Monuments men ภาพยนตร์ของจอร์จ คลูนีย์ สร้างจากหนังสือชื่อเดียวกันของโรเบิร์ต เอม เอดเซล (Robert M. Edsel) ที่พิมพ์ในปี 2009
Monuments men เป็นกลุ่มที่นายพลไอเซนฮาวร์ (Eisenhauer) ตั้งขึ้นเพื่อค้นหางานศิลป์ที่พวกนาซียึดไปจากพิพิธภัณฑ์ต่างๆ อาร์ตแกลเลอรีและครอบครัวชาวยิว
เมื่อเยอรมันยึดครองฝรั่งเศส ก็ได้ “ปล้น” ทรัพยากรของฝรั่งเศส รวมทั้งงานศิลป์ด้วย ฮิตเลอร์เองนั้นอยากเป็นจิตรกร แต่ความสามารถไม่ถึง จึงได้แต่ชื่นชมงานศิลป์อยู่ห่างๆ ในปี 1939 ฮิตเลอร์สั่งให้สร้างพิพิธภัณฑ์ส่วนตัวที่เมืองลินซ์ (Linz) ในออสเตรีย ทว่าสงครามทำให้โครงการไม่แล้วเสร็จ ฮิตเลอร์เตรียมการไว้ล่วงหน้าไว้แล้วว่าหากยึดอัมสเตอร์ดัม บรัสเซลส์ และปารีสแล้ว จะฉกฉวยงานศิลป์ชิ้นใดบ้าง โดยเขาทำรายการไว้
อย่างไรก็ตาม ทุกประเทศที่มองเห็นมหันตภัยของนาซี พลันที่มีการประกาศสงครามในปี 1939 ในฝรั่งเศสได้มีการโยกย้ายงานศิลป์ชิ้นสำคัญๆ ไปเก็บซ่อนไว้ตามพิพิธภัณฑ์ในต่างจังหวัดหรือตามปราสาทของเอกชนในภาคตะวันตกและภาคตะวันตกเฉียงใต้ การโยกย้ายนั้นเต็มไปด้วยความยากลำยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเป็นงานศิลป์ขนาดใหญ่
พลันที่ฝรั่งเศสลงนามยอมแพ้เยอรมันในเดือนกรกฎาคม 1940 การปล้นงานศิลป์ก็เริ่มขึ้น จากการยึดพิพิธภัณฑ์รัฐมาเป็นฉกฉวยจากพ่อค้างานศิลป์และเอกชนที่เป็นชาวยิว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเอกอัครราชทูตเยอรมันที่กรุงปารีสทำบัญชีรายชื่อผู้ที่น่าจะเป็นเป้าหมายแรกๆ เช่น ครอบครัว Alphonse Kahn, Bernheim-Jeune, Paul Rosenberg, Seligmann, Wildenstein, Edouard de Rothschild จึงมีการบุกค้นและยึดงานศิลป์ไปกองไว้ที่สถานทูตเยอรมัน ทว่า สถานทูตเล็กเกินไปเสียแล้ว จึงไปยึดพื้นที่ในพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ (Musée du Louvre) และพิพิธภัณฑ์เฌอ เดอ โปม (musée du Jeu de Paume) แถวปลาซ เดอ ลา กงกอร์ด (Place de la Concorde)
ในฤดูใบไม้ร่วง 1940อัลเฟรด โรเซนแบร์ก (Alfred Rosenberg) ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้อำนวยการของ Einsatzstaub Reichsleiter Rosenberg – ERR องค์กรที่รวบรวมงานศิลป์ในประเทศที่นาซียึดครอง ในกรุงปารีส พิพิธภัณฑ์เฌอ เดอ โปม เป็น “โกดัง” หลักในการเก็บงานศิลป์ ซึ่งถูกจัดเก็บเป็นหมวดหมู่ตามสถานที่ต่างๆ ในเยอรมันที่จะส่งไป จำนวนไม่น้อยจะถูกส่งไป Führermuseum พิพิธภัณฑ์ส่วนตัวของฮิตเลอร์ หรือตามสถานที่ราชการหรือผู้นำของสาธารณรัฐไรช์ที่ 3 เริ่มจากนายพลเกอริง (Göring) ซึ่งเดินทางไปยังพิพิธภัณฑ์เฌอ เดอ โปมหลายครั้งหลายหนด้วยกัน ผลงานของจิตรกรอย่างปาโบล ปิกัสโซ (Pablo Picasso) อองรี มาติส (Henri Matisse) หรือวินเซนต์ วาน โก๊ก (Vincent Van Gogh)… ใช้เป็นของแลกเปลี่ยนกับพ่อค้างานศิลป์บางคน
กฎหมายกีดกันเชื้อชาติของรัฐบาลวิชี (Vichy) บ่งว่างานศิลป์ที่ยึดจากชาวยิวจะขายเพื่อหาเงินเข้ากองทุนช่วยเหลือของประเทศ การยึดงานศิลป์นี้ดำเนินไปถึงปี 1944 สมบัติของชาวยิวหรือไม่ใช่ชาวยิวต่างถูกยึดไปจำนวนมาก หรือแม้แต่สมบัติของรัฐ ดังในกรณีทรัพย์สินของจังหวัดอัลซาส (Alsace)
นอกจากนั้นพิพิธภัณฑ์ของรัฐยังยอมรับฝากทรัพย์สินที่นาซียึดมา ดังกรณีสมบัติของตระกูลรอธชิลด์ (Rothschild) ซึ่งมีภาพเขียนของจิตรกรดังอย่างแวร์เมียร์ (Vermeer) เบลาสเกซ (Velasquez) เรมบรานด์ (Rembrandt) โกยา (Goya) รูเบนส์ (Rubens) อันที่จริงครอบครัวรอธชิลด์ได้โยกย้ายทรัพย์สินของตนไปต่างจังหวัดบ้างแล้วในปี 1939 และเก็บอีกส่วนหนึ่งไว้ในบ้านพักต่างๆ ของตน ส่วนหนึ่งส่งไปสเปน ส่วนหนึ่งเก็บไว้ที่พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์โดยทำเป็นยกให้
เมื่อรัฐบาลวิชีของฝรั่งเศสประกาศยึดทรัพย์สินของรอธชิลด์ องค์กร ERR จึงตระเวนรวบรวมงานศิลป์ได้ทั้งหมด 4,000 ชิ้น และในเดือนกุมภาพันธ์ 1941 ก็มีการขนย้ายงานศิลป์เหล่านี้ไปเยอรมัน 19 หีบสำหรับฮิตเลอร์และอีก 23 หีบสำหรับเกอริง
นอกจากนั้นอีก 200 คอลเลกชั่นของตระกูลต่างๆ รวมทั้งเพชรพลอย เครื่องเงิน เครื่องเรือนนับ 30,000ชิ้น ระหว่างปี 1941-1944 ขบวนรถ 29 ขบวนเดินทางจากฝรั่งเศสไปยังเยอรมัน ตู้รถไฟ 39 ตู้
ยิ่งกว่านั้นเจ้าหน้าที่บางคนยังมีการบังคับให้เจ้าของขายงานศิลป์ที่ถูกยึดด้วยความไม่เต็มใจ เพื่อนำไปขายต่อในราคาที่ดีกว่า การติดตามหาคืนจึงไม่ใช่เรื่องง่าย ครอบครัวที่ถูกปล้นสมบัติไปได้ติดตามสืบหาอย่างไม่หยุดยั้ง โดยมีทนายเป็นผู้ช่วย หรือมีผู้ค้นคว้าจนสามารถหาเจ้าของเดิมได้ คนเหล่านี้ต่างได้ผลประโยชน์จากการติดตามทั้งสิ้น คิดเป็นเงินหลายอยู่
ฝรั่งเศสได้มอบคืนงานศิลป์แก่ลูกหลานของเจ้าของดั้งเดิมอย่างสม่ำเสมอ แต่ยังมีผลงานอีก 2,000 ชิ้นที่เก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์ต่างๆ ของรัฐ โดยมีรหัสว่า MNR ซึ่งย่อมาจากว่า Musées nationaux récupération