วันเสาร์, พฤศจิกายน 23, 2024
Home > Cover Story > “สยามปทุมวัน เฮ้าส์” บ้านหลังใหม่ เมกะโปรเจกต์ของกลุ่มสยามกลการ

“สยามปทุมวัน เฮ้าส์” บ้านหลังใหม่ เมกะโปรเจกต์ของกลุ่มสยามกลการ

สยามกลการ (Siam Motors หรือ SM) ก่อตั้งขึ้นโดย ดร.ถาวร พรประภา เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2495 เพื่อประกอบธุรกิจค้ารถยนต์ ซึ่งต่อมาได้กลายมาเป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์นิสสัน ดัทสัน แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย และนับเป็นผู้แทนจำหน่ายในต่างประเทศรายแรกของนิสสัน มอเตอร์ประเทศญี่ปุ่น

ปี 2505 สยามกลการได้ก่อตั้งโรงงานประกอบรถยนต์นิสสันแห่งแรกของประเทศไทย ภายใต้ชื่อ “บริษัท สยามกลการและนิสสัน จำกัด” ขึ้น ก่อนที่จะขยายธุรกิจออกไปสู่อุตสาหกรรมอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่บนถนนพระราม 1 ปทุมวัน

ปัจจุบันสยามกลการได้มีการขยายการดำเนินธุรกิจออกไปถึง 6 กลุ่มธุรกิจที่รู้จักกันในชื่อ “กลุ่มสยามกลการ” ประกอบด้วย อุตสาหกรรมรถยนต์, อะไหล่ชิ้นส่วนรถยนต์, อุตสาหกรรมและเครื่องจักรกลหนัก, การท่องเที่ยวและบริการ, การศึกษาและเครื่องดนตรี และธุรกิจการลงทุน ครอบคลุม 6 ประเทศทั่วอาเซียน มีบริษัทในเครือมากถึง 69 บริษัท โรงงาน 24 แห่ง มีพนักงานรวมกันทั้งหมด 23,000 คน และมีแบรนด์ต่างๆ อยู่ภายใต้กลุ่มรวม 29 แบรนด์ที่คุ้นตากันเป็นอย่างดี อย่าง นิสสัน, เกีย, ยีเอสแบตเตอรี่, โคมัตสุ, สยาม แอท สยาม ดีไซน์ โฮเทล, สยามดนตรียามาฮ่า, สยามคันทรีคลับ พัทยา วอเตอร์ไซค์, เมอเวนพิค สยาม โฮเทล นาจอมเทียน พัทยา เป็นต้น  โดยปีที่ผ่านมาสามารถสร้างยอดขายไปได้มากถึง 2 แสนล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่มาจากอุตสาหกรรมรถยนต์และอะไหล่ชิ้นส่วนรถยนต์

ล่าสุดกลุ่มสยามกลการถือโอกาสที่ดำเนินธุรกิจมาเป็นปีที่ 72 เปิดตัว “สยามปทุมวัน เฮ้าส์” อาคารสำนักงานอัจฉริยะระดับเกรดเอแห่งแรกของบริษัทฯ ย่านปทุมวัน อย่างเป็นทางการ ซึ่งถือเป็นบ้านหลังใหม่เพราะมีการย้ายสำนักงานใหญ่จากอาคารหลังเดิมบริเวณตรงข้ามสนามกีฬาแห่งชาติมาอยู่อาคารใหม่แห่งนี้ อีกทั้งยังเป็นการก้าวขึ้นเป็นผู้เล่นหน้าใหม่ในธุรกิจอาคารสำนักงานให้เช่าของกลุ่มสยามกลการอีกด้วย

สำหรับ “สยามปทุมวัน เฮ้าส์” เมกะโปรเจกต์ที่มีมูลค่าการลงทุนกว่า 3.5 พันล้านบาท เป็นโครงการใหม่ภายใต้กลุ่มธุรกิจการลงทุน ซึ่งเป็น 1 ใน 6 กลุ่มธุรกิจหลักของกลุ่มสยามกลการ ที่เรียกได้ว่าเป็นก้าวสำคัญของ SMG Next ซึ่งคือกลุ่มบริษัทที่เป็นธุรกิจใหม่ของกลุ่มสยามกลการ โดยการก่อสร้างอาคารมีพิธีวางศิลาฤกษ์ในเดือนเมษายน 2564 ดำเนินการก่อสร้างเสร็จสิ้นในช่วงไตรมาสที่ 4 ปี 2566 และได้ฤกษ์เปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา

ประกาสิทธิ์ พรประภา บุตรชายคนเล็กของ ดร.พรเทพ-มยุรี พรประภา ในฐานะเจเนอเรชันที่ 3 ของตระกูล “พรประภา” ที่ได้รับการแต่งตั้งขึ้นเป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สยามกลการ จำกัด ไปเมื่อเดือนเมษายน 2566 ให้ข้อมูลเกี่ยวกับสยามปทุมวัน เฮ้าส์ ว่า

“อาคารสยามปทุมวัน เฮ้าส์ เป็นความภูมิใจและเป็นเครื่องยืนยันถึงวิสัยทัศน์ ‘SMG Next: Building Tomorrow, Today’ ที่นี่เปรียบเสมือนบ้านหลังที่สองของเรา กลุ่มสยามกลการไม่เพียงแต่มีเป้าหมายที่จะกำหนดอนาคตของการทำงานด้วยอาคารสำนักงานระดับพรีเมียมเกรดเอนี้เท่านั้น แต่ยังมุ่งขับเคลื่อนการเติบโตของประเทศไทยผ่านบริษัทในเครือของเรากว่า 69 แห่งทั่วตลาดต่างๆ”

อาคารสยามปทุมวัน เฮ้าส์ เป็นอาคารสำนักงานให้เช่าเกรดเอ มีจำนวน 33 ชั้น มีความสูง 136 เมตร และมีพื้นที่สำนักงานให้เช่าและพื้นที่ร้านค้าปลีกทั้งหมด 51,000 ตารางเมตร ตั้งอยู่บนถนนพญาไทในพื้นที่ย่านสยามสแควร์ สามารถเชื่อมต่อการเดินทางได้ทั้งรถไฟฟ้าบีทีเอส, รถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์, ท่าเรือ และทางด่วน โดยกลุ่มสยามกลการยังได้ลงทุนสร้างทางเชื่อมลอยฟ้าโดยตรงจากตัวอาคารไปยัง ONESIAM และลานเชื่อมแยกปทุมวันกับสถานีรถไฟฟ้าอีกด้วย

ในส่วนของตัวอาคารมีการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมของกลุ่มสยามกลการเข้ามาใช้ ทั้ง Hitachi Smart Building Platform มีการควบคุมอุณหภูมิภายในอาคารด้วยเทคโนโลยี VRV (Variable Refrigerant Volume) ของไดกิ้น อีกทั้งยังมีฟีเจอร์ด้านความยั่งยืน อย่างเซ็นเซอร์แสงและการเคลื่อนไหว กระจกสะท้อนกันความร้อน สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ระบบประหยัดน้ำ และระบบบำบัดน้ำเสีย ซึ่งทำให้อาคารสยามปทุมวัน เฮ้าส์ได้รับการรับรองมาตรฐานทั้ง LEED ระดับโกลด์, Fitwel ระดับ 1 ดาว,  SmartScore ระดับโกลด์ และ WiredScore ระดับแพลทินัม ซึ่งถือเป็นอาคารแห่งที่สองในประเทศไทยที่ได้รับการรับรองมาตรฐานนี้

ไม่เพียงเท่านั้นกลุ่มสยามกลการยังได้พันธมิตรคนสำคัญ อย่าง “โกลว์ฟิช” (Glowfish) ผู้ให้บริการสำนักงานสำเร็จรูประดับไฮเอนด์ในเครือ เฮอริเทจ เอสเตทส์ มาร่วมบริหารพื้นที่บริเวณ Club Siam ชั้น 11 ที่นอกจากจะเป็น Co-working space ที่มีทั้งห้องประชุมและสัมมนาแล้ว ยังมี Club Siam Eatery & Bar และพื้นที่ไลฟ์สไตล์อเนกประสงค์ ด้วยพื้นที่กว่า 2,700 ตารางเมตร

ซึ่งสยามกลการมองว่า ด้วยทำเลที่ตั้งที่อยู่ใจกลางเมือง ใกล้กับสถานที่สำคัญทางการค้า อีกทั้งยังมีการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่างๆ เข้ามาใช้ภายในอาคาร และการได้รับมาตรฐานระดับโลกข้างต้นที่ตอบโจทย์ด้านความยั่งยืนที่องค์กรต่างๆ ให้ความสำคัญ รวมถึงได้มืออาชีพด้านการบริหารพื้นที่อย่างโกลว์ฟิชมาเป็นพันธมิตร ล้วนเป็นจุดแข็งที่จะทำให้กลุ่มสยามกลการสามารถแข่งขันในตลาดอาคารสำนักงานให้เช่าที่มีการแข่งขันที่ดุเดือดอย่างในปัจจุบันได้ไม่ยากนัก

นอกจากจะเป็นสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ของกลุ่มสยามกลการแล้ว อาคารสยามปทุมวัน เฮ้าส์ ยังเป็นที่ตั้งของบริษัทชั้นนำหลายแห่ง ทั้ง สยามดนตรียามาฮ่า, นิสสัน เทรดดิ้ง, ไดกิ้น,  คริสเตียน ลูบูแตง, ฮิตาชิ เอลลิเวเตอร์, แอกซ่า ประกันภัย, บิวเทรี่ยม, อันเดอร์ อาร์เมอร์ อีกด้วย โดยปัจจุบันมีผู้เช่าแล้วราวๆ 54% ซึ่งกลุ่มสยามกลการตั้งเป้าจะมีผู้เช่าเพิ่มขึ้นเป็น 75% ในปี 2568

ในส่วนของอาคารสำนักงานเดิมของสยามกลการจะมีการพัฒนาเป็นโรงแรมขนาด 19 ชั้น เพื่อเร่งสปีดกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวและบริการ ด้วยเม็ดเงินลงทุนกว่า 1.5 พันล้านบาท โดยมีการเซ็น MOU กับกลุ่มแพน แปซิฟิก (Pan Pacific Hotels Group) ไปเมื่อเร็วๆ นี้ และคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2570 และทางฝั่งธุรกิจการศึกษาก็ไม่น้อยหน้า เพราะกำลังดำเนินการก่อสร้างโรงเรียนนานาชาติที่พัทยาอีกหนึ่งโครงการ เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดที่ยังคงมีอยู่

โดยกลุ่มสยามกลการตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ใน 3 ปีข้างหน้าไว้ที่ 20% ด้วยแผนการลงทุนมูลค่ากว่า 9.5 พันล้านบาท.