ปี 2000 (พ.ศ.2543) ที่สุกสะหมอน สีหะเทพ ได้ก่อตั้งบริษัทมะนียม ออโต กรุ๊ปขึ้นมานั้น เป็นปีที่ภูวเรศ กองวัฒนาสุภา เพิ่งเรียนจบบัญชีจากมหาวิทยาลัยรามคำแหง
ภูวเรศเป็นชาวจังหวัดแพร่ที่เข้ามาเรียนหนังสือในกรุงเทพฯ 4 ปีแรก หลังเรียนจบจากรามคำแหง เขาได้เข้าไปทำงานอยู่ในฝ่ายบัญชีของบริษัทหลายแห่ง
แต่ทุกแห่งไม่ใช่บริษัทของคนไทย
ล่าสุดก่อนย้ายถิ่นฐานมาปักหลักทำงาน อยู่ใน สปป.ลาว ภูวเรศมีตำแหน่งเป็น CFO ให้กับออกซแฟม สาขาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นองค์กรพัฒนาเอกชน ในสังกัด มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด ประเทศอังกฤษ
เขาทำงานกับออกซแฟมอยู่ประมาณ 10 เดือน ทางบริษัท RMA Group ได้ติดต่อมาพร้อมเสนอตำแหน่งงานใน สปป.ลาวให้กับเขา
(รายละเอียดของ RMA Group สามารถหาอ่านได้จากเรื่อง “RMA Laos สำหรับฟอร์ด ขอแค่ที่ 2” นิตยสารผู้จัดการ 360° ฉบับเดือนพฤษภาคม 2554 หรือใน www.gotomanager.com)
ตำแหน่งที่ RMA เสนอให้กับภูวเรศคือ เป็น CFO ให้กับ RMA Laos
เขาตอบตกลง
ภูวเรศเดินทางเข้าลาวครั้งแรกในวันที่ 25 พฤษภาคม 2005 (พ.ศ.2548) ซึ่งสำหรับคนลาวแล้วถือเป็นวันดี เพราะตรงกับ เลข 25-5-5 พอดี
ธุรกิจของ RMA Laos ประกอบด้วยธุรกิจเครื่องจักรหนัก ธุรกิจรถยนต์ ธุรกิจรถเช่า หลังจากนั้นขยายเข้าไปสู่ธุรกิจอาหาร ด้วยการร่วมทุนกับนักธุรกิจท้องถิ่น นำแฟรนไชส์เดอะ พิซซ่า คอม ปานีและไอศกรีมสเวนเซ่นส์เข้าไปเปิดสาขาในนครหลวงเวียงจันทน์
ภูวเรศในฐานะ CFO ย่อมมองเห็นพัฒนาการต่างๆ ที่เกิด ขึ้นกับ RMA Laos เป็นอย่างดี
กลางปีที่แล้ว (2011) ภูวเรศได้รับข้อเสนอจาก RMA สำนักงานใหญ่ในประเทศไทยให้ไปเป็น CFO ของ RMA ที่ดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
“เป็นข้อเสนอที่ดีมากๆ สามารถบินกลับไทยปีละ 4 ครั้ง เอาแฟนไปอยู่ด้วยได้ โดยที่แฟนไม่ต้องทำงาน” เขาบอก
แต่เขาก็ยังไม่อยากไป “แฟนผมบอกว่าให้ไปอยู่โดยไม่ต้องทำงาน ก็ไม่ไป แล้วที่สำคัญก็คือผมไม่อยากจะอยู่ไกลจากคุณแม่ด้วย”
ในจังหวะเดียวกันนั้นเป็นช่วงที่สุกสะหมอนอยู่ระหว่างการวางแผนก่อสร้างโชว์รูม และสำนักงานของบริษัทเชฟโรเล็ต ลาว และกำลังต้องการคนเข้ามาช่วยบริหารงานในโครงการต่างๆ ที่มีอยู่ในมือเป็นจำนวนมาก
มีการประสานงานติดต่อให้ภูวเรศไปพบกับสุกสะหมอน
หลังจากทั้งคู่ได้พูดคุย สนทนาแลกเปลี่ยนทัศนะเกี่ยวกับแผนการต่างๆ แล้ว ภูวเรศตอบตกลงที่จะเข้ามาช่วยงานสุกสะหมอนในมะนียม
ภูวเรศปฏิเสธตำแหน่ง CFO ประจำดูไบของ RMA Group เพื่อมารับตำแหน่ง Group Managing Director ของมะนียม ออโต้ กรุ๊ป
ถือเป็นมือขวาที่จะต้องทำงานเคียงคู่กับสุกสะหมอนไปตลอดการขยายกิจการครั้งใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้นกับมะนียมในอีก 3 ปีนับจากนี้
