จากวิถีการดำรงชีวิต, การทำงาน รวมถึงเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นใหม่ๆ ต่างๆ ในปัจจุบัน ทำให้คนประสบปัญหาเรื่องสายตามากขึ้น เริ่มจาก ช่วงวัยรุ่น วัยเรียน ประสบปัญหาเรื่องสายตาสั้น เอียง กลุ่มนี้จะตัดแว่นเฉลี่ย ปีละครั้ง เพราะสายตายังไม่คงที่ แก้ไขด้วยการใส่แว่นสายตา วัยทำงาน ประสบปัญหาเรื่องสายตาสั้น เอียง และในกลุ่มนี้มักพบปัญหาตาเมื่อยล้าเนื่องจากการทำงานหน้าจอเป็นเวลานานๆ ส่งผลให้การมองไกลไม่ชัดชั่วคราว จะตัดแว่นเฉลี่ย ปีละครั้ง แก้ไขด้วยการใส่แว่นสายตา อายุประมาณ 40 ปีขึ้นไป ประสบปัญหาเรื่องสายตายาว และสายตายาวสูงอายุเพิ่มเข้ามา ซึ่งจะทำให้มีปัญหาในการมองมากกว่า 1 ระยะ กลุ่มนี้จะตัดแว่นเฉลี่ย 1-2 ครั้งต่อปี แก้ไขด้วยการใส่แว่นสายตา 2 เลนส์ หรือเลนส์โปรเกรสซีฟ
ปัจจัยเหล่านี้ ทำให้ตลาดแว่นสายตาในช่วงหลังเติบโตขึ้นทุกปี ล่าสุด “หอแว่น” ร้านตัดแว่นสายตาชั้นนำเจ้าตลาดกว่า 50 ปี ตอกย้ำผู้นำตลาดแบบเบ็ดเสร็จ ด้วยการพัฒนาการให้บริการและเตรียมขยายโรงงานผลิตเลนส์คุณภาพ
จากมุลค่าตลาดแว่นตา ของไทย ประมาณ 6 พันล้านบาท โดยแบ่งเป็นตลาดแว่นสายตา 4 พันล้านบาท ตลาดแว่นกันแดด 800 ล้านบาท และอื่นๆ 1.2 พันล้านบาท โดยหอแว่น ถือเป็นผุ้ครองตลาดเบอร์1 ด้วยจำนวนสาขาถึง 130 สาขา และมีฐานลูกค้าประมาณ 1.5 แสนราย
ภาคี ประจักษ์ธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท หอแว่นกรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า “ ในปี นี้ คาดการณ์ว่าตลาดแว่นสายตาจะเติบโตขึ้น 5-8 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากจำนวนประชากรมากขึ้น และพฤติกรรมการใช้สายตาในปัจจุบัน เต็มไปด้วยปัจจัยเสี่ยง ลูกค้าส่วนใหญ่ยังคงนิยมการใช้แว่นสายตาเป็นลำดับแรก ในฐานะที่หอแว่นเป็นแบรนด์ผู้นำเรื่องสายตา ได้พยายามพัฒนาสินค้าและบริการไม่หยุดนิ่ง โดยพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้เฉพาะด้าน เกี่ยวกับเรื่องสายตามากขึ้น โดยล่าสุดได้ร่วมกับ ศูนย์รักษ์สายตา โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน จัดอบรมให้ความรู้แก่พนักงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อคำปรึกษาถูกต้อง ซึ่งนับเป็นอีกขั้นตอนของการให้บริการที่มากกว่าร้านให้บริการแว่นสายตาทั่วไป
ปีนี้ หอแว่น มีแผนขยายเพิ่มอีก 3 สาขา ได้แก่ 1.เซ็นทรัลพลาซ่า ศาลายา 2.เซ็นทรัล ระยอง 3.เซ็นทรัล เวสต์เกต บางใหญ่ พร้อมเงินลงทุนสาขาละ 4-6 ล้านบาท โดยกลุ่มเป้าหมายคือ ลูกค้า ระดับเอ-บี ที่ให้ความสำคัญและตระหนักว่าคุณภาพสายตาคือคุณภาพชีวิต ยอมจ่ายเพื่อให้ได้สินค้าคุณภาพดี
“หอแว่นต้องการเป็นร้านแว่นตาที่มีคุณภาพ เป็น professional ที่สุด” ซึ่งถือเป็นนโยบาย หลัก ในการเตรียมเข้าสุ่อาเซียนในปีหน้า ปัจจุบัน บริษัทฯได้ขยายสาขาไปต่างประเทศ คือที่ สิงคโปร์, และ มาเลเซีย และมียอดขายเติบโตดี และในอนาคตอาจจะขยายไปยังตลาดเวียดนาม ซึ่งตอนนี้กำลังอยู่
ในช่วงการศึกษาตลาดอยู่.