วันศุกร์, พฤศจิกายน 22, 2024
Home > Cover Story > BDMS ต่อจิ๊กซอว์ธุรกิจ ลุย Center of Excellence

BDMS ต่อจิ๊กซอว์ธุรกิจ ลุย Center of Excellence

 
 
การตัดสินใจทุ่มเม็ดเงินกว่า 10,800 ล้านบาท ซื้อที่ดินบริเวณโครงการปาร์คนายเลิศ เนื้อที่ 15 ไร่ จากกลุ่มตระกูลสมบัติศิริ เพื่อพัฒนาโครงการศูนย์สุขภาพแบบครบวงจร BDMS Wellness Clinic ของนายแพทย์ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ ประธานคณะผู้บริหารและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS  มีแผนการใหญ่ เพื่อเชื่อมโยงบรรดาโรงพยาบาลทั้งหมดในเครือและสร้างอาณาจักรธุรกิจเวลล์เนสเซ็นเตอร์ ติดอันดับท็อปเท็นในอาเซียน เพราะถ้าสำเร็จรายได้รวมจะพุ่งทะลุ 1 แสนล้านบาท มากกว่าเดิมถึงเท่าตัวทันที
 
แน่นอนว่า ตาม Vision ของ นพ.ปราเสริฐ โรงพยาบาลยุคใหม่ในเครือ BDMS จะไม่ใช่โรงพยาบาลเพื่อรักษาอาการเจ็บป่วย ต่างคนต่างดำเนินธุรกิจ แต่โรงพยาบาลลูกที่มีมากกว่า 44 แห่ง คือจิ๊กซอว์ที่เชื่อมติดต่อกันและสร้างเน็ตเวิร์คธุรกิจเวลเนส เพื่อสร้างความแข็งแกร่งเทียบชั้นคู่แข่งอย่างสหรัฐอเมริกา เยอรมนี และฝรั่งเศส หรือในเอเชียด้วยกันอย่างสิงคโปร์ โดยเฉพาะบริการทางสุขภาพเกี่ยวกับการป้องกัน เอนไทเอจจิ้ง และการดูแลสุขภาพให้อายุยืนยาว 
 
เพราะปัจจุบันประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในตลาดธุรกิจเวลเนสที่มีศักยภาพ โดยสามารถดึงส่วนแบ่งในตลาดท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเป็นอันดับที่ 13 ของโลก และในกลุ่มการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ หรือ Medical Tourism มีผู้เดินทางเข้ามาใช้บริการทางการแพทย์ในประเทศไทยสูงถึง 1.2 ล้านคน คิดเป็นเม็ดเงินรายได้มากกว่า 1 แสนล้านบาท 
 
นั่นทำให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬากำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพของโลก (Thailand Hub of wellness and Medical Services) ภายใน 10 ปีข้างหน้า (ปี 2559-2568)  
 
ขณะเดียวกัน จากสถิติย้อนหลังช่วง 10 ปีที่ผ่านมา อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทย (จีดีพี) เติบโตเฉลี่ย 3.4% แต่ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพของคนไทยเติบโตเฉลี่ยสูงถึง 7.5% คิดเป็นการการเติบโตสูงกว่าจีดีพีถึงกว่า 2 เท่า แสดงให้เห็นถึงความต้องการบริการทางการแพทย์ที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ทั้งแนวโน้มของผู้คนที่หันมาใส่ใจเรื่องสุขภาพมากขึ้นและปัจจัยด้านประชากรศาสตร์จากสังคมไทยที่ก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ โดยจากสถิติคาดว่าสัดส่วนผู้สูงอายุ หรือมีอายุมากกว่า 60 ปี จะเพิ่มขึ้นจาก 16.5% ในปี 2559 เป็น 19.1% และ 22.8% ในปี 2563 และ 2568 ตามลำดับ อายุที่เพิ่มขึ้นย่อมมาพร้อมกับโรคภัยไข้เจ็บและจะหนุนการเติบโตของความต้องการบริการทางการแพทย์เพิ่มขึ้นในระยะยาวด้วย
 
ทั้งเมดิคอลทัวริซึ่มในตลาดต่างชาติและความต้องการรักษาพยาบาลที่มีมาตรฐานมากขึ้นในตลาดคนไทย กลายเป็นโอกาสทองของกลุ่ม BDMS ซึ่งถือเป็นกลุ่มธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนรายใหญ่ที่สุดในประเทศ ฮุบส่วนแบ่งในตลาดโรงพยาบาลเอกชนในประเทศไทยเกือบ 80%  มีโรงพยาบาลในเครือทั้งหมด 44 แห่ง จาก 5 แบรนด์หลัก คือ โรงพยาบาลกรุงเทพ โรงพยาบาลสมิติเวช โรงพยาบาลบีเอ็นเอช โรงพยาบาลพญาไท และโรงพยาบาลเปาโล รวมทั้งมีโรงพยาบาลในประเทศกัมพูชา ภายใต้แบรนด์ Royal International Hospital และกลุ่มโรงพยาบาลอีก 6 แห่งที่ดำเนินงานภายใต้ตราสัญลักษณ์โรงพยาบาลท้องถิ่น
 
ทั้งนี้ ตามแผนระยะ 5 ปี เริ่มตั้งแต่ปี 2560 กลุ่ม BDMS ตั้งเป้าผลักดันโรงพยาบาลในเครือทุกแห่ง เพื่อเป็นกลุ่มโรงพยาบาลที่มีคุณภาพมากที่สุดในเอเชียแปซิฟิก โดยช่วง 2 ปีแรก จะพัฒนาคุณภาพรักษาให้เหนือกว่าประเทศสิงคโปร์และออสเตรเลีย รวมทั้งเร่งเพิ่มศักยภาพโรงพยาบาลให้อยู่ระดับเดียวกับสหรัฐฯ และยุโรป เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าจากต่างประเทศ 
 
อย่างโรงพยาบาลกรุงเทพ (ซอยศูนย์วิจัย) อยู่ระหว่างการก่อสร้าง BDMS Center of Excellence Network (ซีโออี) หรือ “ฟีนิกซ์ โปรเจ็กต์” งบลงทุนรวม 4,000 ล้านบาท เพื่อให้บริการทางการแพทย์เฉพาะทาง เช่น ศูนย์ประสาทวิทยา ศูนย์กระดูกสันหลัง และศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพ ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในอีก 2 ปี และจะกลายเป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงความร่วมมือด้านเทคโนโลยีขั้นสูงและศูนย์บุคลากรกับพันธมิตรในอเมริกา เยอรมนี และญี่ปุ่น 
 
นอกจากนี้ จะพัฒนาเครือข่าย Center of Excellence ในโรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท, สมิติเวช ศรีนครินทร์, พญาไท 2, รพ.กรุงเทพ พัทยา, รพ.กรุงเทพ ภูเก็ต, รพ.กรุงเทพ อุดรธานี และ รพ.กรุงเทพ เชียงใหม่ 
 
ขณะที่โรงพยาบาลลูกอื่นๆ อย่างพญาไท 3 ล่าสุดเตรียมเปิดให้บริการศูนย์การแพทย์เฉพาะทาง ศูนย์เวชศาสตร์ชะลอวัย หรือ Phayathai 3 Wellness And Aging Center (PWA Life Center) เพื่อรองรับกลุ่มผู้สูงอายุระดับพรีเมียม รวมทั้งลงทุนเปิดศูนย์การแพทย์เฉพาะทางขนาดใหญ่อีก 20 ศูนย์ 
 
นพ.อนันตศักดิ์ อภัยรัตน์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพญาไท 2 ในเครือ BDMS เปิดเผยว่า รพ.พญาไทวางแผนยกระดับ “ศูนย์การแพทย์ที่เป็นเลิศครบวงจร” หรือ  Center of Excellence   ตามนโยบายของบริษัทแม่ โดยเตรียมเงินลงทุน 800 ล้านบาท พัฒนาโปรแกรมด้านการรักษา โดยเฉพาะในกลุ่มศูนย์การแพทย์ของโรงพยาบาลที่มีความโดดเด่นอยู่แล้ว แม้โรงพยาบาลอื่นๆ อาจมีบริการเช่นเดียวกัน แต่พญาไท 2 มีจุดเด่นด้านความเป็นเลิศและได้มาตรฐานสากล 
 
เช่น ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพและอาชีวเวชศาสตร์ ร่วมกับ Oregon Health & Science University (OHSU) เพิ่มความเข้มข้นในโปรแกรมส่งเสริมสุขภาพให้ลูกค้าและผู้ป่วยปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตอย่างสิ้นเชิง เพื่อลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคกลุ่ม NCDs หรือกลุ่มโรคที่เกิดจากพฤติกรรม ได้แก่ มะเร็ง โรคหัวใจ เบาหวาน ไตวายเรื้อรัง อัมพาต อัมพฤกษ์ รวมทั้งให้บริการเรื่องการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม
 
ศูนย์การรักษาหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพอง (Aortic Excellence Center) โดยแพทย์เฉพาะทาง ซึ่งสามารถช่วยชีวิตผู้ป่วยโรคหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพองมากกว่า 2,000 ราย และนำเทคโนโลยีห้องผ่าตัดอัจฉริยะ Hybrid Operating Room มาเพิ่มประสิทธิภาพของแพทย์ผ่าตัด
 
สำหรับศูนย์สุขภาพหญิง (Women Center) ซึ่งเป็นศูนย์ที่ได้รับการยอมรับในกลุ่มคนไข้และวงการแพทย์ เน้นเทคโนโลยีด้านการผ่าตัดรักษาแบบไร้แผล ทำให้การผ่าตัดส่องกล้องแผลเดียวง่ายขึ้นมาก นอกจากนี้ ยังมีศูนย์สมองและระบบประสาท (Neurological Center) บริการการรักษาด้านสมอง และระบบประสาทอย่างครบวงจร มีเครื่องกำหนดตำแหน่งในสมองเสมือนจริง (Neuro-navigator) และศูนย์อุบัติเหตุ-ต่ออวัยวะ (Trauma and Replantation Center) เป็นศูนย์กลางการให้บริการผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ ลดอัตราการสูญเสียอวัยวะ และกลับมาใช้งานได้เหมือนเดิม
 
ศูนย์ทั้งหมดของพญาไท 2 และศูนย์อื่นๆ ในกลุ่ม BDMS อีก 40 กว่าแห่ง จะรองรับบิ๊กโปรเจกต์  BDMS Wellness Clinic ซึ่งกำลังเปิดตัวอย่างครบวงจรภายในปี 2560 ทั้งดูแล ฟื้นฟู และรักษาทางการแพทย์ 
 
เพราะเป้าหมายของ “หมอเสริฐ” ไม่ใช่แค่ตลาดในประเทศหลักหมื่นล้าน แต่ชูธงฮุบตลาดใหม่ ขนาดใหญ่กว่าและมีเม็ดเงินมากกว่าแสนล้านรออยู่ข้างหน้า