สถานการณ์ของโรคระบาดในปัจจุบัน ทำให้เราต้องใส่หน้ากาก…อนามัยเข้าหากันตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นที่ทำงาน หรือที่บ้าน แน่นอนว่าปัญหาผิวที่หลายคนประสบคือ สิว ซึ่งมักพบบริเวณที่ใส่หน้ากากอนามัย เช่น คาง แก้ม
การเกิดสิวบริเวณที่ใส่หน้ากากอนามัยนั้นมีด้วยกันหลายสาเหตุ เช่น ความเครียด จากภาวะที่ทำให้วิตกกังวลต่อสถานการณ์ความเป็นไปต่างๆ หรือการเสียดสีของตัวหน้ากากอนามัยกับผิวหน้าของเรา
ความเครียดจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ส่งผลต่อการทำงานของสมอง จิตใจ อาจทำให้นอนไม่หลับหรือหลับยากกว่าปกติ หากเป็นสิวที่เกิดจากความเครียดนั้น แก้ไขได้ด้วยมองหาสิ่งบันเทิงใจที่ชอบ ที่จะทำให้เราห่างไกลจากข่าวสารที่ทำให้วิตกกังวล หากิจกรรมอื่นๆ ทำ เช่น ออกกำลังกาย ดูหนัง ฟังเพลง จัดห้อง หรือปลูกต้นไม้ เมื่อความเครียดลดลง การอักเสบหรือการเกิดใหม่ของสิวก็จะลดลงไปด้วย
การเสียดสีของหน้ากากอนามัยกับผิวหน้า เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ค่อนข้างยาก เมืองไทยเป็นเมืองร้อน โอกาสที่จะเกิดเหงื่อใต้หน้ากากจึงมีมากกว่าประเทศอื่น เมื่อเหงื่อเกิดขึ้นใต้หน้ากาก ผสมกับฝุ่น มลพิษจากสภาพอากาศ ทำให้แบคทีเรียเพิ่มจำนวนขึ้น ขณะที่ผิวบางคนที่ขับน้ำมันออกจากรูขุมขนเมื่อเจอกับแบคทีเรียดังกล่าว จึงทำให้เรามีโอกาสที่จะเป็นสิวได้ง่ายขึ้น
มีคำแนะนำจาก พญ. นัทธมน บวรสถิตชัย แพทย์ผู้ชำนาญการด้านตจศัลยศาสตร์ และผิวหนังด้านความงาม แนะนำวิธีการป้องกันสิวจากการใช้หน้ากากอนามัย ดังนี้
1. ระยะเวลาในการใส่หน้ากากอนามัย ถ้าเป็นไปได้แนะนำให้มีช่วงพัก หรือถอดหน้ากากอนามัยออกจากผิวหน้าบ้าง อย่างน้อย 10-15 นาที ทุกๆ 4 ชั่วโมงในพื้นที่ปลอดภัยจากการติดเชื้อ เช่น ห้องส่วนตัว หากอยู่ในห้องคนเดียว ขับรถคนเดียว สามารถถอดหน้ากากอนามัยให้ผิวหน้าได้ระบายอากาศ
2. งดผลิตภัณฑ์หรือเครื่องสำอางที่ก่อให้เกิดการอุดตัน หรืออาจงดแต่งหน้าบริเวณที่ใส่หน้ากากอนามัย อาจจะแต่งแค่คิ้ว หรือตาก็เพียงพอ เป็นการประหยัดเครื่องสำอางไปในตัว
3. การล้างหน้าโดยใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวอย่างอ่อนโยน ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง เพื่อชะล้างน้ำมันส่วนเกิน และสิ่งสกปรกบนใบหน้า การใช้ครีมบำรุงผิวที่ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน เช่น oil free, non-comedogenic
4. เปลี่ยนหน้ากากอนามัยทุกวัน หรือเปลี่ยนทันทีเมื่อเริ่มรู้สึกว่าสกปรก และทำความสะอาดหน้ากากอนามัยแบบผ้าเป็นประจำทุกวัน เมื่อเราลดโอกาสการเกิดสิวแล้ว ยังต้องใส่หน้ากากอนามัยต่อไป แน่นอนว่าการเสียดสีระหว่างหน้ากากและผิวหน้ายังคงเกิดขึ้น และสร้างความระคายเคือง เพิ่มโอกาสการอักเสบของผิวหน้าได้ ดังนั้นเราจำเป็นต้องบำรุงผิว เพื่อเสริมเกราะป้องกันผิว ช่วยทำให้ผิวแข็งแรง และห่างไกลจากสิวอีกด้วย
เริ่มต้นจากการทำความสะอาดผิวหน้าด้วยคลีนซิ่ง เลือกสูตรที่อ่อนโยนและเหมาะกับสภาพผิว แนะนำเป็นคลีนซิ่งสูตรน้ำ Purifying Cleansing Water ช่วยลดแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิว ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วให้หลุดออก ลดการอุดตันที่อาจทำให้เกิดสิว ลดการอักเสบของสิว เป็นการเปิดรูขุมขนก่อนรับการบำรุงในขั้นต่อไป
จากนั้นทำความสะอาดผิวหน้าด้วยคลีนเซอร์ที่ใช้เป็นประจำ อาจเลือกสูตรน้ำนม นอกจากจะเป็นการทำความสะอาดผิวหน้าแล้ว ยังทำให้ผิวหน้าได้รับการบำรุงไปในตัว ผิวหน้าสะอาด ผ่อนคลายและเนียนนุ่มยิ่งขึ้น
ต่อด้วยการมาสก์หน้าด้วย Skin Mask ที่มีให้เลือกมากมายในท้องตลาด เลือกสูตรที่จะช่วยเติมสารอาหารให้ผิว หรือสูตรที่เหมาะกับสภาพผิวช่วงนั้นๆ อาจเลือกสูตรที่ลดอาการอักเสบของสิว ลดความหมองคล้ำ ลดริ้วรอย หรือสูตรที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ก่อนเริ่มมาสก์หน้าควรใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นประคบให้ทั่วใบหน้า เพื่อเป็นการเปิดรูขุมขนก่อน และหลังจากมาสก์หน้าปิดรูขุมขนด้วยน้ำเย็น ช่วยให้มาสก์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
มาสก์บางยี่ห้ออาจมีส่วนผสมของเอสเซนส์ หรือเซรั่ม ซึ่งจะลดช่วยขั้นตอนการบำรุงผิว แต่หากไม่มี เราควรบำรุงผิวด้วยเอสเซนส์ หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ “น้ำตบ” เพื่อเตรียมผิวให้พร้อมรับการบำรุงในขั้นตอนต่อไป คุณสมบัติของเอสเซนซ์ส่วนใหญ่แล้ว จะช่วยเพิ่มความกระจ่างใส กระชับรูขุมขน และลดความหมองคล้ำหรือรอยดำจากสิว แล้วตามด้วยเซรั่ม ปิดท้ายด้วยมอยส์เจอไรเซอร์ หากเป็นเวลาเช้าก่อนออกจากบ้านควรทาครีมกันแดดทุกครั้ง เพื่อปกป้องผิวจากรังสี UVA UVB และแสงสีฟ้าจากหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือ
แม้ว่าจะมีขั้นตอนที่ยุ่งยากไปสักหน่อย แต่เพื่อสร้างเกราะให้ผิวหน้าแข็งแรง ไม่เป็นสิวง่าย เพราะเรายังต้องใส่หน้ากากอนามัยต่อไปอีกจนกว่าโควิด-19 จะหมดไป หรือจนกว่าเราจะมีภูมิคุ้มกันหมู่ทั้งประเทศ