ขณะที่การแพร่ระบาดของเชื้อ Covid-19 ในหลายประเทศทั่วโลกกำลังเข้าสู่ช่วงวิกฤต ภายใต้สถานการณ์วิกฤตนี้เองที่เป็นเครื่องพิสูจน์ศักยภาพการรับมือของภาครัฐและประชาชนในประเทศนั้นๆ
นอกจากนี้ ยังเป็นบททดสอบว่าประชาชนที่กลับจากประเทศกลุ่มเสี่ยงมีความรับผิดชอบต่อตัวเองและสังคมมากน้อยเพียงใด โดยเฉพาะในกรณี “ผีน้อย” คำเรียกกลุ่มผู้หลบหนีเข้าประเทศเกาหลีเพื่อไปทำงานอย่างผิดกฎหมาย และกำลังถูกส่งตัวกลับมายังประเทศบ้านเกิด แต่กลับเพิกเฉยต่อสำนึกที่ควรมีต่อผู้คนในสังคม
ช่วงเวลากว่าผู้ที่ได้รับเชื้อไวรัส Covid-19 จะแสดงอาการคือ 14 วัน เป็นเหตุให้สาธารณสุขของไทยแนะนำว่า ผู้ที่กลับจากประเทศกลุ่มเสี่ยงต้องกักตัวเองอยู่แต่ในบ้าน เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อในกรณีที่ยังไม่แสดงอาการ
หลายคนอาจรู้สึกเบื่อหน่ายเมื่อเห็นจำนวนวันที่ต้องขังตัวเองอยู่แต่ในบ้านตลอดระยะเวลา 14 วัน ว่าช่วงเวลาดังกล่าวจะหากิจกรรมอะไรดี นอกจากกินและนอน ผู้จัดการ 360 องศา ขอแนะนำกิจกรรมสร้างสรรค์และก่อให้เกิดประโยชน์ต่อร่างกายและจิตใจในช่วงเวลาวิกฤตนี้
14 วันของผู้รับผิดชอบต่อสังคม
1. อ่านหนังสือ เริ่มด้วยกิจกรรมที่ง่ายที่สุดและไม่ต้องเหนื่อยแรง แต่ยังได้ทั้งความสนุก เพลิดเพลิน สาระ ความรู้ หาหนังสือสักกอง ไม่ว่าจะเป็นหนังสือเก่า หนังสือใหม่ กองดองที่ซื้อสะสมไว้จากงานสัปดาห์หนังสือ งานมหกรรมหนังสือ ช่วงเวลานี้เป็นโอกาสดีที่จะได้ให้เวลากับตัวเองจัดการกับหนังสือเหล่านี้ ไม่แน่ว่า ช่วงเวลาที่กักตัวเองและอ่านหนังสือทั้งหมดที่มี คุณอาจจะกลายเป็นนักรีวิวหนังสือหน้าใหม่เลยก็ได้
2. ทำความสะอาดและจัดระเบียบบ้าน หลายคนมักมีข้ออ้างในการปล่อยปละละเลยให้บ้านรกว่า “ไม่มีเวลา” “กลับมาจากทำงานอยากพัก” โอกาสมาแล้วค่ะ เวลา 14 วันเหลือเฟือ ใช้เวลานี้เคลียร์ทีละห้อง ข้าวของเครื่องใช้อะไรไม่ใช้ไม่จำเป็น หรือของใช้ที่พังแล้ว กำจัดทิ้งเลยค่ะ นอกจากจะเป็นการทำความสะอาดบ้านแล้ว ยังได้พื้นที่ใช้สอยภายในบ้านเพิ่มขึ้นด้วย
3. ออกกำลังกาย อีกหนึ่งกิจกรรมสุดเริ่ด ที่นอกจากจะช่วยให้สุขภาพแข็งแรงห่างไกลโรคภัยแล้ว ยังได้หุ่นดีๆ ฟิตแอนด์เฟิร์มอีกด้วย ในเมื่อเรามีเวลาถึง 14 วัน แบ่งมาออกกำลังกายสัก 10 วัน รับรองว่า ต่อให้คุณไม่เคยออกกำลังกายมาก่อน หลังพ้นช่วงเวลานี้ไป คุณอาจจะติดใจและหันมาออกกำลังกายอย่างจริงจังเลยก็ได้ และการออกกำลังกายใครว่าต้องทำในฟิตเนสเท่านั้น ในบ้าน หรือในห้องนอน ห้องไหนๆ ก็ทำได้ แค่ใจสู้ ร่างกายพร้อมเสียอย่าง คุณอาจเริ่มต้นด้วยการค้นหาท่าทางการออกกำลังกายจาก Youtube แล้วเริ่มทำตามวิดิโอสำหรับผู้เริ่มต้น เริ่มจากท่าง่ายๆ ไม่เหนื่อยมาก และในคลิปส่วนใหญ่จะมีเพลงประกอบช่วยให้เราไม่เบื่อ แถมมีคำพูดกระตุ้นเราอยู่ตลอดจากเทรนเนอร์ในคลิป แค่นี้เชื้อโรคไม่มาใกล้คุณแน่
4. นั่งสมาธิ ช่วงเวลาที่โลกกำลังเผชิญกับวิกฤตในหลายๆ ด้าน บางครั้งการได้อยู่กับตัวเองตั้งสมาธิกำหนดจิตใจตัวเอง น่าจะช่วยให้จิตใจของเราเข้มแข็งขึ้น และการนั่งสมาธิจะทำให้สมองห่างไกลจากเรื่องวุ่นวายในช่วงเวลาหนึ่ง ทำให้มีสติดีขึ้น เมื่อพบเจอกับปัญหานานาประการ จิตใจที่แข็งแกร่งจะช่วยให้ฝ่าฟันอุปสรรคขวากหนามที่เข้ามาในอนาคตได้ แค่วันละ 5-10 นาที อาจจะทำให้คุณกล้าแกร่งพร้อมรับมือกับทุกสิ่งที่จะเผชิญหลังหมดเวลากักตัว 14 วัน
5. ติดตามข่าวสารอย่างมีสติ ยิ่งช่วงเวลานี้ที่โลกออนไลน์มีข่าวสารเสิร์ฟถึงมือเราตั้งแต่บนเตียง อาจทำให้เราตื่นตระหนกและหวั่นไหวกับความเคลื่อนไหวรอบตัวได้ง่าย จนขาดการวิเคราะห์และตรึกตรองอย่างถี่ถ้วน ช่วงเวลา 14 วันที่ได้อยู่กับตัวเอง น่าจะเป็นการดีที่ทำให้เราใช้เวลาบนโลกโซเชียลด้วยความระมัดระวัง ทั้งการโพสต์ การแชร์ การคอมเมนต์ ปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไปด้วยความเนิบนาบ ช้าลงอีกสักจังหวะ เราอาจจะกลายเป็นคนที่อ่านและติดดามข่าวสารได้อย่างครบถ้วนรอบด้าน และมีเวลาตรวจสอบว่าข่าวใด ข้อความใด หรือโพสต์ใดเป็นเรื่องเท็จ เรื่องจริง ก่อนที่จะแชร์ไปบนโลกออนไลน์
6. ทำงาน แม้ว่าจะถูกกักตัวอยู่แต่ภายในที่พักเป็นเวลา 14 วัน อาจทำให้บางคนไม่สามารถไปทำงานหรือเดินทางเข้าออฟฟิศได้ แต่หากเป็นงานที่สามารถทำที่บ้านได้คงเป็นการดีเพราะการทำงานที่บ้านของตัวเองที่เงียบสงบ อาจช่วยให้เราทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น จนถึงขั้นว่าทำงานที่บ้านงานอาจเดินมากกว่าทำงานที่ออฟฟิศก็ได้
7. ฝึกความคิดด้านบวก ต้องยอมรับว่าโลกออนไลน์อาจทำให้หลายคนมีความคิดรุนแรงมากขึ้น รวมไปถึงความคิดแง่ลบอาจมีเพิ่มขึ้นจากการเสพข้อมูลข่าวสารบนโลกออนไลน์ ในช่วงเวลาที่กักตัวเอง 14 วัน ใช้เวลาเสพข่าวสารให้น้อยลง อยู่กับตัวเอง เลิกวิ่งตามอารมณ์ที่อยู่บนกระแสสังคม เพราะเมื่อเราปล่อยให้เรื่องราวที่ถูกแชร์บนโลกออนไลน์จางลงไปแล้ว น่าจะช่วยให้เรามองโลกด้วยอารมณ์ที่เป็นกลางมากขึ้นและนำเรื่องราวมาวิเคราะห์ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้น เกิดเพราะอะไร และมีปัจจัยใดเป็นต้นเหตุ อีกทั้งการฝึกเป็นคนมีความคิดด้านบวกจะช่วยให้เรากลายเป็นบุคคลที่น่าเข้าหามากกว่าคนที่มีความคิดด้านลบตลอดเวลา
เพียงแค่นี้ เราก็ใช้เวลา 14 วันให้หมดไปอย่างมีประโยชน์ทั้งต่อตัวเองและต่อบุคคลอื่นในสังคม เพราะเราต้องอยู่ในสังคมใหญ่ การคิดถึงประโยชน์ส่วนรวมมีความจำเป็นอย่างยิ่งในการใช้ชีวิตอยู่ในสังคมนี้ได้อย่างเป็นสุข