วันพฤหัสบดี, พฤศจิกายน 21, 2024
Home > Cover Story > ยักษ์ “อิเกีย” รุกแผน 5 ปี “โฮมโปร-อินเด็กซ์” ปูพรมสู้

ยักษ์ “อิเกีย” รุกแผน 5 ปี “โฮมโปร-อินเด็กซ์” ปูพรมสู้

ยักษ์ใหญ่ “อิเกีย” ใช้เวลารุกตลาดไทยนานกว่า 8 ปี อาศัยจุดขายฉีกแนวคู่แข่ง ทั้งรูปแบบสินค้า รูปแบบสาขาขนาดใหญ่ “เมกามอลล์” การจำหน่ายและกลยุทธ์ตลาด เจาะลูกค้ากลุ่มคนรุ่นใหม่และนิชมาร์เก็ต ชนิดที่เรียกว่า ผุดสาขาที่ไหนผู้คนหนาแน่นที่นั่น และล่าสุด อิเกียประกาศจะเปิดศึกครั้งใหญ่ เพื่อรุกธุรกิจอีคอมเมิร์ซในไทยอย่างเต็มรูปแบบ

แน่นอนว่า อิเกียถือเป็นกลุ่มธุรกิจเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านขนาดใหญ่ในประเทศสวีเดน เปิดดำเนินกิจการมานานถึง 75 ปี ขยายสโตร์ไปทั่วโลกใน 50 ประเทศ รวม 422 แห่ง สาขาส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในทวีปยุโรป ทวีปอเมริกา เอเชีย และออสเตรเลีย ซึ่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ถือเป็นเป้าหมายที่บริษัทแม่ต้องการแย่งชิงตลาดในระยะ 3-5 ปีข้างหน้า ทั้งอิเกียสโตร์และศูนย์การค้า จากปัจจุบันมีสโตร์รวม 7 แห่ง อยู่ในประเทศสิงคโปร์ 2 แห่ง มาเลเซีย 3 แห่ง และไทยอีก 2 สาขา ได้แก่ อิเกียบางนาและอิเกียบางใหญ่ โดยมีศูนย์บริการสั่งซื้อและรับสินค้าอีก 1 แห่งที่ จ.ภูเก็ต

จากรายงานสรุปผลการดำเนินงานปี 2561 ของกลุ่มอิเกีย เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ระบุว่า สโตร์อิเกียทั้ง 7 แห่ง สามารถดึงดูดผู้คนมาเยี่ยมชมถึง 85 ล้านครั้ง เพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 20% สร้างผลประกอบการสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 1,000 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ หรือประมาณ 25,200 ล้านบาท และมีสมาชิก IKEA FAMILY รวม 1.71 ล้านราย

รายงานยังระบุว่า ความสำเร็จสำคัญจากความพยายามนำเสนอประสบการณ์และแรงบันดาลใจใหม่ๆ ให้ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง การเปิดสโตร์อิเกียแห่งแรกที่เชื่อมต่อกับศูนย์การค้าทั้งหมดอย่างเต็มรูปแบบในประเทศไทย เปิดแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซในประเทศมาเลเซีย ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างงดงาม สร้างยอดขายเป็นสัดส่วน 3.8% ของยอดขายทั้งหมด ภายในระยะเวลาไม่ถึง 3 เดือน และการพัฒนาศูนย์บริการข้อมูลลูกค้า Customer Contact Center

ทั้งนี้ ตามแผนงานระยะ 5 ปี (ปี 2562-2566 ) อิเกีย เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตั้งเป้าหมายจะเปิดธุรกิจอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยในปี 2562 เริ่มก่อสร้างสโตร์อิเกียแห่งแรกในฟิลิปปินส์ ใจกลางกรุงมะนิลา พื้นที่ประมาณ 65,000 ตารางเมตร ซึ่งเมื่อเปิดให้บริการจะเป็นสโตร์อิเกียที่ใหญ่ที่สุดในโลก นอกจากนี้ เร่งวางแผนเปิดตลาดใหม่ในประเทศเวียดนามและเม็กซิโก ซึ่งสามารถเข้าถึงประชากรใน 6 ประเทศ ได้แก่ สิงคโปร์ มาเลเซีย ไทย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม และเม็กซิโก รวมกันกว่า 480 ล้านคน

ต้องถือว่าแผนทั้งหมดเป็นการวางยุทธศาสตร์ระดับภูมิภาค เพื่อเชื่อมโยงทั้งภูมิภาครองรับการรุกตลาด ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้อิเกียสามารถ Synergy การผลิตและการจำหน่ายสินค้าจนสามารถกำหนดราคาจำหน่ายสินค้าถูกกว่าคู่แข่ง สินค้ามีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่ว่าจะเป็นการดีไซน์และวัตถุดิบ นับเป็นโจทย์ที่ทำให้คู่แข่งหลายค่ายต้องพลิกกลยุทธ์แข่งขันตลอดเวลา

อย่างกลุ่มอินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ ล่าสุดออกมาประกาศแผนทำการตลาดเชิงรุกในประเทศ โดยประเดิมแผนรีโนเวตสาขาบางนาและทยอยปรับโฉมอีก 6 สาขา ได้แก่ สาขาราชพฤกษ์ สาขาเกษตร-นวมินทร์ สาขารังสิต สาขาพัทยา สาขาภูเก็ต และสาขาอุดรธานี เพื่อโฟกัสกลุ่มลูกค้าระดับสูงมากขึ้น มีการผลิตสินค้าลักชัวรีที่มีดีไซน์สวย วัสดุพรีเมียม เน้นการใช้พื้นที่และฟังก์ชันการใช้งานใน 11 โซนดีไซน์ใหม่ ได้แก่ Trend Design, The Luxury Edition, Ital Smart, Ital Living, Natural Living, Space Saving, Kitchen 4.0, Real House, Sofa Studio, Bedding Studio และ Perfect Sleep เพื่อสร้างจุดขายใหม่ภายใต้แนวคิด “One Stop Service” รวมศาสตร์และนวัตกรรมสินค้าครบไลน์ทุกเรื่องการนอน มีการนำเข้าสินค้าจากแบรนด์นวัตกรรมเรื่องการนอนชั้นนำของโลกจากประเทศสหรัฐอเมริกา เช่น แบรนด์ PureCare มาจำหน่ายเป็นรายแรกและรายเดียวในไทยด้วย

ปัจจุบันอินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ มีสาขาทั้งสิ้น 29 แห่งทั่วประเทศ Furniture Center อีก 6 สาขา ร้าน Trend Design 4 สาขา ร้าน Momentous มัลติลิฟวิ่งสโตร์เฟอร์นิเจอร์ 3 สาขา และร้าน BeConcept 2 สาขา รวมทั้งหมด 44 แห่ง โดยปี 2562 มีแผนขยายสาขาเพิ่มอีก 4 แห่งทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ได้แก่ สาขาชัยพฤกษ์ สาขาจันทบุรี สาขารามอินทรา และสาขาสุขาภิบาล 3

ส่วนในต่างประเทศเตรียมขยายสาขาผ่านแฟรนไชส์ 2 แห่ง ที่ประเทศอินโดนีเซีย ในเมืองจาการ์ตา และบาหลี รวมทั้งกำลังศึกษาอีกหลายประเทศ เน้นกลุ่มประเทศในอาเซียน

ด้านเบอร์ 1 ในตลาดไทยอย่างค่ายโฮมโปร บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) เตรียมเม็ดเงินลงทุน 15,250 ล้านบาท เริ่มตั้งแต่ปี 2561-2564 และขยายธุรกิจรูปแบบใหม่ มินิสโตร์ “HomePro S” ชูจุดเด่น 3S “SMART” สะดวก ช้อปง่าย สบาย ใกล้บ้าน มีเส้นทางขนส่งสาธารณะเข้าถึงง่าย มีบริการซ่อมแซม ต่อเติม ตกแต่ง ซึ่งขณะนี้ขยายไปแล้ว 5 สาขา ที่ The Paseo Park กาญจนาภิเษก สาขาบิ๊กซี บางนา สาขา Market Place นางลิ้นจี่ สาขา SENA fest เจริญนคร และสาขาเกตเวย์ แอท บางซื่อ

เมื่อสิ้นปี 2561 ที่ผ่านมา ค่ายโฮมโปรมีสาขารวม 99 สาขา ประกอบด้วย โฮมโปรสโตร์ 82 สาขา โฮมโปร เอส 5 สาขา เมกา โฮม 12 สาขา อีก 6 แห่ง เป็นโฮมโปรสโตร์ในประเทศมาเลเซีย

ขณะที่บริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ ในกลุ่มเซ็นทรัล หลังรีแบรนด์ “โฮมเวิร์ค” เป็นแบรนด์ “บ้านแอนด์บียอนด์” พร้อมอัพเดตบริการใหม่ VFIX แก้ทุกปัญหาเรื่องบ้าน ทั้งการตกแต่งและปรับปรุงบ้าน ไม่ว่าซ่อมเล็ก ซ่อมใหญ่ และบริการชอปปิ้งออนไลน์ www.baanandbeyond.com ล่าสุดยังแตกไลน์ธุรกิจ “ฟาสต์ ฟิต” ภายใต้ชื่อ ออโต้วันประเดิมสาขาแรก ไทวัสดุ ปทุมธานี เพื่อเสริมความแข็งแกร่งของแบรนด์ไทวัสดุและธุรกิจในกลุ่มเซ็นทรัล ที่มีสาขาของธุรกิจต่างๆ ในเครือกระจายอยู่ทั่วประเทศ โดยเฉพาะกับไทวัสดุเองที่จะไม่ได้มีแค่เพียงสินค้าและบริการเกี่ยวกับวัสดุก่อสร้างที่ครบวงจรเท่านั้น แต่ต้องการขยายธุรกิจที่สอดรับกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าที่ขับรถยนต์เพื่อมาซื้อสินค้าอยู่แล้ว จึงเป็นการต่อยอดธุรกิจที่เอื้อต่อกันได้ ซึ่งตามแผนงานตั้งเป้าเปิดสาขา 40 แห่งภายในปี 2563

หากเปรียบเทียบกัน อิเกียสโตร์เน้นรูปแบบ “เมกามอลล์” จึงไม่สามารถขยายสาขาได้อย่างรวดเร็ว เพราะติดปัญหาการหาที่ดินผืนใหญ่ที่มีศักยภาพ ซึ่งอิเกียบางใหญ่เป็นกรณีตัวอย่างที่ชัดเจนและต้องหาทางออกด้วยการจับมือกับกลุ่มเซ็นทรัล สร้างสโตร์ที่เชื่อมกับห้างเซ็นทรัลเวสต์เกต

นั่นจึงเป็นเหตุผลสำคัญที่อิเกียต้องรุกขยายแนวรบออนไลน์ตามเทรนด์และไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเป้าหมาย ที่สำคัญ มีแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่สร้างยอดขายถล่มทลายในมาเลเซียมาแล้ว จนมั่นใจว่า กลยุทธ์ใหม่จะสร้างความร้อนระอุครั้งใหญ่แน่

ใส่ความเห็น