วันอาทิตย์, พฤศจิกายน 24, 2024
Home > Cover Story > “เจ้าสัว” ยุคทรานส์ฟอร์มเมอร์ ดันโปรตีนสแน็กชิงตลาดแสนล้าน

“เจ้าสัว” ยุคทรานส์ฟอร์มเมอร์ ดันโปรตีนสแน็กชิงตลาดแสนล้าน

หุ้น “เจ้าสัว” หรือ CHAO ได้ฤกษ์ 9 กรกฎาคมที่ผ่านมา ลุยเทรดในตลาดหุ้นไทยวันแรก ถือว่าสอบผ่านฝ่าพิษเศรษฐกิจยุคหนี้ครัวเรือนบานเบอะ แถมมีนักลงทุนระดับ “บิ๊ก” กวาดซื้อหุ้นจนติดโผผู้ถือหุ้นใหญ่ถึง 3 ราย ทั้งสถาพร งามเรืองพงศ์ หรือ “เซียนฮง” กว่า 6 ล้านหุ้น สมพงษ์ ชลคดีดำรงกุล หรือ “เสี่ยปู่” 2.4 ล้านหุ้น และ นเรศ งามอภิชน อีก 2 ล้านหุ้น กลายเป็นหุ้นเด่นในวันนั้น

ที่สำคัญ เป็นธุรกิจเก่าแก่กว่า 66 ปี ที่พลิกจากกิจการจำหน่ายของฝากธรรมดา หมูหยอง หมูแผ่น กุนเชียง เมืองโคราช ทรานส์ฟอร์มกลายเป็นธุรกิจผลิตและจำหน่ายขนมขบเคี้ยว โปรตีนสแน็กแนวใหม่ ภายใต้แบรนด์ “เจ้าสัว” และแบรนด์ “โฮลซัม (Wholesome)”

แน่นอนว่า การรุกเข้าสู่ตลาดขนมขบเคี้ยวเป็นโจทย์ท้าทายและหอมหวนยิ่งนัก เพราะมีมูลค่าเม็ดเงินมหาศาลและแนวโน้มเติบโตทุกปี ชนิดกินได้กินดีทุกโอกาส โดยตัวเลขคาดการณ์ปี 2567 ทะลุหลักแสนล้านบาทอยู่ที่ 105,840 ล้านบาท ปี 2568 จะเพิ่มขึ้นเป็น 112,750 ล้านบาท ปี 2569 จะเพิ่มขึ้นเป็น 119,996 ล้านบาท และปี 2570 จะเพิ่มขึ้นอย่างน้อยอยู่ที่ 127,679 ล้านบาท

หากแบ่งแยกประเภทแล้ว กลุ่มมันฝรั่งทอดกรอบยังมีสัดส่วนมากสุด 36.0% ขนมขึ้นรูป 27.0% ขนมที่ทำจากเนื้อปลาและปลาหมึก 10.0% ถั่ว 10.0% ขนมที่ทำจากข้าวอื่นๆ 2.9% ข้าวตัง 2.6% สาหร่าย 5.4% ขนมจากเนื้อหมู 1.3% ที่เหลือเป็นขนมจากวัตถุดิบอื่นๆ

ที่น่าสนใจ คือ เจ้าสัวยึดครองตลาดกลุ่มข้าวตังและสแน็กจากเนื้อหมูอย่างเหนียวแน่น ซึ่งมีสัดส่วนรวมกัน 3.9%โดยกลุ่มข้าวตังมีมูลค่าเม็ดเงินราว 1,300 ล้านบาท แบรนด์เจ้าสัวกวาดส่วนแบ่งมากกว่า 75% และคาดว่า ภาพรวมตลาดจะเพิ่มขึ้นใกล้แตะ 2,000 ล้านบาท ในปี 2570

ส่วนขนมขบเคี้ยวจากเนื้อหมู โปรตีนสแน็กแนวใหม่ ปีนี้มีมูลค่าตลาดราว 813 ล้านบาท คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น1,400 ล้านบาทในอีก 3 ปีข้างหน้า โดยล่าสุด เจ้าสัวยึดเบอร์ 1 ส่วนแบ่งมากกว่า 57%

ขณะที่คู่แข่งแบรนด์ใหญ่ ณ ปัจจุบัน มีเพียงอองเทร่และ ส.อกไก่นรกของกลุ่ม ส.ขอนแก่น

ทั้งภาพรวมและการเติบโตของตลาด “เจ้าสัว” จึงพุ่งเป้าการขยายไลน์สินค้าไล่ให้ทันไลฟ์สไตล์ของผู้คนและอาหารสุขภาพ ซึ่งฐานลูกค้าส่วนนี้มีจำนวนเพิ่มขึ้นทุกปีและถือเป็นเทรนด์มาแรง ไม่ใช่เฉพาะตลาดในประเทศไทย แต่รวมถึงตลาดส่งออกทั่วโลก โดยมีผลสำรวจวิจัยชี้ชัดว่า ผู้บริโภคจำนวนมากต้องการขนมขบเคี้ยวที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ไขมันต่ำ และไม่ใช่แค่แป้งแปรรูปที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ

อย่างไรก็ตาม บริษัท เจ้าสัวฟู้ดส์ อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) ต้องวางแผนและรุกตลาดกว่า 4 ปี เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคและสร้างการรับรู้ใหม่ โดยเฉพาะการตัดสินใจทุ่มเม็ดเงินกว่าร้อยล้านบาท ทรานส์ฟอร์ม 360 องศา จากแบรนด์ขนมและของฝากเก่าแก่ของไทยกว่า 60 ปี สู่โปรตีนสแน็ก แบรนด์ของรับประทานเล่นที่พร้อมรับประทานได้ทุกวันของคนรุ่นใหม่ เพื่อขยายตลาดคนรุ่นใหม่ ทั้งการดึงนักแสดงหนุ่ม “เจมส์ จิรายุ” เป็นพรีเซนเตอร์ ยิงภาพยนตร์โฆษณาผ่านคอนเซ็ปต์ “อร่อยง่าย ได้โปรตีน” และอัดแคมเปญ “รู้งี้กินนานแล้ว” ตีสแน็กแนวเก่าอย่างตรงไปตรงมา

ด้านตลาดส่งออก บริษัทตั้งเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเป็น 37% ของรายได้รวมภายในปี 2569 จากสิ้นปี 2566 อยู่ที่ 27.7% ผ่านการเพิ่มผลิตภัณฑ์ ภายใต้แนวคิด Bring Local to Global โดยปัจจุบันบุกตลาด 12 ประเทศทั่วโลก เช่น สหรัฐอเมริกา จีน เขตปกครองพิเศษฮ่องกง ออสเตรเลีย รวมถึงจะขยายตลาดกลุ่มสินค้าฮาลาล เช่น แครกเกอร์ธัญพืช หนังปลา ข้าวตังหน้าปลาหยอง

นางสาวณภัทร โมรินทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ้าสัว ฟู้ดส์ อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ CHAO กล่าวว่า เจ้าสัวยุคเจนใหม่ตั้งเป้าผลักดันแบรนด์ขึ้นแท่น Global Brand เพื่อสร้างการเติบโตชนิดก้าวกระโดด รักษาความเป็นผู้นำในธุรกิจผลิตและจำหน่ายขนมขบเคี้ยวไทยรูปแบบใหม่ (Modern Thai Snack)  ซึ่งการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยจะเสริมความพร้อมด้านเงินทุนและการขยายกำลังการผลิต โดยเร่งก่อสร้างโรงงานโฮลซัมแห่งที่ 2 และยกระดับระบบปฏิบัติการอัตโนมัติ (Automation)

ทั้งนี้ ช่วงการทรานส์ฟอร์มระหว่างปี 2563-2566 โดยเฉพาะปี 2563 เกิดสถานการณ์โควิดแพร่ระบาดอย่างหนัก ผู้คนหยุดการเดินทางท่องเที่ยวต่อเนื่องจนถึงปี 2564 เป็นเหตุผลสำคัญของการปรับกลยุทธ์ครั้งใหญ่ ไม่ใช่รอลูกค้าเข้ามาจับจ่ายแต่ต้องรุกเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภค รุกช่องทางจำหน่ายผ่านโมเดิร์นเทรดทั่วประเทศมากกว่า 20,000 แห่ง

ผลปรากฏว่า ระยะ 3 ปีที่ผ่านมาบริษัทมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งทั้งรายได้และกำไรสุทธิ โดยปี 2564, 2565 และ 2566 มีรายได้จากการขาย 1,135.1 ล้านบาท 1,413.6 ล้านบาท และ 1,493.4 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ย 14.7% ต่อปี ด้านกำไรสุทธิในปี 2564 2565 และ 2566 ทำได้ 64.4 ล้านบาท 86.6 ล้านบาท และ 161.6 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยที่ 58.4% และมีอัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง 5.6% 6.1% และ 10.7% ตามลำดับ โดยกำไรสุทธิเติบโตอย่างก้าวกระโดด

นอกจากนั้น หากเจาะตลาดส่งออก ปี 2564-2566 มีรายได้เติบโตเฉลี่ย 38.26% จากการเริ่มส่งออกขนมขบเคี้ยวแปรรูปจากหนังปลาไปยังประเทศจีน และการส่งออกผลิตภัณฑ์แครกเกอร์ธัญพืช แบรนด์ Wholesome ให้ห้างสรรพสินค้าที่มีเครือข่ายสาขาจำนวนมากในต่างประเทศ

ล่าสุด ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2567 บริษัทมีรายได้จากการขาย ทั้งตลาดในและต่างประเทศ 336.2 ล้านบาท เติบโต 4.1% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1/2566 กำไรสุทธิ 26.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43.4% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2566 และทันทีที่โรงงานแห่งที่ 2 เสร็จสิ้น เป้าหมายการเป็น Global Brand จะใกล้ความจริงมากขึ้นด้วย.

“เตียหงี่เฮียง” จากของดังเมืองโคราช

ปี 2501 นายเพิ่ม โมรินทร์ (แซ่เตีย) เปิดร้านขายของชำแถวย่านคลองเตย ก่อนย้ายถิ่นฐานมาอยู่ที่จังหวัดนครราชสีมา โดยสังเกตเห็นว่ากลุ่มชาวบ้านนิยมเลี้ยงหมูจำนวนมาก ขายได้ราคาและมองว่า นครราชสีมาเป็นเมืองขนาดใหญ่และเป็นประตูสู่ภาคอีสาน จุดแวะผ่านของผู้คนมากมาย  จึงตัดสินใจเปิดกิจการแปรรูปเนื้อหมู ทั้งหมูหยอง หมูแผ่น กุนเชียง สร้างชื่อกลายเป็นของดังประจำเมืองโคราช

ปี 2516 จดทะเบียนนิติบุคคล เปิดห้างหุ้นส่วนจำกัด เตียหงี่เฮียง

ปี 2526 ห้างเตียหงี่เฮียงได้รับสัญลักษณ์ “เชลล์ชวนชิม” เป็นรายแรกในจังหวัดนครราชสีมา

กระทั่งปี 2531 แม้กิจการเติบโตต่อเนื่อง แต่เกิดคู่แข่งในตลาดหลายรายทำให้ทายาทเจเนอเรชัน 2 ปรับกลยุทธ์สร้างความแตกต่าง เปิดตัว ‘ข้าวตังหมูหยอง’ และเปลี่ยนชื่อแบรนด์ “เตียหงี่เฮียง” เป็น “เจ้าสัว” เพื่อความทันสมัยและบุกขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ ปูพรมขายในหลายจังหวัด

ปี 2534 เพิ่มกลุ่มสินค้าขนมขบเคี้ยวประเภทข้าวตังและทดลองส่งออกไปยังเขตปกครองพิเศษฮ่องกง

ปี 2539 จดทะเบียนเป็นบริษัท เตียหงี่เฮียง (เจ้าสัว) จำกัด ทุนจดทะเบียน 35 ล้านบาท

ปี 2541 เจ้าสัวลุยส่งออกสินค้าไปต่างประเทศอย่างจริงจัง

ปี 2545 เปิดร้านศูนย์เจ้าสัว เป็นศูนย์จำหน่ายสินค้าของฝากครบวงจร

ปี 2551 เปิดร้านเจ้าสัวในรูปแบบแฟรนไชส์ในสถานีบริการน้ำมัน ปตท.

ปี 2554 ก่อตั้งบริษัท โฮลซัม ทรี อินเตอร์เนชั่นแนล เพื่อผลิตกลุ่มสินค้าเพื่อสุขภาพและกลุ่มสินค้ามาตรฐานฮาลาล เจาะขยายตลาดส่งออก

ปี 2563 ขยายช่องทางจัดจำหน่ายผ่านร้านค้าปลีกค้าส่งสมัยใหม่ครอบคลุมทั่วประเทศ 18,000 แห่ง

ปี 2564 เปิดตัวพรีเซนเตอร์ ครอบครัว ลิเดีย ศรันย์รัชต์ เป็นครั้งแรก ภายใต้แคมเปญ เจ้าสัว สูตรลับความอร่อย เปลี่ยนภาพลักษณ์จากของฝาก สู่ความอร่อยที่กินได้ทุกวัน “Everyday Consumption, Ready to eat และ Ready to cook meal ขยายไลน์กลุ่มสแน็ก ทั้งข้าวตัง แครกเกอร์ธัญพืช ขนมแปรรูปจากเนื้อหมู และกลุ่มอาหารพร้อมปรุง กุนเชียง หมูยอ อาหารพร้อมรับประทาน

ปี 2565 ปรับภาพลักษณ์สู่การเป็นขนมขบเคี้ยวแบบใหม่ แนวคิด โปรตีนสแน็ก ส่งออกไปประเทศจีน

ปี 2566 เปลี่ยนชื่อจากบริษัท เตียหงี่เฮียง (เจ้าสัว) เป็น บริษัท เจ้าสัวฟู้ดส์ อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) และเปิดตัวแบรนด์ “เจ้าสัวสแนคซ์” หมูแท่งกรอบ พอร์ค ครั้นชี่

วันที่ 9 กรกฎาคม 2567 บริษัท เจ้าสัว ฟู้ดส์ อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) ใช้ชื่อย่อหุ้น “CHAO” เข้าซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นวันแรก ประกาศเป้าหมายขยายธุรกิจเติบโตทั้งในและต่างประเทศ.