วันอังคาร, ธันวาคม 3, 2024
Home > On Globalization > ความเท่าเทียมทางเพศในอวกาศยังมีอยู่หรือไม่

ความเท่าเทียมทางเพศในอวกาศยังมีอยู่หรือไม่

Column: Women in wonderland

นักบินอวกาศเป็นอาชีพที่หลายคนใฝ่ฝัน แต่การจะเป็นนักบินอวกาศว่ายากแล้วการเป็นนักบินอวกาศหญิงยากยิ่งกว่า

วันที่ 28 มีนาคม 2019 องค์การ National Aeronautics and Space Administration หรือ NASA ประกาศยกเลิกการเดินในอวกาศโดยนักบินอวกาศหญิงทั้งหมดเป็นครั้งแรก NASA เคยประกาศว่าวันศุกร์ที่ 29 มีนาคม 2019 จะมีการเดินในอวกาศโดยนักบินอวกาศหญิง และครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกที่เป็นนักบินอวกาศหญิงล้วน ทำให้ประชาชนทั่วโลกตื่นเต้น รวมถึงนักสิทธิสตรีที่รู้สึกยินดีที่ผู้หญิงจะได้แสดงศักยภาพให้ทุกคนได้เห็น

กว่าจะมาเป็นนักบินอวกาศหญิงนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย อาชีพนักบินอวกาศเป็นอาชีพหนึ่งที่ถูกมองว่าเป็นอาชีพของผู้ชายและไม่เหมาะกับผู้หญิง นักบินอวกาศของ NASA ส่วนใหญ่จะเป็นทหารมากกว่าบุคคลทั่วไป เนื่องจากต้องมีร่างกายที่แข็งแรงมาก และต้องผ่านการฝึกมากมาย ทำให้บุคคลส่วนใหญ่ที่ผ่านการคัดเลือกเป็นอดีตทหารมากกว่าคนที่ประกอบอาชีพอื่น ดังนั้น ผู้หญิงที่สามารถผ่านการฝึกและเข้าไปเป็นนักบินอวกาศได้จึงมีน้อยมาก

NASA กำหนดคุณสมบัติของผู้สมัครไว้ว่าจะต้องเป็นคนที่ถือสัญชาติอเมริกัน และเรียนจบในสาขาวิศวกรรม วิทยาศาสตร์ชีวภาพ วิทยาศาสตร์กายภาพ หรือคณิตศาสตร์เท่านั้น สาขาอื่นที่ถือว่าเป็นสาขาใกล้เคียงไม่สามารถที่จะสมัครได้ และยังต้องมีประสบการณ์ทำงานที่เกี่ยวข้องกับสายงานที่เรียนจบมาอย่างน้อย 3 ปี หรือมีชั่วโมงการบินในเครื่องบินเจ็ตอย่างน้อย 1,000 ชั่วโมง ที่สำคัญจะต้องมีค่าสายตาปกติ มีความดันไม่เกิน 140/90 และมีความสูงระหว่าง 157.5–190.5 เซนติเมตร

ถึงแม้จะมีคุณสมบัติครบถ้วน NASA ก็จะคัดเลือกเพียงแค่ผู้สมัครที่น่าสนใจให้เข้ามาตรวจร่างกาย และสอบสัมภาษณ์ หากได้รับเลือกให้เข้าไปทำงานใน NASA ผู้ที่ผ่านการคัดเลือกทุกคนจะต้องถูกส่งไปฝึกเป็นเวลา 2–3 ปี ที่ Johnson Space Center โดยจะได้รับการฝึกฝนร่างกายให้แข็งแรง การฝึกเอาชีวิตรอดจากในน้ำ ต้องว่ายน้ำในสระ 25 เมตร ให้ได้ 3 รอบติดต่อกันโดยไม่หยุดพัก โดยใส่ชุดนักบินอวกาศและรองเท้าเทนนิส นอกจากนี้ยังต้องเรียนรู้ข้อมูลสำคัญต่างๆ เกี่ยวกับการไปอวกาศ

ก่อนการอบรมจะสิ้นสุดผู้เข้ารับการอบรมทุกคนจะต้องผ่านการทดสอบระบบต่างๆ ในสถานีอวกาศนานาชาติ (International Space Station หรือเรียกสั้นๆ ว่า ISS) เนื่องจากในปัจจุบันนักบินอวกาศจากประเทศต่างๆ จะทำงานร่วมกันที่สถานีอวกาศนานาชาติ มีการสร้างพาหนะใหม่ๆ สร้างยานสำรวจอวกาศ และทำงานวิจัยและทดลองต่างๆ ดังนั้น นักบินอวกาศรุ่นหลังๆ จึงต้องได้รับการฝึกฝนและมีความรู้เกี่ยวกับระบบต่างๆ ของสถานีอวกาศนานาชาติ นอกจากจะต้องผ่านการทดสอบความรู้เกี่ยวกับสถานีอวกาศนานาชาติแล้ว ยังต้องทดสอบการทำภารกิจนอกยาน ทักษะด้านหุ่นยนต์ การใช้ภาษารัสเซีย และความรู้ด้านเครื่องยนต์ต่างๆในเครื่องบิน

แม้จะผ่านการทดสอบที่กล่าวมา ก็ไม่ได้หมายความว่าจะได้เป็นนักบินอวกาศ ซึ่งหากไม่ได้รับคัดเลือกให้เป็นนักบินอวกาศ ก็จะได้รับโอกาสทำงานในองค์กร NASA แทน

จะเห็นได้ว่าขั้นตอนการพิจารณา การฝึกฝน และการทดสอบต่างๆ นั้นไม่ง่ายเลยกว่าที่จะเป็นนักบินอวกาศได้นั้นต้องผ่านการฝึกร่างกายและมีความรู้ในด้านต่างๆ เป็นอย่างดี ดังนั้น ในแต่ละครั้งที่ NASA เปิดรับสมัครจึงมีผู้ผ่านการคัดเลือกเพียงแค่ไม่กี่คน ยกตัวอย่างเช่น ในปี 2017 มีผู้มาสมัครทั้งหมด 18,300 คน แต่ที่ผ่านการคัดเลือกเพียงแค่ 8 –10 คนเท่านั้น

ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1959 NASA ขอให้กองทัพคัดเลือกผู้ที่จะมาเป็นนักบินอวกาศ และมีเพียงแค่ 7 คนเท่านั้นที่ผ่านการคัดเลือก ตอนนี้ผ่านมา 60 ปี มีชาวอเมริกันเพียง 338 คนเท่านั้นที่ผ่านการคัดเลือกจาก NASA และแน่นอนว่าในจำนวน 338 คนนี้มีผู้หญิงที่ผ่านการคัดเลือกด้วยเช่นกัน ถึงแม้ว่าจะมีจำนวนน้อยมากก็ตาม และส่วนใหญ่จะเป็นทหารหญิง

แน่นอนว่าเมื่อ NASA ประกาศว่า วันศุกร์ที่ 29 มีนาคม 2019 จะมีการเดินในอวกาศโดยนักบินอวกาศหญิง และเป็นครั้งแรกที่เป็นนักบินอวกาศหญิงล้วน ทำให้ผู้คนสนใจและรอติดตามดู เนื่องจากปกติแล้วในการเดินในอวกาศ นักบินอวกาศหญิงจะออกไปเดินในอวกาศโดยมีนักบินอวกาศชายประกบด้วยเสมอ นี่จึงถือว่าเป็นครั้งแรกที่นักบินอวกาศหญิง 2 คนจะออกไปเดินในอวกาศโดยไม่มีนักบินอวกาศชายคอยตามประกบ

แต่การเดินในอวกาศครั้งนี้ถูกยกเลิกเพียงเพราะ NASA มีชุดนักบินอวกาศสำหรับการเดินในอวกาศไม่พอ NASA อธิบายว่าตามปกติการเดินในอวกาศจะเดินกันเป็นคู่ ดังนั้น ในสถานีอวกาศนานาชาติจึงมีชุดสำหรับการเดินในอวกาศเพียงแค่สองชุดเท่านั้น หนึ่งชุดเป็นไซส์ M และอีกหนึ่งชุดเป็นไซส์ L นักบินอวกาศ Anne McClain และ Christina Koch เป็นนักบินอวกาศหญิง ทำให้พวกเธอจะต้องใส่ชุดไซส์ M ในการเดินในอวกาศ ซึ่งเป็นชุดที่มีขนาดเล็กที่สุดที่ NASA มีให้

ในตอนที่ยังอยู่ที่โลก Anne McClain ได้ทำการฝึกทั้งในชุดไซส์ M และ L แต่เมื่อเธอได้ออกไปเดินในอวกาศเมื่ออาทิตย์ก่อน เธอก็ค้นพบว่าชุดไซส์ M นั้นพอดีสำหรับเธอ และเธอไม่ต้องการใส่ชุดไซส์ L ออกไปเดินในอวกาศ เรื่องนี้ทำให้ NASA ต้องออกมาประกาศยกเลิก เพราะบนสถานีอวกาศนานาชาติมีเพียงชุดไซส์ M และไซส์ L เพียงแค่อย่างละชุดที่พร้อมใช้งาน NASA อธิบายเพิ่มเติมว่า ปกติแล้วบนสถานีอวกาศนานาชาติจะมีชุดไซส์ M สองชุด ไซส์ L สองชุด และไซส์ XL อีกสองชุด แต่มีชุดที่พร้อมใช้งานเพียงแค่สองชุด ส่วนชุดที่เหลือจะต้องใช้เวลาในการประกอบและตรวจสอบการทำงาน ทำให้ไม่มีชุดไซส์ M อีกชุดให้ Anne McClain ใส่ในวันศุกร์ที่ 29 มีนาคม ดังนั้นภารกิจในการเดินในอวกาศของนักบินอวกาศหญิงล้วนจึงต้องถูกยกเลิกไป ซึ่งการยกเลิกภารกิจในครั้งนี้นั้นง่ายกว่าการที่ต้องมาประกอบชุดใหม่อีกเป็นเวลาหลายวัน รวมถึงเพื่อความปลอดภัยของ Anne McClain เองด้วย

NASA อธิบายเพิ่มเติมว่า การยกเลิกภารกิจในครั้งนี้ไม่ใช่การเหยียดเพศหรือการเลือกปฏิบัติ หากแต่เป็นเหตุสุดวิสัยที่ทำให้ต้องยกเลิกภารกิจ และแน่นอนว่าการให้ผู้หญิงล้วนออกไปเดินในอวกาศจะมีขึ้นแน่นอนในอนาคต เพราะปัจจุบัน NASA เริ่มมีจำนวนนักบินอวกาศหญิงเพิ่มขึ้นมากกว่าเมื่อก่อน เพียงแต่ไม่รู้ว่าเหตุการณ์นี้จะได้เกิดขึ้นเมื่อไร

แม้ว่าจะทราบกันดีว่าอาชีพนักบินอวกาศเป็นอาชีพที่ถูกมองว่าไม่เหมาะสำหรับผู้หญิง แต่เมื่อ NASA รับผู้หญิงเข้าไปเป็นนักบินอวกาศจำนวนไม่น้อย ก็ควรที่จะผลิตหรือจัดทำชุดนักบินอวกาศสำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะได้แล้ว เพราะการที่ผู้หญิงสองคนจะได้เดินในอวกาศด้วยกันเป็นครั้งแรก ถือเป็นการรอคอยหลายทศวรรษที่จะเห็นความเท่าเทียมกันทางเพศในอวกาศ และยังเป็นการเสริมสร้างความฝันให้กับเด็กหญิงอีกหลายคนที่อยากจะเป็นนักบินอวกาศในอนาคต

การยกเลิกภารกิจทำให้หลายคนรู้สึกว่า ความเท่าเทียมกันในอวกาศนั้นกำลังลดลง เริ่มจากไม่มีชุดสำหรับนักบินอวกาศหญิงโดยเฉพาะ ทำให้ผู้หญิงต้องปรับตัวกับการใช้อุปกรณ์ต่างๆ ที่เป็นขนาดของผู้ชาย ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลย โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในอวกาศที่ชีวิตมีความเสี่ยงตลอดเวลา

นอกจากนี้ เทียบจำนวนนักบินอวกาศชายและหญิง ก็จะเห็นว่านักบินอวกาศหญิงมีจำนวนน้อย ระหว่างปี 1970–1979 ทั่วโลกมีนักบินอวกาศหญิงเพียงแค่ 8% เท่านั้น และตั้งแต่ปี 2010–2019 มีนักบินอวกาศหญิงทั่วโลก เพิ่มขึ้นเป็น 31.5% ซึ่ง NASA มีนักบินอวกาศหญิงเพียงแค่ 14.7% เท่านั้น ซึ่งน้อยกว่าสัดส่วนของนักบินอวกาศหญิงของแคนาดาและญี่ปุ่น

ทั้งที่ NASA เป็นองค์กรใหญ่ที่มีชื่อเสียงด้านอวกาศ แต่มีจำนวนนักบินอวกาศหญิงน้อย ดังนั้น NASA ควรที่จะส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศในการรับคนเข้าทำงาน และมีลูกจ้างที่มีสัดส่วนของผู้หญิงและผู้ชายใกล้เคียงกัน เพื่อส่งเสริมความเท่าเทียมกันทางเพศในที่ทำงานและในอวกาศ

การเพิ่มจำนวนนักบินอวกาศหญิงไม่ใช่เพียงแค่ส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศเท่านั้น แต่ยังช่วยให้งานทางวิทยาศาสตร์ประสบความสำเร็จ เพราะการมีผู้หญิงมาช่วยคิดในการทำงาน บางครั้งเกิดการคิดนอกกรอบ และทำให้งานประสบความสำเร็จ ศาสตราจารย์ Kelly Johnson ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับอวกาศในมหาวิทยาลัย Virginia อธิบายเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า การประสบความสำเร็จและความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์นั้น จำเป็นต้องมีคนทำงานที่มาจากหลากหลายที่ หลากหลายความคิด และหลากหลายประสบการณ์ เพื่อช่วยกันคิดทางทางออกที่เป็นนวัตกรรม

ศาสตราจารย์ Kelly Johnson ยังให้ข้อเสนอแนะเพิ่มเติมว่า การทำงานในอวกาศต้องการคนที่มีทักษะในการจัดการหลายๆ อย่างพร้อมกัน รวมถึงต้องการคนที่สามารถทำหน้าที่ได้หลากหลาย ดังนั้น NASA น่าจะได้ประโยชน์หากจ้างงานผู้หญิงเพิ่มมากขึ้น เพราะผู้ชายอาจจะเก่งในเรื่องเทคนิคต่างๆ และมีความรู้ในด้านต่างๆ เป็นอย่างดี (Hard Skills) แต่ผู้หญิงก็มีทักษะด้านสังคม (Soft Skills) อย่างเช่นการติดต่อสื่อสารและการมองโลกในแง่ดี ซึ่งนี่จะทำให้ภารกิจที่ได้รับมอบหมายให้ไปทำในอวกาศสำเร็จลุล่วง หากนักบินอวกาศหญิงและชายทำงานร่วมกันและช่วยกันคิด

ดังนั้น จะเห็นได้ว่าการมีจำนวนผู้หญิงและผู้ชายในสถานที่ทำงาน โดยเฉพาะในงานที่ถูกมองว่าไม่เหมาะสำหรับผู้หญิงนั้น ไม่ได้มีประโยชน์เพียงแค่เป็นการส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศในที่ทำงานเท่านั้น หากแต่การทำงานร่วมกันระหว่างผู้หญิงกับผู้ชายไม่ว่าอาชีพใดก็ตาม ก็จะทำให้งานนั้นประสบความสำเร็จและอาจจะมีแนวคิดอะไรใหม่ๆ จากการทำงานร่วมกันอีกด้วย

ขณะเดียวกัน NASA ควรจะเริ่มสร้างชุดสำหรับนักบินอวกาศหญิงโดยเฉพาะ เพราะในอนาคตน่าจะมีจำนวนนักบินอวกาศหญิงเพิ่มขึ้น และหวังจะได้เห็นการเดินในอวกาศของนักบินอวกาศหญิงล้วนในเร็ววันนี้
Photo Credit: https://www.freeimages.com/photo/astronaut-full-1432989

ใส่ความเห็น