Column: From Paris
ถ้ารู้จักเพลง I will wait for you และ The windmills of your mind ต้องรู้จักมิเชล เลอกรองด์ (Michel Legrand)
มิเชล เลอกรองด์ เกิดในครอบครัวที่มีแต่เสียงดนตรี พ่อและลุงเป็นนักดนตรี เขาเล่นเปียโนได้ตั้งแต่อายุ 3 ขวบ โดยไล่โน้ตตามเสียงเพลงที่ได้ยินทางวิทยุ แม่จึงพาไปเรียนเปียโนอย่างเป็นกิจจะลักษณะ เมื่อครูไปทำงานที่ Conservatoire de Paris ก็พามิเชล เลอกรองด์ไปด้วย เขาจึงได้เรียนที่นี่ตั้งแต่อายุ 9 ขวบ นอกจากเปียโนแล้วยังไปหัดเล่นดนตรีชนิดอื่นๆ ซึ่งมีส่วนช่วยมากในการแต่งเพลงในภายหลัง
เขาพบว่าดนตรีเป็นทางออกของเด็กหงอยเหงาอย่างเขา มิเชล เลอกรองด์ออกจาก Conservatoire de Paris เมื่ออายุ 20 ปี เขาเล่นเปียโนสำหรับการร้องเพลง “หน้าม่าน” ในยุคนั้นจะมีการแสดงดนตรีคั่นระหว่างข่าวและภาพยนตร์ หรือช่วงพักครึ่งเวลา เขาได้ทำงานกับนักร้องดังหลายคน เช่น อองรี ซัลวาดอร์ (Henri Salvador) จูเลียต เกรโก (Juliette Gréco) ฌาคเกอลีน ฟรองซัวส์ (Jacqueline François) และโมริซ เชอวาลีเอร์ (Maurice Chevalier) ซึ่งพาเขาไปสหรัฐอเมริกา เป็นครั้งแรกที่เขาได้ฟังเพลงร็อกแอนด์โรล
เมื่อเดินทางกลับมาปารีสจึงร่วมกับบอริส วีออง (Boris Vian) แต่งเพลงร็อก 4 เพลง บริษัทแผ่นเสียง Philip ขอให้เขาบรรเลงเพลงเกี่ยวกับกรุงปารีส จึงเป็นที่มาของอัลบัม I love Paris ซึ่งเป็นแผ่นขายดีตลอดกาล แต่เขาได้รับเงินค่าตอบแทนเพียง 200 ดอลลาร์
ทว่าเมื่อมิเชล เลอกรองด์แจ้งแก่บริษัท Philip ว่าต้องการเล่นดนตรีกับนักดนตรีแจ๊ซอย่างไมล์ เดวิส (Miles Davis) Philip ก็จัดให้ ไมล์ เดวิสได้ฟังมิเชล เลอกรองด์เล่นดนตรี และชอบมาก จึงยอมมาร่วมเล่นด้วย
ในทศวรรษ 1950 จึงเริ่มแต่งเพลง ในปี 1955 ได้แต่งเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง Les amants du Tage ตามมาด้วยการแต่งเพลงให้ภาพยนตร์ของ Jean-Luc Godard, Agnès Varda, François Reichenbach และ Jacques Demy
ก้าวย่างที่ยิ่งใหญ่คือการแต่งภาพยนตร์เพลงเรื่อง Les parapluies de Cherbourg (The umbrellas of Cherbourg) ของ Jacques Demy ที่ทำให้ได้รับรางวัล Palme d’or จากเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติที่เมืองกานส์ (Cannes)
ในปี 1964 ได้รับรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากนักวิจารณ์ภาพยนตร์ของฝรั่งเศส ปี 1965 เข้าชิงรางวัลออสการ์ประเภทภาพยนตร์ต่างชาติในปี 1966 รวมทั้งเป็นนอมินีรางวัลอื่นๆ อีก 3 รางวัล รวมทั้งเพลงประกอบยอดเยี่ยม ซึ่งคือ I will wait for you นั่นเอง
แม้จะไม่ได้รับรางวัลใดๆ เลยก็ตาม และรางวัล Louis Delluc นักร้องดังหลายคนนำ I will wait for you ไปร้อง ไม่ว่าจะเป็น Frank Sinatra, Louis Armstrong, Tony Bennett, Lisa Minelli
ช่วงที่พันธมิตรยกพลขึ้นบกที่นอร์มองดี (Normandie) ครอบครัวเลอกรองด์กลับไปบ้านเกิดในนอร์มองดี เช่าบ้านไม่ไกลจากที่ตั้งกองทหารอเมริกัน ทหารผิวดำบางคนมาที่บ้านเพื่อเล่นเปียโนเพลงแจ๊ซ ส่วนมิเชล เลอกรองด์เล่นเพลงของโชแปง (Chopin) แลกเปลี่ยนอาหาร โดยทหารอเมริกันนำเครื่องกระป๋อง เนยถั่ว (peanut butter) รวมทั้งบุหรี่มาให้ ส่วนมิเชล เลอกรองด์ให้นม ไข่ และเหล้า หลังสงครามครอบครัวเลอกรองด์จึงเดินทางมาปารีส โดยมิเชล เลอกรองด์เรียนต่อที่ Conservatoire de Paris
มิเชล เลอกรองด์แต่งเพลงประกอบภาพยนตร์หลายเรื่อง หลังจากทำงานในฝรั่งเศส 10 ปี เขาเดินทางไปตั้งต้นใหม่ในสหรัฐอเมริกา แล้วโชคก็มาถึง เมื่อเฮนรี แมนซินี (Henry Mancini) ไม่ว่างจะแต่งเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง The Thomas Crown Affair จึงส่งต่อให้มิเชล เลอกรองด์ ซึ่งแจ้งเกิดทันทีที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ออกฉาย ด้วยว่าเพลง The windmills of your mind ไพเราะมาก และได้รับรางวัลออสการ์
หลังจากนั้นเขาแต่งเพลงให้ภาพยนตร์เรื่อง The summer of ’42 และ Yentl ซึ่งนำแสดงโดยบาร์บรา สตรัยแซนด์ (Barbra Streisand) มิเชล เลอกรองด์แต่งเพลงประกอบภาพยนตร์ 250 เรื่อง เช่น The go-between, The three musketeers, The four musketeers, Les misérables ของโคล้ด เลอลูช (Claude Lelouche) Paris, je t’aime, Prêt-à-porter อีกทั้ง Gulliver’s travels และ Lady sings the blues เป็นต้น และยังแต่งละครเพลง Les demoiselles de Rochefort ซึ่งนำกลับมาแสดงใหม่ในปี 2003
มิเชล เลอกรองด์ได้รับรางวัลเซซาร์ (César) ของฝรั่งเศส จากภาพยนตร์เรื่อง The Atlantic City ในปี 1981 Les uns et les autres ในปี 1982 และ Paroles et musiques ในปี 1985 นอกจากนั้นยังได้รับรางวัลแกรมมี่ (Grammy Awards) จากเพลง Happy ending ที่ซาราห์ วอน (Sarah Vaughan) เป็นผู้ร้อง เพลงจากภาพยนตร์เรื่อง The three musketeers, Yentl และ Brian’s song อัลบัมชื่อ Images เป็นต้น และรางวัลเอ็มมี่ (Emmy Awards) จากภาพยนตร์โทรทัศน์เรื่อง A woman called Golda ทั้งนี้ยังไม่นับรางวัลอื่นๆ อีกมากมาย
I love Paris เป็นอัลบัมเพลงอันเกี่ยวเนื่องกับกรุงปารีส เป็นเพลงบรรเลงฟังสบายๆ ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังอยู่ริมฝั่งแม่น้ำแซน (Seine) อย่างไรอย่างนั้น
มิเชล เลอกรองด์ถึงแก่กรรมในคืนวันที่ 25 ต่อ 26 มกราคม 2019 โลกสูญเสียนักแต่งเพลงที่ยิ่งใหญ่อีกคนหนึ่ง