ล่าสุด เครือกรุงเทพดุสิตเวชการหรือ BDMS ซุ่มวางแผนเปิดตัวโรงแรม Movenpick BDMS Wellness Resort Bangkok รีสอร์ตเพื่อสุขภาพใจกลางกรุงเทพฯ ภายในไตรมาส 2 นี้ เพื่อต่อยอดโปรเจกต์ BDMS Wellness Clinic บนเนื้อที่ 15 ไร่ บริเวณโครงการปาร์คนายเลิศเก่า ซึ่งนายแพทย์ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ ประธานคณะผู้บริหารและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ BDMS ทุ่มเม็ดเงินกว่า 10,800 ล้านบาท ซื้อที่ดินจากกลุ่มตระกูลสมบัติศิริ เมื่อ 3 ปีก่อน
แน่นอนว่า หลายคนในวงการธุรกิจต้องจับจ้องความเคลื่อนไหวและการเปลี่ยนแปลงภายใน BDMS เนื่องจากเจอวิกฤตหลายระลอก โดยเฉพาะกรณีสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ส่งหนังสือแจ้งไปยังนายแพทย์ปราเสริฐ พร้อมแพทย์หญิงปรมาภรณ์ ปราสาททองโอสถ หรือ “หมอปุย” ลูกสาวคนที่สาม และนางนฤมล ใจหนักแน่น เลขานุการสำนักประธานคณะผู้บริหารเมื่อวันที่ 18 มกราคม 2562 ระบุความผิดฐานร่วมกันซื้อขายหุ้นบริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BA โดยจับคู่ซื้อขายระหว่างกันในลักษณะอำพราง ระหว่างวันที่ 13 พ.ย. 2558 ถึงวันที่ 12 ม.ค. 2559 ทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจผิดเกี่ยวกับราคาและปริมาณการซื้อขายหุ้น
ก.ล.ต. จึงดำเนินการลงโทษทางแพ่ง สั่งปรับผู้ร่วมกระทำผิดทั้ง 3 ราย เป็นเงิน 499.45 ล้านบาท รวมทั้งสั่งห้ามเป็นกรรมการและผู้บริหารของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียน โดยบุคคลทั้ง 3 สามารถเข้าสู่กระบวนการสู้คดีในชั้นของอัยการต่อไปได้
กระทั่งวันที่ 21 มกราคม ทั้ง 3 คน แจ้งการลาออกจากการเป็นคณะกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงาน ใน 2 บริษัทจดทะเบียน โดย นพ.ปราเสริฐลาออกจากตำแหน่งกรรมการและผู้บริหารของทั้ง BA และ BDMS
ส่วน พญ.ปรมาภรณ์ลาออกจากตำแหน่งกรรมการและผู้บริหารของ BDMS ขณะที่นางนฤมล ใจหนักแน่น ลาออกจากเลขานุการสำนักประธานคณะผู้บริหาร BA มีผลทันทีในวันเดียวกัน
23 มกราคม 2562 กลุ่ม BDMS แจ้งว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท มีมติแต่งตั้งให้ นางนฤมล น้อยอ่ำ ดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัท รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ กรรมการบริหาร โดยยังคงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน และแต่งตั้ง นายพุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ ดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัท พร้อมทั้งแต่งตั้ง นพ.ชัยรัตน์ ปัณฑุรอัมพร ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ มีผลตั้งแต่วันที่ 23 มกราคม 2562
ท่ามกลางการจับตาของฝ่ายต่างๆ ว่า กลุ่มตระกูลปราสาททองโอสถจะพลิกเกมสู้คดีปั่นหุ้นอย่างไร แต่ดูเหมือนหมอเสริฐคงประเมินสถานการณ์รอบด้านยอมถอยดีกว่า โดยตัดสินใจชำระค่าปรับทางแพ่งทั้งหมด 499.45 ล้านบาท เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
เหตุผลส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะการต่อสู้คดีอาจยืดเยื้อบานปลายและกระทบภาพลักษณ์ธุรกิจมากขึ้น ซึ่งก่อนหน้านี้ โรงพยาบาลกรุงเทพในเครือ BDMS เพิ่งแพ้คดีไลฟ์พริวิเลจคลับ หลังต่อสู้ทางคดียาวนาน โดยเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2561 ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายืนตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นให้สมาชิกไลฟ์พริวิเลจคลับ จำนวน 6 คน ในฐานะโจทก์ฟ้อง BDMS ผู้บริหารโรงพยาบาลกรุงเทพ จำเลย ให้กลับไปใช้บริการรักษาตามข้อตกลงของโครงการเอกสิทธิ์ของคุณภาพชีวิต หรือ “ไลฟ์ พริวิเลจคลับ” ต่อไป ซึ่งอาจดึงให้สมาชิกไลฟ์พริวิเลจอีกหลายคนกลับมาฟ้องโรงพยาบาลกรุงเทพเพิ่มเติมอีก
กรณีนี้เกิดเหตุจากสมาชิกไลฟ์พริวิเลจคลับถูกโรงพยาบาลกรุงเทพยกเลิกสัญญาการรักษาพยาบาลตลอดชีพ จำนวน 284 คน โดยสมาชิกเหล่านี้ทยอยสมัครเข้าเป็นสมาชิกตั้งแต่ปี 2544-2551 ชำระค่าสมาชิกครั้งเดียวเป็นเงินเท่ากับมูลค่าทองคำน้ำหนัก 200 บาท ตามมูลค่าของทองคำในช่วงเวลาที่สมัครเข้าเป็นสมาชิก และเมื่อใช้บริการจะเสียค่าใช้จ่าย 100 บาทต่อครั้ง ก่อนที่โรงพยาบาลกรุงเทพประกาศยุติบริการในเดือนมกราคม 2560 และยื่นข้อเสนอให้สมาชิกเลือกระหว่างการขึ้นราคาค่ารักษาพยาบาล 100 บาทต่อครั้ง เป็นการจ่าย 25% ของค่ารักษาพยาบาล หรือการรับเงินต้นค่าแรกเข้าคืนพร้อมดอกเบี้ย 5% ต่อปี
ทั้งนี้ ให้เหตุผลการยุติเพราะโครงการไลฟ์พริวิเลจคลับเข้าข่ายธุรกิจประกันภัย ทำให้โรงพยาบาลไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้เพราะไม่มีใบอนุญาตทำธุรกิจประกัน
ขณะที่กลุ่มสมาชิกที่ไม่ยินยอมรับข้อเสนอทั้ง 2 แบบ เดินหน้ายื่นฟ้องศาล แต่มีสมาชิกจำนวนหนึ่งยินยอมรับเงินตามข้อเสนอ
อย่างไรก็ตาม ศาลอุทธรณ์ระบุว่า การปิดโครงการน่าจะเกิดจากปัญหาด้านการเงินของจำเลยมากกว่า และคณะกรรมการกฤษฎีกามีความเห็นให้การดำเนินการของจำเลยไม่เข้าลักษณะการรับประกันภัย แต่มีลักษณะเป็นการซื้อเหมาบริการรักษาพยาบาลเป็นการล่วงหน้า พิพากษาให้โจทก์ชนะคดี ถือเป็นสิ่งยืนยันว่า สมาชิกไลฟ์พริวิเลจคลับสามารถกลับไปใช้บริการได้ตามเดิม และโรงพยาบาลกรุงเทพต้องเปิดรับรักษาสมาชิกไลฟ์พริวิเลจคลับทันที แม้ต้องสู้คดีในชั้นศาลฎีกาก็ตาม
ทั้งกรณีโรงพยาบาลกรุงเทพและคดีปั่นหุ้น BA ทำให้ BDMS ต้องเดินเกมธุรกิจอย่างระมัดระวังมากขึ้น โดยเฉพาะภาพลักษณ์ของบริษัทและกลุ่มตระกูล ในฐานะเจ้าของเครือข่ายธุรกิจโรงพยาบาลที่ต้องสร้างความน่าเชื่อถือต่อสังคมมากที่สุด
ปัจจุบันธุรกิจโรงพยาบาลในเครือข่ายของ นพ.ปราเสริฐที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ 5 บริษัท มูลค่ามาร์เก็ตแคปรวม 558,814 ล้านบาท ประกอบด้วย บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS บริษัท สมิติเวช จำกัด (มหาชน) บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) บริษัท ธนบุรี เมดิเคิล เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) บริษัท โรงพยาบาลรามคำแหง จำกัด (มหาชน) หรือ RAM ก่อนที่ BDMS จะขายหุ้นที่ถืออยู่ทั้งหมดใน RAM ออกไป
ทั้ง 5 บริษัทมีกำไรที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องจาก 14,492 ล้านบาท ในปี 2559 เป็น 17,076 ล้านบาทในปี 2560 หรือเพิ่มขึ้น 2,583 ล้านบาท ขณะที่ผลประกอบการในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2561 ณ สิ้นเดือนกันยายน 2561 มีกำไรสุทธิ 13,796 ล้านบาท
สำหรับโครงการล่าสุด โรงแรม Movenpick BDMS Wellness Resort Bangkok ประกอบด้วยห้องพัก 294 ห้อง จะเป็นศูนย์สุขภาพและเวลเนสระดับสากล เชื่อมโยงกับ บีดีเอ็มเอส เวลเนส คลินิก ซึ่งเปิดดำเนินการก่อนหน้า มีคลินิกดูแลสุขภาพถึง 7 คลินิก
ประกอบด้วย คลินิกเวชศาสตร์ชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ (Regenerative Clinic) คลินิกสุขภาพสมองและความจำ (Neuroscience Clinic) คลินิกสร้างเสริมและฟื้นฟูระบบกล้ามเนื้อและกระดูก (Musculoskeletal and Sports Clinic) คลินิกป้องกันดูแลเส้นเลือดหัวใจ (Preventive Cardiology Clinic) คลินิกสุขภาพทางเดินอาหาร (Digestive Wellness Clinic) คลินิก บีดับเบิลยูซี (BWC Dental Clinic) และคลินิกรักษาผู้มีบุตรยาก (Fertility Clinic) เน้นให้บริการการแพทย์อาศัยการดูแลแบบองค์รวมที่ออกแบบมาเฉพาะบุคคล
กลุ่มลูกค้าของโรงแรมจะเน้นชาวต่างชาติกำลังซื้อสูง โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าในเครือข่ายเมอเวนพิค ซึ่งบริหารโรงแรมมากกว่า 83 แห่ง รวมถึงรีสอร์ตและธุรกิจเรือสำราญในหลายภูมิภาค เช่น แอฟริกา เอเชีย ยุโรป และตะวันออกกลาง
ดังนั้น แผนการเปิดตัวโรงแรมเพื่อสุขภาพจะทำให้เกมขยายอาณาจักรธุรกิจเวลเนสของหมอเสริฐสมบูรณ์แบบมากขึ้น และมีโอกาสสร้างเม็ดเงินรายได้เพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า โดยเฉพาะกลุ่ม Medical Tourism ที่แห่เดินทางเข้ามาใช้บริการทางการแพทย์ในประเทศไทยสูงถึง 1.2 ล้านคน เม็ดเงินรายได้สูงกว่า 1 แสนล้านบาทด้วย
