วันพฤหัสบดี, พฤศจิกายน 21, 2024
Home > Cover Story > “ซินไฉฮั้ว” จัดหนัก ปูพรมร้านหยอดเหรียญ สร้าง “ฮับ”

“ซินไฉฮั้ว” จัดหนัก ปูพรมร้านหยอดเหรียญ สร้าง “ฮับ”

“ซินไฉฮั้ว” แบรนด์ซักแห้งเจ้าแรกในประเทศไทยประกาศเจาะช่องว่างปูพรมสาขาทั่วเมือง โดยเฉพาะกลยุทธ์รุกแนวรบแฟรนไชส์ร้านซักผ้าหยอดเหรียญที่กำลัง “บูม” ทั่วเมือง ทั้งลดแลกแจกแถมขนานใหญ่ เพื่อปูทางสู่เป้าหมายใหญ่ตามแผนยุทธศาสตร์การสร้าง “ฮับ (Hub)” บุกขยายเครือข่ายทั่วประเทศ

ขณะเดียวกัน ปี 2563 ผลพวงจากวิกฤตโควิด-19 กลายเป็นตัวหนุนภาพรวมตลาดแฟรนไชส์ เพราะความต้องการคนทำธุรกิจส่วนตัวเพิ่มมากขึ้นจากจำนวนคนว่างงานที่เพิ่มขึ้นและหันมาทำธุรกิจซื้อแฟรนไชส์ ซึ่งร้านซักผ้าหยอดเหรียญเป็นหนึ่งในกิจการยอดนิยมที่มีนักลงทุนสนใจจำนวนมาก

หากดูข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าพบว่า ปัจจุบันมีบริษัทผู้ให้บริการธุรกิจเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ ประมาณ 252 ราย ยอดทุนจดทะเบียนราว 1,214 ล้านบาท มีอัตราขยายตัวโดดเด่นที่สุดในกลุ่มธุรกิจบริการ โดยช่วงเดือนพฤษภาคม 2563 มียอดจัดตั้งบริษัท 10 ราย เพิ่มจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 9 เท่า มูลค่าทุนจดทะเบียน 21 ล้านบาท ขยายตัว 6 เท่าตัว ส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในพื้นที่ จ.นนทบุรี ชลบุรี เชียงใหม่ เพราะอานิสงส์จากไลฟ์สไตล์ของคนสังคมเมืองที่ต้องการความสะดวกสบายในการใช้บริการเครื่องซักผ้า ซึ่งส่วนมากติดตั้งตามคอนโดมิเนียมและหอพัก

ทั้งนี้ กลุ่มแบรนด์ใหม่ๆ ที่กำลังเร่งขยายสาขาอย่างหนัก เช่น Mr. Jeff, WashCoin, อ๊อตเทริ วอช แอนด์ ดราย (Otteri Wash & Dry), คลีนเมท (CLEANMATE Dryclean & Laundry), WashXpress, i-KLEAN DRYCLEANING SERVICE, LaundryBar, ซักเสร็จ ลอนโดรแมท (Success laundromat), 24 wash, Coin laundry, Cleanpro Express, มารุ ลอนดรี้, สมาร์ท พลัส, KOLAE Wash Dry

อย่างไรก็ตาม เมื่อเอ่ยชื่อ “ซินไฉฮั้ว” ถือเป็นแบรนด์ร้านซักแห้งเก่าแก่นานกว่า 80 ปี มีประสบการณ์ความเชี่ยวชาญ มีโรงงานซักรีดซักแห้งขนาดใหญ่พร้อมนวัตกรรมใหม่ๆ ถือเป็นจุดแข็งที่เอื้อต่อการบุกตลาดแฟรนไชส์

ปัจจุบันบริษัท ซินไฉฮั้ว อุตสาหกรรม ให้บริการลูกค้าทั้งกลุ่มลูกค้าองค์กร ได้แก่ กลุ่ม Hospitality เช่น โรงแรม กลุ่ม Healthcare เช่น โรงพยาบาล กลุ่ม Uniform และโรงงานอุตสาหกรรม และกลุ่ม Dust Control เช่น ผ้าที่ใช้ทำความสะอาดเครื่องจักร ผ้าเช็ดน้ำมันและคราบสกปรกอื่นๆ

ส่วนลูกค้าทั่วไป หรือบริการซักผ้าทั่วไป มีทั้งบริการเสื้อผ้าทั่วไปที่สวมใส่ในชีวิตประจำวัน เช่น เสื้อเชิ้ต กางเกง กระโปรง ชุดลำลอง ชุดออกกำลังกายหรือชุดกีฬา สามารถซักน้ำและซักแห้งได้ ขึ้นอยู่กับเส้นใยการตัดเย็บ บริการซักผ้าไหม ชุดวิวาห์ บริการทำความสะอาดผลิตภัณฑ์จากหนัง บริการทำความสะอาดผ้าห่ม และชุดเครื่องนอน ผ้าม่าน พรม บริการทำความสะอาดกระเป๋า รองเท้า และบริการขจัดไรฝุ่น โดยมีบริการ Delivery คิดค่าใช้จ่ายตามระยะทาง

ในกลุ่มลูกค้าทั่วไปนั้น บริษัทเปิดธุรกิจแฟรนไชส์ร้านซักแห้งนานหลายปีแล้วและทดลองเจาะตลาดร้านซักผ้าหยอดเหรียญเมื่อ 2 ปีก่อน โดยเริ่มต้นสาขาแฟรนไชส์แห่งแรกในสถานีบริการน้ำมัน ปตท. เภตรา จ. ปทุมธานี และได้รับผลตอบรับดีมาก มีผู้สนใจจองซื้อแฟรนไชส์อย่างต่อเนื่อง เพราะร้านซักผ้าหยอดเหรียญของซินไฉฮั้วมีจุดเด่นเรื่องระบบ Auto Feed น้ำยาซักผ้ากับน้ำยาปรับผ้านุ่มอัตโนมัติ ลูกค้านำมาเฉพาะผ้ามาอย่างเดียว และทุกสาขาเป็นห้องแอร์ต่างจากค่ายอื่นๆ ที่มีลักษณะ Open Air

ข้อมูลจากฝ่ายการตลาดกลุ่มซินไฉฮั้ว ระบุว่า ณ เดือนกรกฎาคม 2563 บริษัทมีสาขาในกรุงเทพฯ และปริมณฑลรวม 40 แห่ง แบ่งเป็นแฟรนไชส์ซักแห้ง 3 สาขา และมีคิวจองอยู่ 7 ราย

ส่วนแฟรนไชส์ร้านซักผ้าหยอดเหรียญ เปิดแล้ว 3 สาขา ได้แก่ สาขาปทุมธานี สาขาตลาดร้อยชั่งหนามแดง บางพลี สาขาสุคนธสวัสดิ์ 16 และเตรียมเปิดอีก 3 สาขา รวมทั้งจับมือกับกลุ่ม ปตท. เข้าไปเปิดสาขาในสถานีบริการใหม่ โดยนำร่อง 3 สาขา ได้แก่ ปั๊ม ปตท. เลียบคลองทวีวัฒนา ปั๊ม ปตท. พัฒนาการขาออก และปั๊ม ปตท. พหลโยธิน 52

บริษัทคาดว่า จนถึงสิ้นปี 2563 จะขยายร้านซักผ้าหยอดเหรียญครบ 10 สาขา รวมกับร้านซักแห้งอีก 10 สาขา จะมีเครือข่ายร้านทั้งหมด ประมาณ 60 สาขา และมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง แม้ปัจจุบันคู่แข่งหลายแบรนด์แห่เข้ามาเปิดให้บริการ แต่ยังมีช่องว่างทางการตลาดมากเพียงพอ สามารถขยายได้อีก รวมทั้งวางแผนขั้นต่อไปเจาะตลาดต่างจังหวัดในหัวเมืองใหญ่ เช่น อ. ปากช่อง โคราช เชียงใหม่ ภูเก็ต ซึ่งน่าจะเริ่มต้นชัดเจนในต้นปีหน้า

สำหรับอัตราการลงทุนธุรกิจแฟรนไชส์ซินไฉฮั้ว ร้านซักแห้งอยู่ที่ 425,000 บาท โดยจัดโปรโมชั่น จ่ายค่าจอง 10,000 บาท ลดค่าแฟรนไชส์ทันที 100,000 บาท เหลือ 325,000 บาท พร้อมขยายระยะสัญญาจากปกติต่อทุก 3 ปี เป็น 9 ปี โดยไม่เรียกเก็บค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม นอกจากส่วนแบ่งรายได้ ซึ่งบริษัทได้ 59% ส่วนแฟรนไชซีรับ 41%

ส่วนร้านซักผ้าหยอดเหรียญมีให้เลือก 3 โมเดล แยกตามพื้นที่เริ่มจากร้านขนาดเล็ก 60 ตารางเมตร (ตร.ม.) ราคา 2.3 ล้านบาท ร้านขนาด 60-80 ตร.ม. ราคา 3.2 ล้านบาท และร้านขนาด 80-120 ตร.ม.ราคา 4 ล้านบาท โดยบริษัทออกค่าใช้จ่ายการออกแบบและติดตั้งเครื่องซักผ้า เครื่องอบน้ำ

ที่สำคัญ บริษัทจัดแพ็กเกจพิเศษ ซื้อแฟรนไชส์ร้านซักผ้าหยอดเหรียญแถมแฟรนไชส์ซักแห้งในร้านด้วย หรือรูปแบบ “ไฮบริด” สามารถให้บริการทั้งซักผ้าหยอดเหรียญและซักแห้ง เพื่อเพิ่มช่องทางสร้างรายได้ให้แฟรนไชซี

นอกจากนี้ แบ่งจ่ายเงินลงทุน 50:40:10 เริ่มจากการวางเงินจอง 50% จากนั้นบริษัทเข้าสำรวจทำเล ตกแต่งร้าน ติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ จนเทสต์ระบบ วันที่ติดตั้งเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญและเครื่องอบ แฟรนไชซีจ่ายเพิ่มอีก 40% และก่อนเปิดร้าน 1 วัน จ่ายที่เหลือ 10% โดยบริษัทมีบริการไฟแนนเชียลหรือให้เงินกู้เอง ไม่ต้องผ่านธนาคาร คิดอัตราดอกเบี้ยเท่าธนาคาร

ต้องยอมรับว่า การเปิดเกมรุกของซินไฉฮั้วสามารถดึงดูดกลุ่มผู้ลงทุนและรุกฐานลูกค้าทุกเซกเมนต์ โดยร้านซักแห้งเน้นกลุ่มลูกค้าระดับกลางถึงบน สาขาส่วนใหญ่อยู่ในศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า คอมมูนิตี้มอลล์ เช่น ห้างเซ็นทรัล โรบินสัน อินเด็กซ์ลิฟวิ่งมอลล์ บุญถาวร ศูนย์พาซิโอ เดอะวอล์ค เอสพลานาด รวมถึงสาขาในสถานีบริการน้ำมันอย่าง ปตท. และบางจาก

ขณะที่ร้านซักผ้าหยอดเหรียญเจาะกลุ่มลูกค้าระดับกลางถึงล่าง ทำเลส่วนใหญ่เน้นย่านชุมชน ตลาดสดขนาดใหญ่ และสถานีบริการน้ำมัน โดยชูจุดขายเรื่องความเป็นมืออาชีพมากขึ้น คุณภาพ ในราคาไม่แพงกว่าคู่แข่ง

ที่น่าสนใจ คือ ยุทธศาสตร์ขั้นต่อไป การสร้าง “ฮับ” เพื่อขยายเครือข่ายทั่วประเทศ โดยสร้างโรงงานซักรีดซักแห้งเป็นจุดเชื่อมต่อกับร้านสาขาต่างๆ เพื่อตัดต้นทุนต่างๆ และลดระยะทางการขนส่ง ซึ่งบริษัทเริ่มทำเทสต์รันฮับที่โคราช และคาดว่าจะเริ่มเปิดตัว “ฮับ” ได้ภายในปี 2564 หรืออย่างช้าปี 2565

แน่นอนว่า สงครามซักรีดไม่ใช่สมรภูมิธรรมดา ธรรมดา อีกต่อไปแล้ว

8 ทศวรรษ “กัญจนาภรณ์” รุ่นที่ 3
สานต่อห้างซักแห้งแห่งแรกในไทย

กิจจา กัญจนาภรณ์ ตัดสินใจเดินทางไปนครเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ศึกษาวิธีการซักแห้ง จนกระทั่งกลับมาเปิดกิจการร้านซักแห้งภายใต้ชื่อ “ซินไฉฮั้ว” แห่งแรก ย่านวัดเล่งเน่ยยี่ เมื่อปี 2477

สำหรับคำว่า “ซินไฉฮั้ว” มาจากภาษาจีนแต้จิ๋ว “ซิน” แปลว่า ใหม่ “ไฉ” แปลว่า สีสัน “ฮั้ว” แปลว่า ความเจริญรุ่งเรือง สะท้อนชัดเจนถึงการเติบโตของกิจการยาวนานมากกว่า 8 ทศวรรษ สืบทอดสู่ทายาทรุ่นที่ 2 คือ พิพัฒน์ และทัศนา กัญจนาภรณ์ ฝ่าฟันทุกมรสุมเศรษฐกิจสู่ทายาทรุ่นที่ 3 ยุคปัจจุบัน 4 หัวเรือใหญ่ ปิยะพล เอกพล ปรัชพล และศิวพล กัญจนาภรณ์

เส้นทางธุรกิจกว่า 86 ปี ซินไฉฮั้วเปิดโรงงานซักรีดซักแห้งและสำนักงานใหญ่ที่ถนนพัฒนาการ เพื่อรองรับกิจการทั้งกลุ่มลูกค้าทั่วไปและกลุ่มลูกค้าองค์กร

ต่อมา ทุ่มเงินลงทุนนำเข้าเครื่องซักแห้งจากเยอรมนีเครื่องแรกของเมืองไทยเมื่อ 40 กว่าปีก่อน ขยายกำลังการผลิตสู่ธุรกิจฟอก-ย้อม ธุรกิจตัดเย็บเสื้อผ้า และใช้รถตู้ที่มีชื่อ ซินไฉฮั้ว ติดด้านข้างตัวรถ รับ-ส่งเสื้อผ้าระหว่างสาขา เพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์ “ซินไฉฮั้ว” รวมถึงโฆษณาผ่านสื่อวิทยุและขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง

ปิยะพล กัญจนาภรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซินไฉฮั้วอุตสาหกรรม จำกัด กล่าวว่า ซินไฉฮั้วมีทิศทางการดำเนินธุรกิจโดยให้ความสำคัญกลุ่มธุรกิจ B2C และ B2B พร้อมทั้งปรับการบริหารองค์กรจาก Family Management เป็นแบบ Modern Management ปรับภาพลักษณ์แบรนด์เป็น Brand Modernization ผสมผสานระหว่างองค์ความรู้เดิมกับองค์ความรู้ใหม่จากสถาบัน Dry Cleaning & Laundry สหรัฐอเมริกา เพื่อพัฒนาองค์ความรู้เทียบเท่ามาตรฐานยุโรปและอเมริกา รวมถึงนวัตกรรมใหม่ๆ ทั้งเครื่องจักรและเทคโนโลยี เพื่อรองรับกับธุรกิจและสาขาที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง

ใส่ความเห็น