ศึกพิซซ่าพลิกโฉม รายย่อยแห่เปิดตัว อร่อย ถูก ส่งฟรี

ตลาดพิซซ่ามูลค่ากว่า 12,000 ล้านบาท พลิกโฉมครั้งใหญ่ เมื่อแบรนด์ไทย แบรนด์ท้องถิ่น แห่เปิดตัว และขยายสาขาเจาะชุมชน เน้นราคาประหยัด เครื่องแน่น ๆ แถมส่งฟรี หรืออาจบวกเพิ่มเพียง 20-30 บาทเท่านั้น

ที่สำคัญ ช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาสถานการณ์โควิดที่ยืดเยื้อทำให้ผู้คนจำนวนมากตกงานและดิ้นรนหารายได้เสริม ซึ่ง “พิซซ่า” ถือเป็นอีกเมนูอาหารเต็งหนึ่งที่สามารถสร้างอาชีพ โดยมีแบรนด์ท้องถิ่นเกิดขึ้นใหม่หลายสิบแบรนด์และแบรนด์เหล่านี้ต่างรุกคืบขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง แนวรบตลาดในยุคโควิดจึงไม่ใช่มีเพียงแบรนด์ยักษ์ใหญ่อย่างพิซซ่าฮัท เดอะพิซซ่า โดมิโน่พิซซ่า และพิซซ่าคาเฟ่ของค่ายเซเว่นอีเลฟเว่นที่กระโดดเข้าสู่สมรภูมิเมื่อปลายปี 2563

แม่ค้าร้านพิซซ่ารายหนึ่งย่านสมุทรปราการกล่าวกับ “ผู้จัดการ 360” ว่า เธอตัดสินใจเปิดกิจการร้านพิซซ่าเมื่อ 2 ปีก่อน เริ่มจากการทำอบกินเองในบ้าน เพราะตัวเองและทุกคนในครอบครัวชอบรับประทาน ซึ่งทุกคนรวมถึงเพื่อนบ้านที่ได้ชิมต่างยืนยันถึงความอร่อยและวัตถุดิบที่มีคุณภาพ

เธอจึงเริ่มทดลองขายแบบไม่มีหน้าร้านและส่งขายในหมู่บ้านก่อน จนคนรอบข้างและเพื่อนๆ ที่เคยสั่งรับประทานติดใจรสชาติ เกิดความสนใจอยากเอาสูตรไปทดลองขายในช่วงสถานการณ์โควิดที่กำลังขาดรายได้ ตกงาน โดยเธอสอนวิธีการทำพิซซ่า สูตรหน้าต่าง ๆ แบบฟรี ๆ ไม่เก็บค่าใช้จ่าย เพื่อช่วยเหลือเพื่อน ๆ ที่ประสบปัญหาด้านเศรษฐกิจจากปัญหาโควิด

ปัจจุบันแบรนด์พิซซ่าของเธอสามารถขยายร้านได้ถึง 15 สาขา ส่วนใหญ่อยู่ในย่านสมุทรปราการ เช่น สาขาบางแก้ว สาขาวัดด่านสำโรง สาขาปากน้ำ สาขาอุดมเดช สาขาลาดกระบัง สาขาเทพารักษ์ สาขาราม 2 สาขาพระประแดง สาขาลาซาล และมีผู้สนใจติดต่อขอซื้อแฟรนไชส์จำนวนมาก ทั้งที่ยังไม่ได้โปรโมตอย่างจริงจังและยังไม่ใช่ระบบแฟรนไชส์ เนื่องจากเป็นการบอกต่อ ๆ กันในกลุ่มคนรู้จักกัน สอนวิธีการทำ แนะนำแหล่งซื้อวัตถุดิบต่าง ๆ และไม่ได้เรียกเก็บค่าสิทธิ์ไลเซนส์ แต่จะมีรายได้จากการขายแป้งและซอสสูตรเฉพาะที่คิดขึ้นเอง

สำหรับราคาขายเริ่มต้นถาดขนาด 4 ชิ้น ราคา 79 บาท ขนาด 6 ชิ้น 99 บาท และขนาด 8 ชิ้น ราคา 139 บาท โดยหน้ามีให้เลือกหลากหลาย แบ่งเป็น 3 กลุ่ม รวม 15 หน้า ได้แก่ กลุ่มหมู เช่น มิกซ์พอร์ค มิกซ์พอร์คพลัส สโมคเบคอน สโมคแฮม ฮาวายไอส์แลนด์ กลุ่มซีฟูด เช่น ซีฟูดพลัส ซีฟูดคอกเทล แฮมมิกซ์ และสุดท้ายคือ ดับเบิ้ลชีส โดยหากเพิ่มเครื่องจะบวกราคา 10-20 บาทต่อถาด และมีเมนูเครื่องเคียง เช่น ไก่ทอด นักเก็ต เฟรนช์ฟรายส์

ที่สำคัญ นอกจากขายหน้าร้านแล้ว ยังมีบริการส่งฟรีถึงบ้านในละแวกใกล้เคียง ส่วนระยะที่ห่างออกไปคิดค่าส่ง 20-30 บาท และลูกค้าสามารถสั่งผ่านไลน์แมน ซึ่งทางร้านต้องเสียค่าธรรมเนียมการใช้บริการหรือ GP ถึง 32% ทำให้ต้องบวกเพิ่มในค่าอาหาร

เมื่อถามว่า ทำไมไม่เปิดเผยชื่อแบรนด์ผ่านสื่อ เธอกล่าวว่า ยังไม่พร้อม และทุกสาขาเป็นคนวงในที่รู้จักกัน เปิดขายในพื้นที่ละแวกใกล้บ้าน ช่วยเหลือกัน หลายสาขาอบขายในบ้าน ไม่มีหน้าร้าน ทำกัน 2 คน คนหนึ่งอบพิซซ่า อีกคนวิ่งส่งขาย ถือเป็นการสร้างรายได้ชดเชยช่วงโควิด วันละ 20-30 ถาดต่อสาขา จนกว่าจะมีความพร้อมและวางระบบเรียบร้อย จึงเปิดตัวอย่างเป็นทางการพร้อมขายแฟรนไชส์

นี่อาจเป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งของพิซซ่าแบรนด์ท้องถิ่นที่รุกเงียบกินส่วนแบ่งและมีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้น หรือกรณีร้านพิซซ่าที่ จ.เชียงราย ซึ่งอดีตผู้บริหารผับดังกรุงเทพฯ-พัทยา กับอดีตผู้บริหารโรงแรม 5 ดาวในกรุงเทพฯ จับมือกันเปิดตัวแบรนด์ใหม่ “จีเนียส แพนด้า-พิซซ่าเชียงราย” โดยใช้เวลาปลุกปั้นแค่ 3 เดือน จากร้านในอาคารพาณิชย์ชั้นเดียว 1 คูหา สามารถขยายสาขาเพิ่มใน อ.เทิง และ อ.เชียงแสน รวม 3 ร้าน และมีคนแห่ซื้อแฟรนไชส์ไปทั่วประเทศ

ทั้งนี้ ข้อมูลจากศูนย์ธุรกิจเอสเอ็มอี “ไทยเอสเอ็มอีเซ็นเตอร์” (www.ThaiSMEsCenter.com) ระบุว่า พิซซ่าถือเป็นอาหารที่ขายง่ายและขายดี แถมสร้างรายได้มากกว่าที่คิด เพียงแต่ต้องเรียนรู้วิธีการทำรสชาติให้ถูกปากลูกค้า และหาทำเลใกล้ชุมชน ย่านที่มีกลุ่มวัยรุ่น วัยทำงาน นักเรียน นักศึกษา เช่น หน้าโรงเรียน หน้าสถานศึกษา ย่านชุมชน ตลาดนัด

ขณะที่คำนวณต้นทุนเบื้องต้น การทำพิซซ่า 1 ถาด หรือแป้ง 1 แผ่น รวมต้นทุนทุกอย่าง ใส่เครื่องแต่งหน้าแบบเต็ม ๆ อยู่ที่แผ่นละ 45-50 บาท ถ้านั่งรับประทานที่ร้านจะประหยัดต้นทุนค่ากล่องอีก 6-8 บาท หรือถ้าขาย 1 ถาด ราคา 89 บาท กำไรต่อแผ่นหรือต่อถาดอยู่ที่ 45-50 บาท และถ้าวันหนึ่งขายได้ 30-50 แผ่น อาจคืนทุนได้ในวันแรกและอาจมีกำไรได้กว่าเท่าตัว พ่อค้าบางคนอาจขายได้ถึงวันละ 50 แผ่นขึ้นไป ไทยเอสเอ็มอีเซ็นเตอร์ระบุตัวอย่างจากร้านพิซซ่าขายดีบางแห่งได้กำไรจากการขาย คิดเป็น 40% ต่อหนึ่งถาด วันธรรมดารายได้อยู่ที่ 1,500-2,000 บาท วันเสาร์-อาทิตย์ รายได้ 2,000-3,000 บาท 1 เดือน จะมีรายได้เฉลี่ย 18,000-24,000 บาท หักลบต้นทุนค่าใช้จ่าย เช่น ค่าน้ำค่าไฟ ค่าวัตถุดิบ ค่าบริหารจัดการ ค่าเช่าพื้นที่ และจิปาถะ ยังเหลือกำไรต่อเดือนมากกว่าทำงานประจำคิดที่ฐานเงินเดือน 15,000 บาท

ด้วยเหตุนี้ จึงมีมนุษย์เงินเดือนหันมาหาอาชีพเสริมขายพิซซ่า แต่ข้อสำคัญ คือ การฝึกฝนทำพิซซ่าจนชำนาญ หมั่นศึกษาค้นคว้าต่อยอดธุรกิจ เช่น เพิ่มตัวเลือกให้หลากหลายมากขึ้น ไม่ควรตั้งราคาสูงจนเกินไป ควรเอาใจใส่เรื่องวัตถุดิบอย่างสม่ำเสมอ อย่าปล่อยให้คุณภาพของสินค้าลดลง ติดป้ายเชิญชวนพร้อมมีราคาที่ชัดเจน ทำให้ง่ายต่อการตัดสินใจของลูกค้า

แต่ในอีกด้านหนึ่ง การขยายตัวของแบรนด์ท้องถิ่นทำให้ภาพรวมตลาดเปลี่ยนไปจากเดิม โดยเฉพาะช่วงสถานการณ์โควิดที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่อยู่บ้าน เรียนออนไลน์และ Work from Home การเลือกใช้บริการดีลิเวอรี่ทำให้แบรนด์ท้องถิ่นที่ราคาประหยัดกลายเป็นคู่แข่งรายใหม่ที่น่ากลัวของบรรดาแบรนด์ใหญ่เจ้าเดิม ไม่ว่าจะเป็นเดอะพิซซ่า พิซซ่าฮัท และโดยเฉพาะการชนเข้าอย่างจังกับ “พิซซ่าคาเฟ่” ของร้านเซเว่นอีเลฟเว่น เนื่องจากเน้นเจาะตลาดแมสและชูจุดขายราคาประหยัดเช่นกัน

หากสำรวจโปรโมชั่นของแบรนด์ใหญ่ ๆ หันมาเน้นเมนูราคาประหยัดมากขึ้น เช่น ค่ายพิซซ่าฮัทจัดชุด My Box พิซซ่าถาดเล็กหมวดเลิฟเวอร์ขอบไส้กรอกชีส จับคู่กับของรับประทานเล่น 4 เมนูให้เลือกกัน ราคา 199 บาท เพิ่มเติมจากการจัดแคมเปญใหญ่ รายการแข่งขัน “Hottest Pizza Challenge” ท้าผู้บริโภคมาประชันความเร็วและความอึดในการกินเผ็ดแบบสุดขั้วขั้นเทพ ลุ้นรับรางวัลมูลค่ารวมกว่า 100,000 บาท

ส่วน “เดอะพิซซ่า คอมปะนี” ออกเมนู “พิซซ่าฮีโร่” ขอบไส้กรอก ราคาถาดละ 169 บาท จำนวน 3 หน้า ได้แก่ หน้าอัศวินไก่นุ่ม มีไก่บาร์บีคิว พริกแดง พริกเขียว และไส้กรอกพาสลีย์ หน้านักรบเบคอน มีเบคอน สับปะรด และไส้กรอกพาสลีย์ ส่วนหน้ายอดมนุษย์ปูอัดมีเบคอน ปูอัด และไส้กรอกพาสลีย์ พร้อมงัดแคมเปญใหญ่ ‘มีกิน มีใช้’ แจกบัตรส่วนลดมูลค่า 1,000 บาท เมื่อสั่งพิซซ่าภายใต้โปร 1 แถม 1 โดยแบ่งส่วนลดเป็น 5 งวด เริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคม-กรกฎาคม ให้ส่วนลดสูงสุด 200 บาทต่องวด เมื่อสั่งอาหาร 500 บาทขึ้นไป

ล่าสุด เดอะ พิซซ่า คอมปะนี ยังประกาศขอเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทย เปิดตลาดแชร์สุข 4 ภาค ให้ร้านอาหารทั่วประเทศไทยฝากร้านผ่านเพจ The Pizza Company 1112 ได้

ด้านพิซซ่าคาเฟ่ของค่ายเซเว่นอีเลฟเว่น ยังเดินหน้าต่อแคมเปญ 1 แถม 1 และส่งฟรีผ่านบริการ 7-Delivery

คงต้องยอมรับว่า โควิดสามารถพลิกทั้งวิกฤตเป็นโอกาสและยังพลิกโฉมหลายธุรกิจเปลี่ยนไปจากเดิมด้วย