็นการเดินทางแบบเป็นกลุ่มทำให้เราต้องปฏิสัมพันธ์กับผู้ร่วมเดินทางซึ่งอาจจะเป็นเพื่อน เพื่อนร่วมงาน คนรัก หรือคนในครอบครัว ทำให้ได้ใกล้ชิดกัน และเรียนรู้กันและกันมากขึ้น
กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
หลายๆ คน พูดว่า การไปเที่ยวเหมือนเป็นการได้ไปชาร์จแบตฯ ให้กับชีวิต เพราะเมื่อได้ออกเดินทางท่องเที่ยว เราจะได้พบกับประสบการณ์ใหม่ๆ ได้สัมผัสความงดงามของสถานที่และผู้คน ช่วยเพิ่มความสุขและเติมพลังให้กับชีวิต ได้พักจากภาระหน้าที่และความเครียดต่างๆ ชั่วคราว ทำให้จากที่เคยเหนื่อยล้าก็กลับมามีชีวิตชีวาและพร้อมสำหรับวันต่อไปอีกครั้ง
ทั้งความสนุกสนานเพลิดเพลินและข้อดีต่างๆ จึงไม่น่าแปลกใจที่ใครๆ ต่างก็โหยหาการเดินทางท่องเที่ยวเพื่อมาเยียวยาจิตใจคลายความเครียดจากสถานการณ์โควิด และจากการที่ ศบค. มีมาตรการคลายล็อกดาวน์รวมถึงมีการฉีดวัคซีนโควิด-19 ได้ระดับหนึ่ง บางคนจึงเริ่มเตรียมตัวหาที่เที่ยวไว้ชาร์จแบตฯ กันแล้ว
แต่ในสถานการณ์ที่ยังมีความเสี่ยงอยู่เช่นนี้ การเดินทางจึงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษเพื่อความปลอดภัยจากเชื้อโควิด ซึ่งเรามีข้อแนะนำเล็กๆ น้อยๆ ก่อนออกเดินทางมาฝาก
– พิจารณาสถานที่ท่องเที่ยวที่ต้องการจะไปว่ามีความเสี่ยงมากน้อยเพียงใด ควรเลือกสถานที่ที่เปิดโล่ง ไม่แออัด คนไม่เยอะ หรืออาจจะเลือกไปเที่ยวใกล้ๆ ก่อน ไม่ต้องเดินทางไกลนัก
– การ์ดยังต้องสูง ไม่ว่าจะเป็นแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อ หน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ เว้นระยะห่าง ทั้งระหว่างการเดินทางและในสถานที่ท่องเที่ยว
– ทำ timeline ของตัวเองไว้ก่อน เพื่อสามารถตรวจสอบย้อนหลังได้ว่าเราไปในสถานที่สุ่มเสี่ยงหรือไม่
– อาหารการกินก็เป็นเรื่องสำคัญ ควรเลือกอาหารที่ปรุงสุก สะอาด ผ่านความร้อน หรือรับประทานขณะที่กำลังร้อนๆ ที่สำคัญพ่อค้าแม่ค้าและผู้ปรุงอาหารต้องใส่หน้ากากอนามัยอย่างถูกต้อง
– สำหรับผู้สูงอายุและผู้มีโรคประจำตัวควรหลีกเลี่ยงการเดินทางไว้ก่อน เพราะเป็นกลุ่มเสี่ยงถ้าติดเชื้อโควิดแล้วอาการอาจจะรุนแรง
ที่สำคัญควรติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และถ้ายังไม่รีบนักก็อาจจะรอต่อไปอีกนิดให้สถานการณ์การแพร่ระบาดดีขึ้นอีกหน่อย แล้วค่อยออกเดินทางท่องเที่ยวกันอีกครั้งก็ได้ จะได้เป็นการท่องเที่ยวอย่างสบายใจและปลอดภัย