ตำนานโจ๊กกองปราบที่ยาวนานมากกว่า 30 ปี กำลังพลิกโฉมรุกขยายสาขาคีออสยุคใหม่ในฐานะพันธมิตรร่วมกับบริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป (ซีอาร์จี) ซึ่งล่าสุดประกาศปรับกลยุทธ์ขนทัพแบรนด์อาหารกลุ่มธุรกิจ Thai & Chinese Cuisine เร่งปูพรมเจาะตลาดสู้วิกฤตโควิด เพื่อช่วงชิงเม็ดเงินในธุรกิจร้านอาหารที่ยังมีมูลค่ามากกว่า 4 แสนล้านบาท
แน่นอนว่า ร้านเจ๊เกียงโจ๊กกองปราบ & หมูทอด ถือเป็นหนึ่งแบรนด์หลักที่ซีอาร์จีหมายมั่นสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องในรูปแบบการขายใหม่ๆ รวมถึงโอกาสการขยายไปต่างประเทศในอนาคตด้วย โดยปีนี้บริษัทวางเป้าหมายขยายคีออส จำนวน 10 สาขา และปีหน้าเปิดเพิ่มขึ้น 20 สาขา เพราะถือเป็นสุดยอดตำนานแห่งโจ๊กกองปราบย่านโชคชัย 4 ที่เปิดมาตั้งแต่ปี 2533
ขณะที่หลายคนในวงการอาหารต่างพูดถึงจุดขายอยู่ที่เนื้อโจ๊กทำจากข้าวหอมมะลิข้น ทำให้ไม่คืนตัว ไม่ใช้ผงชูรสในการปรุง เคี่ยวเนื้อโจ๊กให้เป็นข้าวต้มแล้วจึงมาเคี่ยวกับน้ำซุป ซึ่งทำจากกระดูกหมูเคี่ยวแบบชามต่อชาม พร้อมเครื่องเคียงหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องใน ไข่ หมูกรอบ หมูกระเทียม หมูกะเพรา
ทั้งนี้ ซีอาร์จีเจรจาทำสัญญาเป็นพันธมิตรกับ นลินพัชร์ พัฒนามนตรี หรือฉายา “เจ๊เกียง” นำเมนูโจ๊กกองปราบและเมนูหมูทอดเข้ามาขายภายใต้แบรนด์ร้านอร่อยดีจนได้รับความนิยมจากกลุ่มลูกค้า กระทั่งลุยขยายคีออส ร้านเจ๊เกียงโจ๊กกองปราบ & หมูทอด เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ซึ่งล่าสุดเปิดให้บริการ 4 จุดขายในสถานีบริการน้ำมัน ปตท. (พีทีที สเตชั่น) ได้แก่ สาขา ปตท. วิภาวดี 11 สาขา ปตท. พหลโยธิน 25 สาขา ปตท. สวนผัก และสาขา ปตท. นวลฉวี
ธนพล ธรรพสิทธิ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส กลุ่ม Thai & Chinese Cuisine บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป (ซีอาร์จี) กล่าวว่า โมเดลคีออสเป็นหนึ่งกลยุทธ์การตลาดเพื่อสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก สามารถรองรับพฤติกรรมผู้บริโภคที่ใช้เวลาส่วนใหญ่ทำงานและอยู่ที่บ้าน ขยายสาขาได้ไว ลงทุนไม่มาก และสร้างยอดขายได้มากขึ้น โดยอาศัยจุดขายสำคัญ คือ การสรรหาเมนูแปลกใหม่ที่ไม่ได้ขายในเชนยักษ์ใหญ่ ซึ่งเจ๊เกียง โจ๊กกองปราบ & หมูทอดถือเป็นเมนูไฮไลท์ ทั้งโจ๊กหมูและชุดหมูทอดราคาเริ่มต้น 45 บาท ถือเป็นราคาที่เข้าถึงง่าย
นอกจากนี้ ใช้กลยุทธ์ Fantastic 4 หรือการสั่งอาหารที่ทำได้ครบจบในแอปเดียวแบบ 4 in 1 ให้ลูกค้าเลือกซื้อสุดยอด 50 เมนูฮอตจาก 4 ร้านดัง ได้แก่ ร้านอร่อยดี ร้านข้าวหน้าสไตล์ญี่ปุ่น Tokyo Bowl ร้านเจ๊เกียง โจ๊กกองปราบและเจ๊เกียงหมูทอด เพื่อผลักดันยอดขายในกลุ่มธุรกิจ Thai & Chinese Cuisine ซึ่งปัจจุบันมีร้านอาหารทั้งสิ้น 67 สาขา ได้แก่ ไทยเทอเรส 17 สาขา อร่อยดี 33 สาขา เกาลูน 10 สาขา ส้มตำนัว 7 สาขา โตเกียวโบวล์ 50 สาขา และจะเปิดร้านเพิ่มรวมเป็น 80 สาขาภายในสิ้นปีนี้ โดยร้านเจ๊เกียง โจ๊กกองปราบ & หมูทอด ถือเป็นแบรนด์ที่สร้างยอดขายให้กับกลุ่มร้านอร่อยดี
อย่างไรก็ตาม การจับมือกับยักษ์ใหญ่ “ซีอาร์จี” สำหรับเจ๊เกียง เป้าหมายไม่ใช่แค่เรื่องยอดขาย แต่ยังหมายถึงการสร้างประสบการณ์ใหม่ในการทำธุรกิจยุคใหม่ จากร้านโจ๊กตึกแถว 1 คูหา ยกระดับสู่รูปแบบเครือข่ายคีออสทั่วเมือง
เธอกล่าวกับ “ผู้จัดการ 360” ว่า ทั้งหมดถือเป็นโอกาสครั้งใหญ่ในชีวิตและเมื่อมีโอกาสเข้ามา เธอต้องคว้าโอกาสนั้น ทั้งโอกาสในแง่รายได้ การขยายสาขาให้ลูกค้าสามารถบริโภคเมนูต่างๆ ได้ง่ายขึ้น รวดเร็วขึ้น และการเรียนรู้โนว์ฮาวต่างๆ การแก้จุดอ่อน การคิดค้นเมนูที่ต้องคำนึงถึงการกระจายสินค้า การวางระบบการขาย บริการต่างๆ ซึ่งสามารถเอามาปรับใช้ในร้านของตัวเองได้อย่างมาก เพื่อฟันฝ่าทุกวิกฤตที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
“โควิดรอบนี้ทำให้ร้านอาหารขนาดกลางและขนาดเล็กต้องปรับตัวมาก บางร้านมีพนักงานติดโควิดจนต้องปิดตัว แต่ร้านเจ๊เกียงมีที่พักให้พนักงาน จึงควบคุมได้และยังสามารถทำยอดขายดีกว่าโควิดรอบแรก โควิดรอบสอง เพราะเราเปิดขายตั้งแต่เวลาตี 4 ถึง 3 ทุ่ม ยังสามารถสร้างรายได้ประมาณ 70-80% เทียบกับช่วงปกติ ยอดขายไม่ตกลงมาก เลี้ยงทุกคนในครอบครัวได้ ไม่ต้องเลิกจ้างหรือลดเงินเดือนพนักงานที่ยังอยู่ด้วยกันทั้ง 10 คน”
เจ๊เกียงยอมรับว่า ก่อนโควิดร้านมีลูกค้าหลากหลายกลุ่ม เพราะขายตลอด 24 ชั่วโมงมานานแล้วตั้งแต่ร้านสะดวกซื้อยังไม่เกิดขึ้นในประเทศไทยด้วยซ้ำ โดยเฉพาะช่วงกลางคืนคึกคักมาก มีลูกค้าทุกอาชีพ แต่ช่วงโควิดแพร่ระบาด เมื่อทางการออกมาตรการควบคุมเวลาเปิดปิดและสถานบริการต่างๆ ถูกปิดให้บริการทำให้คนกลางคืนหายไปทั้งหมด เวลานี้จึงเหลือเฉพาะลูกค้ากลุ่มคนทำงานกลางวัน พนักงานออฟฟิศ ทำให้ต้องเพิ่มบริการดีลิเวอรีหลากหลายช่องทาง
เมื่อถามถึงการลงทุนเปิดสาขาใหม่ก่อนหน้าการจับมือกับซีอาร์จี เธอบอกว่า ไม่เคยคิด เพราะเริ่มต้นกิจการตัวคนเดียว เวลานั้นยังไม่มีครอบครัว คิดแค่อยากทำอาชีพเลี้ยงตัวเองและสมัยเมื่อ 20 กว่าปีก่อน ไม่ได้มีคนขายของที่สามารถเปิดสาขามากมาย อย่างมาก 3-4 แห่ง เปรียบเทียบกับยุคสมัยใหม่มีเครือข่าย มีการสื่อสาร มีโซเชียลมีเดียเข้ามาช่วย ซึ่งเจ๊คนเดียวทำไม่ได้แน่นอน
“ร้านโจ๊กกองปราบโชคดีที่มีสื่อทีวีนำเสนอเรื่องราวทำให้ร้านมีชื่อเสียงบ้าง ตอนแรกคิดว่าไม่อยากมีครอบครัว คิดไปคิดมาเหนื่อย แต่งงานดีกว่า มีลูกชาย 2 คนมาช่วยร้าน ตอนนี้ลูกชายคนโตมาช่วยรับผิดชอบด้านแอปพลิเคชัน การทำตลาดผ่านโซเชียลมีเดีย ช่วยเพิ่มโอกาสการขายและยิ่งโชคดีที่ได้เป็นพันธมิตรร่วมกับซีอาร์จี สามารถร่วมขยายสาขามากขึ้น”
เจ๊เกียงย้ำด้วยว่า อยากให้ลูกค้าได้รับประทานเมนูต่างๆ ที่มีคุณภาพ ซึ่งกลุ่มซีอาร์จีสามารถบริหารให้สาขาต่างๆ รักษามาตรฐานรสชาติไม่ต่างจากต้นตำรับ โดยมีเมนูหลักๆ ได้แก่ โจ๊กเปล่า โจ๊กเด็ก โจ๊กหมู โจ๊กเครื่องใน โจ๊กทรงเครื่องหมูกระเทียมเห็ดหอมพร้อมไข่ดาวน้ำ โจ๊กกะเพราหมูสับ/ไก่สับ โจ๊กไข่ข้นกุ้งสับ/หมูสับ/ไก่สับ หมูทอดน้ำปลา หมูทอดสามเกลอ หมูสามชั้นทอดน้ำปลา หรือเลือกเป็นชุดพร้อมข้าวเหนียว
ส่วนใครมารับประทานที่ร้านเจ๊เกียง โจ๊กกองปราบ โชคชัย 4 จะมีเมนูให้เลือกหลากหลาย ทั้งเมนูดั้งเดิม ได้แก่ โจ๊กเครื่องต่างๆ ก๋วยจั๊บ ตือฮวนเกี๋ยมฉ่าย และเมนูใหม่ๆ เช่น โจ๊กแห้ง เมนูกะเพรา กุ้ยช่ายนึ่ง หมูทอดนมสด โดยเฉพาะเมนูหมูทอดน้ำปลาที่ทุกวันนี้ส่งตรงจากร้านไปถึงคีออสทุกสาขาด้วย
ดังนั้น หากมองเกมการหาพันธมิตรร้านอาหารกลุ่มเอสเอ็มอีของซีอาร์จีถือเป็นโมเดลที่สามารถพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสแบบ “วิน-วิน” โดยเฉพาะการพร้อมเป็นแบ็กอัปของธุรกิจยักษ์ใหญ่ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้ธุรกิจรายย่อยและเติบโตอย่างยั่งยืนไปด้วยกัน