อุตสาหกรรมการบินถูกแช่แข็งในช่วงที่มีมาตรการปิดประเทศจากสถานการณ์โรคโควิด ทำให้ธุรกิจที่อยู่ในอุตสาหกรรมนี้ไม่สามารถขับเคลื่อนได้ ทว่า ธุรกิจการบินส่วนบุคคล หรือ private jet ซึ่งให้บริการเครื่องบินเจ็ตหรือเครื่องบินส่วนตัว นอกจากจะไม่ได้รับผลกระทบแล้วกลับมีแนวโน้มเติบโตอย่างสวนกระแส
“การหยุดบินของสายการบินพาณิชย์ทำให้เราเติบโตด้านรายได้ หลังจากมีมาตรการผ่อนคลายหลังโควิดลูกค้ากลุ่มนักธุรกิจหันมาใช้บริการเพิ่มขึ้น และเขาเห็นผลที่ได้รับกลับมาหลังจากการใช้บริการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องเวลา ที่ถือเป็นทรัพยากรที่แพงที่สุด มีเงินเท่าไรก็หาซื้อไม่ได้ นั่นคือธุรกิจของเราเติบโตแบบดับเบิลดิจิตติดต่อกันหลายปี” ณัฏฐภัทร สีบุญเรือง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็มเจ็ท จำกัด กล่าวถึงเหตุผลการเติบโตของธุรกิจ
บริษัท เอ็มเจ็ท จำกัด ธุรกิจให้บริการเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวและการบินส่วนบุคคล ที่ก่อตั้งโดย กิริต ชาห์ และวิลเลียม เอ็ลล์วู๊ด ไฮเน็ท ผู้ก่อตั้งบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT ที่มีธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร ร้านกาแฟ อยู่ในพอร์ตจำนวนมาก
Mjets มีธุรกิจหลัก 7 กลุ่ม คือ 1, บริการเครื่องบินเช่าเหมาลำ ปัจจุบันมีเครื่องบินพร้อมสำหรับให้บริการ 5 ลำ 2. บริการเครื่องบินพยาบาล 3. การบริหารเครื่องบิน 4. บริการอาคารผู้โดยสารส่วนบุคคล พร้อมห้องรับรองพิเศษ 5.บริการซ่อมบำรุงเครื่องบิน 6.บริหารธุรกิจการบินส่วนบุคคลและการบริการภาคพื้นแบบครบวงจร 7. บริการให้คำปรึกษาและดำเนินการซื้อขายเครื่องบิน
แม้ว่าผู้บริหาร Mjets จะไม่บอกตัวเลขค่าบริการเที่ยวบินส่วนบุคคลอย่างชัดเจน แต่เชื่อว่าราคาแพงกว่าตั๋วเครื่องบินระดับเฟิร์สคลาสหลายสิบเท่า กระนั้นธุรกิจเครื่องบินเจ็ตและการบินส่วนบุคคลกลับเติบโตโดยมีสาเหตุหลักมาจากภาคการท่องเที่ยว ซึ่งองค์กรวิจัยการตลาด Mordor Intelligence ที่วิเคราะห์อัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีแบบทบต้นของอุตสาหกรรมดังกล่าวที่ 14.36% ซึ่งคาดว่ามูลค่าตลาดจะเพิ่มขึ้นจาก 463.39 ล้านดอลลาร์ใน พ.ศ. 2567 สู่ 906.39 ล้านดอลลาร์ใน พ.ศ. 2572
นอกเหนือไปจากปัจจัยสำคัญอย่างการท่องเที่ยวที่มีส่วนเสริมให้ธุรกิจเครื่องบินเจ็ตเติบโตแล้ว ณัฏฐภัทร กล่าวว่า “การเพิ่มขึ้นของลูกค้ากลุ่มสินทรัพย์สูงและสูงพิเศษ ที่มองหาการเดินทางเหนือระดับ รวมไปถึงกิจกรรมทางธุรกิจ งานประชุม และนโยบายส่งเสริมการลงทุนของภาครัฐ อีกปัจจัยที่ทำให้ธุรกิจเราขยายตัวได้ดีคือ ความต้องการของลูกค้าในการจัดหาเครื่องบินใหม่เพิ่มมากขึ้น”
เรียกได้ว่า MJets คือธุรกิจเครื่องบินเจ็ตเบอร์หนึ่งในไทย ด้วยตัวเลขการบินเข้าออกในไทย 80-90เปอร์เซ็นต์เป็นเครื่องบินจากบริษัท Mjets ทั้งสิ้น นอกจากการยืนระยะเป็นเบอร์หนึ่งในธุรกิจเครื่องบินเจ็ตในไทย Mjets ยังตั้งเป้าไปสู่เบอร์หนึ่งในระดับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และระดับเอเชียในอนาคต ปัจจุบัน Mjets ให้บริการธุรกิจการบินส่วนบุคคลได้เพียงใน ไทย เมียนมา กัมพูชา อินเดีย และการขึ้นสู่อันดับหนึ่งตามที่คาดหวังนั้นจำเป็นที่ Mjets จะต้องมองหาพันธมิตรในประเทศที่ยังเข้าไม่ถึง เพื่อขยายฐานลูกค้าให้ครอบคลุมมากขึ้น นี่เป็นเหตุผลการเข้าลงทุนในบริษัท วิงส์โอเวอร์เอเชีย จำกัด ที่มีฐานการดำเนินธุรกิจอยู่ในสิงคโปร์
“การลงทุนใน วิงส์โอเวอร์เอเชีย จะช่วยให้เราสามารถขยายการให้บริการเข้าไปในสิงคโปร์ได้ ซึ่งมูลค่าการลงทุนในครั้งนี้อยู่ที่ 17 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ หรือประมาณ 450 ล้านบาท แน่นอนว่าเรายังมองหาโอกาสการลงทุนในอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ พื้นที่ที่เรายังไม่สามารถเข้าไปขยายพื้นที่การให้บริการได้”
“เมื่อ Mjets บรรลุเป้าหมายแล้ว ด้านวิงส์เอเชียมีแผนที่จะพัฒนาการดำเนินงานและการให้บริการให้เข้าถึงลูกค้าในทุกภาคส่วนระดับสากล ทั้งการขยายขอบเขตการให้บริการ พัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานทางการบินที่สามารถรองรับเครื่องบินส่วนตัวรุ่นใหม่และบริการแบบครบวงจร นอกจากนี้ จะร่วมมือกับบริษัทการผลิต OEM ที่มีเทคโนโลยีการบินขั้นสูง เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่น่าประทับใจ ทันสมัยและหรูหรา ที่มาพร้อมความปลอดภัยสูงสุด สอดรับวิสัยทัศน์การพัฒนาบริการที่เหนือระดับสำหรับเจ้าของเครื่องบินส่วนตัว และผู้ประกอบการธุรกิจเครื่องบินทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” อึ้ง โหย่ว เหมง ผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการ บริษัท วิงส์โอเวอร์เอเชีย จำกัด กล่าว
อินเดีย คืออีกหนึ่งตลาดที่ MJets เตรียมสยายปีกในเร็วๆ นี้ เมื่อโครงการก่อสร้างพื้นฐานสำหรับรองรับเครื่องบินส่วนตัวเรียบร้อยแล้ว รอเพียงใบอนุญาตที่รอการอนุมัติ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มดำเนินงานได้ภายใน 1-2 เดือนนี้
แม้ในประเทศไทยจะมีผู้ประกอบการธุรกิจเครื่องบินเจ็ตหลายราย แต่ผู้บริหารอย่างณัฏฐภัทรไม่ได้มองว่าเป็นคู่แข่ง ในทางกลับกัน หลังจากการเติบโตอย่างแข็งแรงใน 2-3 ปีข้างหน้า Mjets พร้อมที่จะเปิดรับพาร์ตเนอร์
“ภายใน 2-3 ปีนับจากนี้เราต้องแข็งแกร่งขึ้น โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และถ้าหลังบ้านแข็งแรง เราพร้อมที่จะเติบโต และถึงเวลานั้นเราพร้อมที่จะเปิดรับพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจ”
หากพิจารณาจากแนวคิดและแผนการลงทุนของ MJets นับจากนี้ อาจมีคำถามถึงแนวคิดการระดมทุนในอนาคตว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่ธุรกิจเครื่องบินเจ็ตจะเข้าตลาดหลักทรัพย์ เมื่อเครื่องบินเจ็ตที่ MJets เตรียมจะเสริมเข้ามาในฝูงบิน 2 ลำมีมูลค่าต่อลำถึง 700 ล้านบาท ณัฏฐภัทร ระบุว่า บริษัทมีเงินสดหมุนเวียนเพียงพอที่จะดำเนินธุรกิจตามแผนที่วางไว้
เป้าหมายที่ MJets ตั้งไว้ว่าจะขึ้นสู่เบอร์หนึ่งของอุตสาหกรรมการบินในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และไปสู่ระดับเอเชีย ปัจจัยที่จะมีส่วนสำคัญคือ บุคลากร และการดำเนินงานที่มีมาตรฐาน
“สิ่งที่จะทำให้เราเดินทางไปถึงเป้าหมายนั้น คือ ความพร้อมของบุคลากรต่อดีมานด์ ซึ่งไม่กังวลเลย นับตั้งแต่สถานการณ์โควิดที่เรายังคงให้พนักงานเตรียมพร้อมตลอด และเรายังได้รับการยอมรับในระดับสากล ซึ่งได้พิสูจน์แล้วว่าเราทำได้ดี การเป็นหนึ่งในเอเชียไม่เกินฝัน และไม่ว่าจะยังไงเราต้องยึดถือ Standard ของเราเสมอ” ณัฏฐภัทร กล่าว