วันศุกร์, พฤศจิกายน 22, 2024
Home > Cover Story > การเติบโตของแอกซ่าประกันภัย และนโยบายความยั่งยืน

การเติบโตของแอกซ่าประกันภัย และนโยบายความยั่งยืน

การเติบโตของเบี้ยประกันภัยในไตรมาส 3 ปี 2566 เป็นอีกหนึ่งสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ในมุมมองของ คปภ. หรือคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย โดยมองว่าธุรกิจประกันภัยมีความเข้มแข็ง โดยเห็นได้จากการที่ธุรกิจมีกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน และมีอัตราการเติบโตของเบี้ยประกันภัยของธุรกิจประกันชีวิต 3.92% ส่วนธุรกิจประกันวินาศภัย มีอัตราการเติบโต 5.16% โดยคาดการณ์ว่า ณ สิ้นปี 2566 เบี้ยประกันจะอยู่ที่ 891,621-927,377 ล้านบาท

ชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการ คปภ. เปิดเผยมุมมองต่อธุรกิจประกันภัยว่า “ในช่วง 4 ปีนับจากนี้ไป อยากเห็นอุตสาหกรรมประกันภัยมีความมั่นคง มั่งคั่ง และมุ่งเน้นการคุ้มครองสิทธิประโยชน์ด้านการประกันภัยของประชาชนอย่างยั่งยืน และสนับสนุนประกันภัยให้เป็นอีกหนึ่งเครื่องจักรสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ และเป็นเครื่องมือที่จำเป็นในการบริหารความเสี่ยงทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและประเทศไทยอย่างเป็นรูปธรรม”

การเติบโตของเบี้ยประกันจากข้อมูลของ คปภ. สอดคล้องกับผลการดำเนินงานของแอกซ่าประกันภัย ในปีที่ผ่านมา มีการเติบโต 15% ซึ่งตัวเลขเบี้ยประกันมีการเติบโตสูงถึง 5.7 พันล้านบาท โดยเฉพาะประกันสุขภาพที่มีการเติบโตเป็น 2 เท่า

โคลด เซนย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอกซ่าประกันภัย จำกัด (มหาชน) ขยายความถึงผลประกอบการในปี 2023 ไว้อย่างน่าสนใจว่า “เราตั้งเป้าการเติบโตไว้ที่ 5.2 พันล้านบาท ซึ่งปกติในแต่ละปีนอกจากการตั้งเป้าหลักแล้ว เรามีความตั้งใจว่าจะทำให้สูงกว่าเป้าหมายขององค์กร ที่ 6 พันล้านบาท ซึ่งปีที่แล้วเราจบยอดอยู่ที่ 5.7 พันล้านบาท ซึ่งเป็นที่น่าพอใจ”

ปัจจัยการเพิ่มขึ้นของเบี้ยประกันในปีที่ผ่านมาส่วนหนึ่งอาจเป็นอานิสงส์ของการเทกโอเวอร์ “เอ็ทน่า ประกันสุขภาพ” โดย กลุ่มอลิอันซ์ อยุธยา ที่ทำให้ลูกค้าบางส่วนกระจายไปหาบริษัทประกันภัยใหม่ๆ และหนึ่งในนั้นคือการที่แอกซ่าถูกเลือกโดยผู้บริโภค

“หากพูดถึงผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพของแอกซ่า เรามีการเติบโตขึ้นแบบดับเบิ้ล ส่วนหนึ่งมาจากลูกค้าที่เคยอยู่กับเอ็ทน่า ประกันสุขภาพ และความพยายามอย่างหนักของตัวแทนในนามของแอกซ่าเอง”

อุตสาหกรรมยานยนต์ในไทยที่กำลังอยู่ในช่วงการเปลี่ยนผ่านที่สำคัญ จากรถยนต์ระบบสันดาปไปสู่รถยนต์ไฟฟ้า ทำให้แอกซ่าประกันภัยที่มีนโยบายการดำเนินงานด้านความยั่งยืนสยายปีกด้านธุรกิจประกันให้ครอบคลุมรถยนต์ไฟฟ้า ทว่า สิ่งที่แตกต่างคือการไม่ลงไปแข่งขันด้านราคา เพราะยึดมั่นในจุดขายที่ต้องการความแตกต่าง นอกจากความคุ้มครองหลักตามมาตรฐานแล้ว ยังคุ้มครองไปถึงความเสียหายของเครื่องชาร์จ สายชาร์จด้วย

ปัจจุบันแอกซ่าเป็นผู้รับประกันรถยนต์ไฟฟ้าให้กับ 5 แบรนด์รถยนต์ ได้แก่ 1. BMW 2. Volvo 3. Mazda 4. Honda และ 5. Changan ทั้งนี้พอร์ตเบี้ยประกันรถยนต์ไฟฟ้าอยู่ที่ 5.6% ของเบี้ยประกันรับรวม หรือประมาณ 8,900 คัน

ขณะที่สัดส่วนของเบี้ยประกันของแอกซ่าประกันภัยอยู่ที่ ประกันภัยรถยนต์ 60% ประกันสุขภาพ 15% ประกันภัยสินเชื่อทางการค้า (เอาประกันโดยผู้ขายสินค้า) 15% และอื่นๆ 10%

สำหรับเป้าหมายปี 2024 โคลด กล่าวว่า “เราตั้งเป้าหมายการเติบโตไว้ที่ 6.6 พันล้านบาท แต่มีความตั้งใจว่าจะผลักดันให้เติบโตไปให้ถึง 7 พันล้านบาท ซึ่งเราจะตั้งเป้าหมายไว้แบบนี้ทุกปี คือมีเป้าหมายหลักและมีเป้าหมายความตั้งใจ ซึ่งอาจต่างกันเล็กน้อย โดยส่วนใหญ่จบปีด้วยการที่เราเติบโตว่าเป้าหมายเสมอ”

สำหรับเทรนด์การประกันภัยในปัจจุบันผู้บริหารแอกซ่าประกันภัยมองว่า สัดส่วนคนไทยที่มีประกันภัยยังมีน้อย ซึ่งนี่เป็นโอกาสการเติบโตของธุรกิจประกันภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้บริโภคในตลาดระดับกลางที่มีสัดส่วนเพิ่มขึ้น ซึ่งแอกซ่าประกันภัยให้ความสำคัญ เพราะมีโอกาสที่จะสร้างตลาดในกลุ่มนี้ให้เติบโตได้

นอกจากเป้าหมายด้านการเติบโตในเชิงธุรกิจ ที่มีตัวเลขของเบี้ยประกัน กรมธรรม์ในมือ ซึ่งเป็นตัวชี้วัดการเติบโตของธุรกิจ แต่นโยบายด้านความยั่งยืน คืออีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่สามารถกำหนดทิศทางการดำเนินงานขององค์กรได้ ซึ่งไม่ใช่แต่ประโยชน์ต่อองค์กรเท่านั้น แต่ยังมองไปถึงสังคมส่วนรวม

“เรามีนโยบาย ESG ในทุกๆ กระบวนการของการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสิ่งแวดล้อม การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือแม้แต่การสร้างประโยชน์ความสะดวกสบายต่อพนักงานในองค์กรเอง สิ่งเหล่านี้เป็นเป้าประสงค์ของแอกซ่ากรุ๊ป ที่แอกซ่าในทุกประเทศต้องดำเนินการ มันเป็นการบอกว่าเราไม่ได้มองแค่ภายในองค์กร หรือการเติบโตด้านตัวเลขเท่านั้น แต่เรามองไปถึงสังคมที่เราอยู่ เพราะเราต้องเติบโตอย่างยั่งยืนในทุกมิติ”

“แอกซ่าประกันภัย เตรียมจะย้ายออฟฟิศไปยังสยามปทุมวันเฮ้าส์ ซึ่งเราพิจารณารอบด้านเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายความยั่งยืน โดยแอกซ่ากรุ๊ปไม่ได้ดูแค่เรื่องแนวทางการประหยัดพลังงาน แต่ใส่ใจไปถึงการสนับสนุนให้พนักงานได้ใช้ขนส่งมวลชน ใช้รถสาธารณะ เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์” โคลด ขยายความ

ล่าสุด แอกซ่าประกันภัยร่วมกับมูลนิธิโอเชี่ยน ฟอร์ ออลล์ ร่วมอนุรักษ์ระบบนิเวศทางน้ำโดยเฉพาะอย่างยิ่งในแม่น้ำเจ้าพระยา โดยแอกซ่าประกันภัยให้การสนับสนุนการปฏิบัติการของเรือ “คาตามารัน” ที่สร้างขึ้นจากวัสดุรีไซเคิล 100% และออกแบบมาเป็นพิเศษ เพื่อให้สามารถเก็บขยะในแม่น้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ

โคลด กล่าวถึงการทำงานร่วมกันในครั้งนี้ว่า “การร่วมมือกับมูลนิธิโอเชี่ยน ฟอร์ ออลล์ เป็นการแสดงออกอย่างเป็นรูปธรรมที่จะปกป้องสิ่งสำคัญคือคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีของผู้คน โดยทุกๆ วันเรือลำนี้จะทำความสะอาดคลองในพื้นที่กรุงเทพฯ และฟื้นฟูสภาพแหล่งน้ำให้ดียิ่งขึ้น ความคิดริเริ่มนี้ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มทัศนียภาพอันงดงามและความหลากหลายทางชีวภาพของพื้นที่เท่านั้น แต่ยังส่งผลในเชิงบวกต่อคุณภาพชีวิตของชุมชนท้องถิ่นที่ต้องพึ่งพาอาศัยแหล่งน้ำเหล่านี้ในการดำรงชีวิต การมีส่วนร่วมในการกำจัดของเสียและมลพิษอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้แหล่งน้ำคงสภาพที่สะอาดและดีต่อสุขภาพของมนุษย์มากขึ้น แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของแอกซ่าในด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนของเราเป็นอย่างดี”

A view of houses in the Klong Toey area during coronavirus disease (COVID-19) outbreak in Bangkok, Thailand, May 4, 2021. REUTERS/Soe Zeya Tun

ด้าน ธีโบต์ ซาลวน ผู้ร่วมก่อตั้งมูลนิธิโอเชี่ยน ฟอร์ ออลล์ กล่าวถึงความร่วมมือครั้งนี้ว่า “เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับแอกซ่าในโครงการที่คัญนี้ โดยแอกซ่าประกันภัยได้ให้การสนับสนุนการปฏิบัติการของเรือคาตามารัน ที่สร้างขึ้นจากวัสดุรีไซเคิล 100% และออกแบบมาเป็นพิเศษ เพื่อให้สามารถเก็บขยะในแม่น้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ นับเป็นก้าวสำคัญในการฟื้นฟูระบบนิเวศของแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งภารกิจการรักษาความหลากหลายทางชีวภาพทางน้ำนี้ยังได้รับการสนับสนุนจากโรงแรม อนันตรา ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพ รีสอร์ท รวมไปถึงหน่วยงานภาครัฐด้วย”

การทำงานของเรือ คาตามารัน จะเริ่มต้นจากโรงแรมอนันตรา ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพ รีสอร์ท ซึ่งเป็นอีกหนึ่งพันธมิตรหลัก โดยทั้งสามฝ่ายมองว่าย่านเจริญนครกำลังเปลี่ยนฉากทัศน์ที่สำคัญไปสู่การเป็นย่านการค้า ซึ่งการสัญจรทางน้ำเริ่มหนาตามากขึ้น การท่องเที่ยวมีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง การรักษาภาพลักษณ์โดยเฉพาะเรื่องสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องที่สำคัญ.