วันศุกร์, พฤศจิกายน 22, 2024
Home > PR News > พฤกษา โชว์ผลประกอบการไตรมาส 2 แข็งแกร่ง กำไรสุทธิเติบโต 141%

พฤกษา โชว์ผลประกอบการไตรมาส 2 แข็งแกร่ง กำไรสุทธิเติบโต 141%

พฤกษา โฮลดิ้ง โชว์ผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2566 กำไรสุทธิเติบโต 141% รายได้เติบโต 32% ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลที่ 0.31 บาท

“พฤกษา โฮลดิ้ง” โชว์ผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2566 ทำกำไรสุทธิ 1,038 ล้านบาท เติบโต 141% มีรายได้รวม 7,107 ล้านบาท เติบโต 32% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ปี 2565 ส่งผลให้การดำเนินงานครึ่งปีแรก ทำกำไรสุทธิ 1,690 ล้านบาท รายได้รวม 13,665 ล้านบาท เติบโต 72% และ 20% ตามลำดับ เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกของปี 2565

นายอุเทน โลหชิตพิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2566 ว่า พฤกษา โฮลดิ้ง หรือ PSH ทำรายได้รวม 7,107 ล้านบาท เติบโต 32% ส่งผลมาจากการเติบโตของยอดขายทั้งธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจเฮลท์แคร์ ทำกำไรสุทธิ 1,038 ล้านบาท เติบโต 141% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ปี 2565 และในครึ่งปีแรกทำกำไรสุทธิ 1,690 ล้านบาท รายได้รวม 13,665 ล้านบาท โดยราว 700 ล้านบาทเป็นรายได้จากความสำเร็จในการสวอปหุ้นบริษัท อินโน พรีคาสท์ จำกัด ที่เป็นบริษัทย่อยของ PSH เพื่อนำไปลงทุนในหุ้นของบริษัท เจนเนอรัล เอนจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GEL ที่เป็นโอกาสทางธุรกิจที่จะสร้างรายได้และการเติบโตที่แข็งแกร่งของทั้งสองบริษัทฯ กำไรของครึ่งปีแรกถ้าหักรายการพิเศษจากการสวอปหุ้นออก ธุรกิจหลักของกลุ่มก็ ยังคงมีกำไรครึ่งปีแรกของปี 2566 เติบโตกว่า 10% จากปี 2565 สะท้อนให้เห็นว่าปัจจุบันทางกลุ่มประสบความสำเร็จและได้รับการตอบรับจากตลาดเป็นอย่างดี ทั้งยอดโอนของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และด้านเฮลท์แคร์ ที่มีการเติบโตที่สูงขึ้น และยอดคำสั่งซื้อและติดตั้ง (Backlog) แผ่นพรีคาสท์คาร์บอนต่ำของ อินโน พรีคาสท์ ก็ทะลุกว่า 2,200 ล้านบาท สูงขึ้นเกินกว่าเท่าตัวจากเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้เมื่อต้นปีที่ 1,000 ล้านบาท อีกก้าวหนึ่งสู่ความเป็นผู้นำอันดับหนึ่งด้านการผลิตพรีคาสท์คาร์บอนต่ำแห่งเดียวในประเทศไทย

ด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มียอดขาย 4,650 ล้านบาท เติบโต 4% จากไตรมาสก่อน มียอดโอน 5,650 ล้านบาท เติบโต 11% จากไตรมาส 2 ปี 2565 เป็นรายได้จากกลุ่มสินค้าแนวราบและการโอนคอนโดมิเนียม 6 โครงการต่อเนื่องมาจากช่วงต้นปี ในครึ่งปีแรกทำยอดขายได้ 9,116 ล้านบาท ยอดโอน 11,680 ล้านบาท พร้อมเปิดโครงการใหม่ 6 โครงการ มูลค่า 4,848 ล้านบาท ซึ่งจากการเปิดตัวโครงการ “แชปเตอร์วัน ออล รามอินทรา” ทำยอดขายได้มากกว่า 50% ได้รับการตอบรับอย่างดีทั้งจากคนไทยและต่างชาติ รวมถึงโครงการ “พลัมคอนโด นิวเวสต์” ย่านบางใหญ่ สามารถทำยอดจองในวันพรีเซลที่ผ่านมาได้ถึง 580 ล้านบาท ด้วยทำเลที่ตั้งโครงการที่โดดเด่น ติดกับศูนย์การค้าเซ็นทรัล เวสต์เกต ห่างจากสถานีรถไฟฟ้าสายสีม่วง สถานีสามแยกบางใหญ่เพียง 400 เมตร ในราคาที่จับต้องได้ง่ายเริ่มต้นเพียง 1.59 ล้านบาท และจากผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรก พฤกษาจึงได้พิจารณาอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลประจำปี 2566 ให้กับผู้ถือหุ้นได้ในอัตราหุ้นละ 0.31 บาท ถือเป็นอัตราผลตอบแทนที่แข่งขันได้ในตลาด กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้น วันที่ 28 ส.ค. 2566 จ่ายเงินปันผล วันที่ 8 ก.ย. 2566 และสำหรับในครึ่งปีหลังมีแผนเปิดโครงการรวม 17 โครงการ มูลค่า 19,000 ล้านบาท ส่งผลให้การเปิดตัวโครงการใหม่ตลอดทั้งปีเป็นไปตามแผนเพื่อการยกระดับสินค้ากลุ่มพรีเมียมขึ้นเป็น 30% ในช่วงครึ่งปีแรก

ด้านธุรกิจเฮลท์แคร์ ในไตรมาส 2 ปี 2566 มีรายได้รวม 440 ล้านบาท เติบโต 117% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ปี 2565 รายได้รวมในครึ่งปีแรก 852 ล้านบาท โดยโรงพยาบาลวิมุตทำรายได้ที่ไม่รวมโควิดเติบโตขึ้น 77% สัดส่วนจำนวนผู้ป่วยใหม่เข้ารับการรักษากว่า 26% และได้ขยายความร่วมมือกับ “นัลลูรี่” (Naluri) ผู้ให้บริการทางสุขภาพผ่านระบบดิจิทัล ให้คำปรึกษาด้านสุขภาพกายและสุขภาพใจผ่านทางแอพพลิเคชั่นที่เน้นการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม โดยมอบสิทธิในการใช้บริการสำหรับผู้ที่เข้ามาใช้บริการตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลวิมุตทุกราย ได้ใช้เป็นระยะเวลา 1 ปี พร้อมกับตั้งเป้ายกระดับให้ได้ตามมาตรฐานโรงพยาบาลและบริการสุขภาพ (HA) ในระดับ 3 ภายในไตรมาส 3 ปีนี้ เพื่อมอบบริการในระดับสากล และขยายบริการไปยังกลุ่มผู้ป่วยชาวต่างชาติที่มีแนวโน้มเติบโตขึ้นด้วย และยังได้เปิดศูนย์ส่องกล้องและหน่วยเฉพาะทางการเคลื่อนไหวระบบทางเดินอาหาร (ENDOSCOPY & GI MOTILITY UNIT) รวมถึงขยายความร่วมมือระหว่างกลุ่ม โดยโรงพยาบาลวิมุตและเทพธารินทร์ได้เตรียมความพร้อมในการจัดตั้ง Medical Academy เพื่อเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์ และสร้างรายได้ใหม่ให้กับกลุ่ม

“นอกจากนี้ พฤกษา โฮลดิ้ง ยังได้รับคัดเลือกเป็นบริษัทจดทะเบียนกลุ่มหลักทรัพย์ ESG 100 ประจำปี 2566 จากสถาบันไทยพัฒน์ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินงานที่โดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และ ธรรมาภิบาล (Environment Social Governance: ESG) และได้รับการยอมรับเรื่องความโดดเด่นด้านการจัดทำรายงานความยั่งยืนตามมาตรฐาน Global Reporting Initiative ที่เน้นเรื่องสิทธิมนุษยชน รวมถึงการพัฒนาทั้งโครงการที่อยู่อาศัยและเฮลท์แคร์ด้วยราคาที่เข้าถึงได้สำหรับคนทุกกลุ่มด้วย” นายอุเทน กล่าวทิ้งท้าย