ท่ามกลางโลกที่พัฒนาและทุกอย่างหมุนเวียนเปลี่ยนผ่านไปด้วยความรวดเร็ว จึงไม่น่าแปลกใจที่มนุษย์จะประสบกับสภาวะความตึงเครียด ทั้งจากสภาพสังคม เศรษฐกิจ การเมือง ผู้คนจำนวนไม่น้อยที่ไม่อาจฝ่าฟันความเครียดที่ประสบได้ อาจส่งผลกระทบต่อจิตใจและร่างกาย
การบำบัดความเครียดจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ผู้คนเลือกใช้ เพื่อปลดปล่อยตัวเองจากสภาวการณ์ดังกล่าว การนวด การทำสปา เป็นตัวเลือกที่หลายคนให้ความนิยม นอกจากจะเป็นการผ่อนคลายจิตใจแล้ว ยังทำให้ร่างกายได้รับการดูแลอีกทาง
แต่ใครจะรู้ นอกจากการบำบัดจากมนุษย์ด้วยกันแล้ว สัตว์เลี้ยงสี่ขาหน้าขน ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีที่จะทำให้มนุษย์พ้นไปจากสภาวะความเครียดได้เช่นกัน
แม้สุนัขจะเป็นสัตว์เลี้ยงที่หลายคนให้คำนิยามว่าเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของมนุษย์ และเป็นนักบำบัดความเครียดชั้นดี แต่ใครจะคาดคิดว่า แมวเหมียวสัตว์ที่มีความเป็นตัวเองสูงจะเป็นนักบำบัดความเครียดของคนได้ดีไม่แพ้กัน
Purr Purr เสียงที่เกิดจากการสั่นสะเทือนในลำคอของแมวยามที่เจ้าเหมียวผ่อนคลายอารมณ์ และเสียง Purr นี่เองที่มีผลให้จิตใจของเหล่าทาสแมวได้หายเครียดได้เช่นกัน
นพ. ทวีศักดิ์ สิริรัตน์เรขา จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น ให้ความเห็นเกี่ยวกับแมวบำบัดไว้ในเว็บไซต์ ศูนย์วิชาการ แฮปปี้โฮม ว่า การนำแมวมาช่วยในการบำบัด ดูเหมือนจะยิ่งไม่คุ้นหูเลย แต่มีการนำมาใช้ในการบำบัดเช่นกัน สามารถช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดได้เป็นอย่างดี
แมวเป็นสัตว์เลี้ยงที่มีความอยากรู้อยากเห็นสูงมาก และยังเป็นสัตว์ที่มีจิตวิทยาสูงอีกด้วย รับรู้สัมผัสอารมณ์ความรู้สึกของคนได้ดี รู้ว่าเจ้าของต้องการความช่วยเหลือเมื่อไหร่ สามารถเตือนภัยแผ่นดินไหวและภัยธรรมชาติต่างๆ และกล่าวกันว่าสามารถเตือนภัยให้กับเจ้าของได้อีกด้วย
แมวที่นำมาใช้บำบัดต้องคัดเลือกกันพอสมควร ควรเป็นแมวที่น่ารักขนสวย มีเสน่ห์ดึงดูดได้ดี เชื่อง เลี้ยงง่าย มีลักษณะนิสัยที่สงบไม่ตกใจง่าย ทนต่อสิ่งกระตุ้นที่ผิดแปลกได้ดีทั้งสิ่งที่มองเห็นและเสียงที่ได้ยิน แต่ยังไม่มีงานวิจัยสนับสนุนในเรื่องนี้
นอกจากนี้ ยังมีการศึกษาวิจัยมาแล้วหลายครั้งจนได้ข้อสรุปที่น่าพอใจของเหล่าทาสแมวว่า เสียงครางของแมวหรือเสียง Purr ช่วยบรรเทาอาการกระดูกหัก ช่วยฟื้นฟูกล้ามเนื้อ และช่วยบรรเทาอาการหายใจติดขัดของแมวได้
ที่พิเศษไปกว่านั้น นักวิทยาศาสตร์บอกว่า เสียง Purr ของแมวจะช่วยทำให้มนุษย์รู้สึกผ่อนคลายเมื่อได้ยิน เพราะจากผลการวิจัยของ Dr.June McNicholas พบว่าคนเลี้ยงแมวจะมีความเครียดน้อยที่สุด เนื่องจากเสียงครางของแมวมีคุณสมบัติในการช่วยลดความตึงเครียดของมนุษย์ได้ รองลงมาคือคนที่เลี้ยงสุนัข ส่วนคนที่ไม่ได้เลี้ยงอะไรเลยมีโอกาสที่จะเครียดมากที่สุด เพราะไม่มีโอกาสได้สัมผัสถึงเสียงครางของสัตว์เลย
และไม่ใช่แค่เสียงครางของแมวเท่านั้นที่ส่งผลต่อจิตใจมนุษย์ การที่เราได้สัมผัสหรือลูบไปบนขนแมวยังช่วยให้เราได้ผ่อนคลายความเครียด รวมไปถึงอาการบาดเจ็บของบางคนที่ต้องมีการฝึกกล้ามเนื้อมืออีกด้วย
ไม่ได้มีแต่ทาสแมวเท่านั้นที่เข้าใจและยอมรับว่า การเลี้ยงแมวหรือการมีแมวเข้ามาคลอเคลียจะช่วยให้เราสามารถผ่อนคลายจากความเครียดได้ เพราะมีบริษัทแห่งหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น ที่เชื่อว่าแมวช่วยให้พนักงานของเขาผ่อนคลายความเครียดได้
จึงอนุญาตให้พนักงานสามารถเอาแมวไปเลี้ยงที่ออฟฟิศในเวลางานได้ นอกจากนี้ ผู้บริหารบริษัทยังจัดตั้งงบประมาณราว 2,000 บาท ไว้ให้พนักงานที่ต้องการรับแมวจากสถานสงเคราะห์สัตว์มาเลี้ยงด้วย
พนักงานบริษัทแห่งนี้ให้ความเห็นว่า “แมวที่เชื่องและเป็นมิตรช่วยให้พวกเขารู้สึกผ่อนคลายความเครียดจากการทำงาน แต่ขณะเดียวกันการปล่อยให้เจ้าเหมียวสามารถเดินไปมาภายในสำนักงานได้อย่างอิสระนั้นก็สร้างความปวดหัวอยู่ไม่น้อย เพราะแมวมักชอบเดินเหยียบย่ำไปบนโต๊ะทำงาน แป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์ และบางครั้งยังปิดคอมพิวเตอร์ด้วย”
แม้จะยังไม่มีงานวิจัยยืนยันว่า สัตว์เลี้ยงสามารถบำบัดความเศร้า หรือความเครียดได้ แต่ในหมู่ของคนที่เลี้ยงสัตว์ เชื่อว่า การให้ความรัก การดูแลเหล่าสัตว์สี่เท้าจะทำให้คนเลี้ยงเข้าใกล้ความสุขได้แล้ว และสัตว์เลี้ยงก็จัดว่าเป็นกลุ่มผู้ให้ความรักโดยไม่มีเงื่อนไขแก่เจ้าของเช่นกัน.
อ้างอิงที่มา: https://www.readhowl.com/2019/07/18/cat-therapy/
https://www.happyhomeclinic.com/alt16-cattherapy.htm