ซีพี-เมจิ ก่อตั้ง Milk Museum by CP-Meiji เมื่อประมาณ 7 ปีก่อน ด้านหนึ่งต้องการเป็นศูนย์การเรียนรู้กระบวนการผลิตนมและโยเกิร์ตในฐานะผู้นำตลาดเบอร์ 1 อีกด้านหนึ่งคาดหวังการถ่ายทอดองค์ความรู้ทุกขั้นตอนจะกระตุ้นให้เด็กๆ หันมาดื่มนมมากขึ้น เพราะตัวเลข ณ ปัจจุบันยังน้อยกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกถึง 6 เท่า ทั้งที่เป็นประเทศผู้ผลิตน้ำนมดิบมากที่สุดในเซาท์อีสต์เอเชีย
ทั้งนี้ องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) ระบุว่า ปริมาณการดื่มนมของคนไทยยังมีอัตราส่วนเฉลี่ยเพียง 18 ลิตร/คน/ปี หรือสัปดาห์ละ 2 แก้ว เทียบกับประเทศอื่นๆ เช่น ญี่ปุ่นเฉลี่ย 90 ลิตร/คน/ปี สิงคโปร์ 62 ลิตร/คน/ปี จีน 38 ลิตร/คน/ปี ขณะที่อัตราบริโภคนมเฉลี่ยของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อยู่ที่ 60 ลิตรต่อคนต่อปี และอัตราการดื่มนมทั่วโลกอยู่ที่ 103.9 ลิตรต่อคนต่อปี
นั่นทำให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พยายามผลักดันคนไทยดื่มนมเพิ่มขึ้นมากกว่า 25 ลิตรต่อคนต่อปี ซึ่งเดิมวางแผนต้องบรรลุเป้าหมายในปี 2563 จนล่าสุดประกาศต้องพลิก Mission Impossible เป็น Mission Possible ให้ได้ภายในปี 2570 โดยเฉพาะนมโคแท้ 100% เพราะไม่ใช่แค่ผู้บริโภคจะได้รับสารอาหารและโภชนาการที่ดีจากนม แต่ยังหมายถึงการสร้างอาชีพที่มั่นคงให้เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม
สำหรับ MILK MUSEUM by CP-MEIJI ตั้งอยู่ที่อำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี แบ่งพื้นที่ 4 โซน เริ่มจากโซนที่ 1 Journey of milk & Enriching Life พื้นที่เรียนรู้ต้นกำเนิดของกิจการโคนมแห่งประเทศไทย เรื่องราวอาชีพพระราชทานจากในหลวงรัชกาลที่ 9 สู่ประวัติการก่อตั้งโรงงาน ซีพี-เมจิ ซึ่งเกิดจากการร่วมลงทุนระหว่างบริษัทเครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด และบริษัทเมจิ จำกัด ประเทศญี่ปุ่น โดยจดทะเบียนก่อตั้งบริษัทเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2532 และเปิดโรงงานเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2533 บนพื้นที่ 155 ไร่ รวมถึงการเดินทางกว่า 4 ทศวรรษบนเจตนารมณ์ขององค์กรในการ “เพิ่มคุณค่าชีวิต” หรือ “Enriching Life”
โซนที่ 2 Mezzanine พื้นที่ทำกิจกรรมและถ่ายภาพ ต่อด้วยโซนที่ 3 ห้อง Auditorium ห้องประชุมชมวีดิทัศน์และทำกิจกรรม และโซนที่ 4 Visitor Corridor ประกอบด้วย 7 ฐานการเรียนรู้ (Stations) เกี่ยวกับกระบวนการผลิตนมพาสเจอร์ไรซ์ นมเปรี้ยว และโยเกิร์ต ภายใต้มาตรฐานแบรนด์ “ซีพี-เมจิ”
STATION 1 RAW MILK เรียนรู้เกี่ยวกับน้ำนมดิบ ทำความรู้จักแม่วัวสายพันธุ์ดีที่ซีพี-เมจิ เลือกใช้ในการผลิตนม และมาตรฐานการตรวจสอบคุณภาพน้ำนมดิบก่อนส่งเข้าโรงงานซีพี-เมจิ
STATION 2 GET READY บอกเล่าข้อควรปฏิบัติของพนักงานก่อนเข้าภายในโรงงานซีพี-เมจิ
STATION 3 MIXING ไขความลับความอร่อยนมเมจิ ในฐานะผู้นำตลาดที่มียอดขายอันดับ 1 ในตลาดนมพาสเจอร์ไรซ์ของประเทศไทยมากว่า 30 ปี ผ่านการจำลองกระบวนการผลิตภายใต้มาตรฐานการผลิตจากประเทศญี่ปุ่น
STATION 4 YOGHURT โชว์นวัตกรรมเปลี่ยนผ่านจากนมคุณภาพสู่โยเกิร์ตแท้ ทำไมโยเกิร์ตเมจิบัลแกเรียถึงเป็นโยเกิร์ตแท้ต้นตำรับและขายดีในประเทศญี่ปุ่นมากว่า 40 ปี
STATION 5 FILLING จำลองพื้นที่สะอาดที่สุดในโรงงาน อากาศภายในเครื่องบรรจุที่โรงงานเมจิสะอาดมากกว่าอากาศทั่วไปถึง 2,000 เท่า
STATION 6 STORE YOUR MILK เรียนรู้การบริหารจัดการผลิตภัณฑ์ในคลังสินค้าห้องเย็น สามารถเก็บนมได้มากกว่า 10 ล้านขวด รวมถึงระบบการตรวจสอบย้อนกลับ
STATION 7 MILK FOR ALL วิสัยทัศน์ของซีพี-เมจิ การส่งต่อความสุขและพันธกิจของบริษัทต่อผู้บริโภคและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับองค์กร รวมถึงความหมายภายใต้แบรนด์ “ซีพี-เมจิ”
ปัจจุบัน ซีพี-เมจิ สร้างรายได้มากกว่า 1 หมื่นล้านบาทต่อปี มีผลิตภัณฑ์แบ่งเป็นกลุ่มนมเมจิ นมพาสเจอร์ไรซ์ นมเปรี้ยวโยเกิร์ตพร้อมดื่ม โยเกิร์ต เมจิ บัลแกเรีย โยเกิร์ตกรีกสไตล์ และกลุ่มสินค้าช่องทางฟู้ดเซอร์วิส ได้แก่ เมจิ วิปปิ้งครีมสำหรับอาหาร เบเกอรี่และเครื่องดื่ม เมจิ เรย์ นมพาสเจอร์ไรซ์ นมคุณภาพที่ช่วยเสริมรสชาติกาแฟ เมจิ มิกซ์มิลค์ นมมิกซ์พร้อมใช้สูตรสำหรับกาแฟและเครื่องดื่ม ในรูปแบบพาสเจอรไรซ์ที่ผสมผสานรสชาติของนมข้นหวานกับนมข้นจืดในกล่องเดียว นอกจากนั้น ออกโยเกิร์ตเมจิไขมันต่ำ รสธรรมชาติ สูตรไม่เติมน้ำตาลทราย ขนาดใหญ่ 2 กิโลกรัม สำหรับผู้ประกอบการทำสมูทตี้ ไอศกรีม ซอส น้ำสลัดต่างๆ
แต่ที่กำลังปลุกกระแสร้อนแรง คือ ไอศกรีม Soft Serve ซึ่งลุยเจาะตลาดร่วมกับห้างแม็คโครและโลตัส เพราะไม่ใช่แค่เสียงเรียกร้องจากกลุ่มลูกค้าให้เร่งเพิ่มจุดขายทั่วประเทศ แต่วันนี้กลายเป็น Rare Item ที่ทุกคนอยากลิ้มรสเนื้อไอศกรีมหวานละมุน ผลิตจากจากนมโคแท้ๆ ให้ได้!!.
118 ปี โคนมตัวแรกในไทย
การเลี้ยงโคนมในประเทศไทยเกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 2450 โดยชาวอินเดียที่อพยพมาตั้งถิ่นฐานในประเทศไทย นำโคสายพันธุ์บังคลา (Benglani) เข้ามาด้วย เพื่อรีดน้ำนมดื่มกินในครัวเรือน แต่ผลผลิตน้ำนมยังมีปริมาณต่ำมาก เพียง 2-4 กิโลกรัมต่อตัวต่อวัน ต่อมาจึงนำเข้าโคนมตระกูลเขตร้อนอีกหลายพันธุ์ เช่น โคนมพันธุ์เรดซินดิ (Red Sindhi) และพันธุ์ซาฮิวาล (Sahiwal) เพื่อเพิ่มผลผลิต
ปี 2463 หม่อมเจ้าสิทธิพร กฤดากร สั่งซื้อโคพันธุ์โฮลสไตน์ฟรีเชียนมาเลี้ยงที่ ต.บางเบิด จ.ประจวบคีรีขันธ์ ถือเป็นคนไทยคนแรกที่รีดนมเพื่อการบริโภคในครัวเรือน
ปี 2495 รัฐบาลไทยสั่งซื้อโคพันธุ์เจอร์ซีและโคพันธุ์บราวสวิสจากประเทศสหรัฐอเมริกา และโคพันธุ์เรด ซินดิ จากประเทศปากีสถาน เข้ามาเลี้ยงในประเทศไทย ขณะเดียวกัน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์จัดตั้งฟาร์มโคนม เพื่อเป็นแหล่งผลิตและจำหน่ายน้ำนมให้ประชาชน
กระทั่งปี 2503 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชเสด็จประพาสประเทศเดนมาร์ก พระองค์ทรงสนพระราชหฤทัยในกิจการเลี้ยงโคนม ทรงตระหนักว่า น้ำนมมีคุณค่าทางอาหารสูงและเป็นประโยชน์ต่อร่างกายมนุษย์ จึงเสด็จทอดพระเนตรกิจการฟาร์มโคนมและการแปรรูปผลิตภัณฑ์นมหลายแห่งในประเทศเดนมาร์ก เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการดำเนินกิจการโคนมและแปรรูปนมในประเทศไทย
ในครั้งนั้น สมเด็จพระเจ้าเฟรเดอริกที่ 9 แห่งเดนมาร์ก ร่วมกับรัฐบาลและองค์การเกษตรกรรมของประเทศเดนมาร์ก น้อมเกล้าฯ ถวายโครงการส่งเสริมการเลี้ยงโคนมในประเทศไทย จัดตั้งฟาร์มโคนมไทย-เดนมาร์ค ที่ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี โดยพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระเจ้าเฟรดเดอริคที่ 9 แห่งประเทศเดนมาร์ก ทรงประกอบพิธีเปิดฟาร์มโคนมและศูนย์ฝึกอบรมการเลี้ยงโคนมไทย-เดนมาร์ค เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2505 ถือเป็นกิจการโคนมเป็นแห่งแรกของประเทศไทย
พระองค์ยังทรงริเริ่มเปิดโรงโคนมสวนจิตรลดา บริเวณพระตำหนักสวนจิตรลดารโหฐาน และเสด็จฯ เปิดโรงโคนมสวนจิตรลดา เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2505 เพื่อส่งเสริมการเลี้ยงโคนมและการบริโภคนม มีการรีดนมบรรจุขวดแก้ว จำหน่ายให้ข้าราชบริพาร ราคา 1.50 บาท ต่อ 8 ออนซ์ และพระราชทานโคตัวผู้ให้กรมปศุสัตว์ไปเลี้ยงเป็นพ่อพันธุ์ พระองค์จึงเปรียบเสมือน “พระบิดาแห่งโคนมไทย”
ต่อมาเกิดภาวะนมสดล้นตลาดช่วงปี 2511-2512 ผู้เลี้ยงโคนมถวายฎีกาแด่รัชกาลที่ 9 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างโรงนมผงสวนดุสิตในปี 2512 เป็นโรงนมผงแห่งแรกของไทย เพื่อแปรรูปน้ำนมดิบ และปีต่อมาก่อสร้างโรงงานหนองโพที่ ต.หนองโพ จ.ราชบุรี เป็นโรงงานนมผงที่ได้ต้นแบบมาจากโรงงานนมผง สวนจิตรลดา พร้อมตั้งสหกรณ์โคนมหนองโพ
ปี 2514 รัฐบาลไทยรับโอนกิจการฟาร์มโคนมและศูนย์ฝึกอบรมการเลี้ยงโคนม ไทย-เดนมาร์ค จัดตั้งเป็นรัฐวิสาหกิจสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ชื่อว่า องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) มีสำนักงานอยู่ที่ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ซึ่งรัฐบาลไทยกำหนดให้วันที่ 17 มกราคมของทุกปีเป็นวันโคนมแห่งชาติ
แม้มีความพยายามกระตุ้นการดื่มนม รวมถึงโรงงานนมผงสวนดุสิตและโรงงานหนองโพได้พัฒนาผลิตภัณฑ์จากน้ำนมดิบ เช่น เนยแข็ง ไอศกรีม โยเกิร์ต เนยสด นมข้นหวาน แต่ความนิยมในการบริโภคและการทำตลาดยังไม่กว้างขวาง จนถึงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 7 (พ.ศ. 2535-2539) สนับสนุนกิจการโคนมด้านต่าง ๆ อย่างจริงจัง เช่น ลดหรือยกเว้นภาษีนำเข้าภาชนะบรรจุนมพร้อมดื่ม สนับสนุนโรงงานแปรรูปนมใช้น้ำนมดิบแทนนมผงคืนรูป ทำโครงการนมโรงเรียน ช่วยให้คนไทยโดยเฉพาะเด็กๆ ดื่มนมมากขึ้น รวมถึงเกิดบริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์นมแบรนด์ต่างๆ มากมาย.