ตลาดอุปกรณ์เครื่องใช้ในบ้านและเชิงพาณิชย์ของไทยยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ “รินไน” แบรนด์อันดับ 1 ในกลุ่มเครื่องใช้ในบ้านและเชิงพาณิชย์จากประเทศญี่ปุ่น เดินหน้ารุกตลาดรอบใหม่ ด้วยกลยุทธ์การตลาดเชิงรุก พร้อมส่ง 2 ผลิตภัณฑ์ใหม่บุกตลาด ตั้งเป้ารายได้รวมปีนี้ 1,000 ล้านบาท เติบโต 6%
ในช่วง 2-3 ปี ของการแพร่ระบาดของโควิด-19 แม้จะส่งผลต่อธุรกิจต่างๆ ทำให้ต้องหยุดชะงักไปไม่น้อย แต่สำหรับตลาดเครื่องใช้ในบ้านกลับเติบโตอย่างต่อเนื่อง อันเนื่องมาจากกระแส work from home เน้นการประกอบอาหารในบ้าน การระมัดระวังเรื่องการติดเชื้อที่ทำให้คนอยู่บ้านมากขึ้น ทำให้ผลิตภัณฑ์กลุ่มเครื่องใช้ในบ้านเติบโต โดยเฉพาะอย่างยิ่งเตาแก๊สและเครื่องทำน้ำอุ่นเป็นกลุ่มที่เติบโตสูง ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อการเติบโตของรินไน (Rinnai) แบรนด์เครื่องใช้ในบ้านและอุตสาหกรรมจากญี่ปุ่นด้วยเช่นกัน
“รินไน” เป็นแบรนด์สินค้าอันดับ 1 ในกลุ่มเครื่องใช้ในครัวจากประเทศญี่ปุ่น ดำเนินธุรกิจมากว่า 103 ปี โดยสินค้ากลุ่มหลัก ประกอบด้วย เตาแก๊ส เตาไฟฟ้า เครื่องดูดควัน เตาอบ รวมถึงเครื่องทำน้ำร้อนระบบแก๊สและไฟฟ้า
ปัจจุบันรินไนมีจำหน่ายใน 80 ประเทศทั่วโลก ครองอันดับ 1 กลุ่มเครื่องใช้ในครัวประเภทใช้แก๊สเป็นเชื้อเพลิงในอินโดนีเซียและเกาหลี และครองอันดับ 1 ในกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องทำน้ำร้อนในตลาดอเมริกาและออสเตรเลีย
สมพล ปรีชาวุฒินันท์ รองผู้จัดการทั่วไป บริษัท รินไน (ประเทศไทย) จำกัด ฉายภาพของรินไนในประเทศไทยให้ “ผู้จัดการ 360 องศา” ฟังว่า
สำหรับในประเทศไทย รินไนเข้ามาบุกตลาดมากว่า 33 ปี ด้วยการก่อตั้งบริษัท รินไน (ประเทศไทย จำกัด เพื่อทำการตลาดและเป็นฐานการผลิตส่งออกไปจำหน่ายยังประเทศต่างๆ มีโรงงานผลิตขนาดใหญ่ตั้งอยู่ที่ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ
โดยสินค้าที่ทำตลาดในไทยประกอบด้วย 4 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1. กลุ่มเตาแก๊สตั้งโต๊ะและหม้อหุงข้าวชนิดแก๊ส จำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ 2. กลุ่ม Built-In Product และเครื่องดูดควันหลากหลายฟังก์ชั่น ตามลักษณะการใช้งานและดีไซน์ที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค
3. กลุ่มเครื่องทำน้ำอุ่น เครื่องทำน้ำร้อนแก๊สและไฟฟ้าสำหรับใช้ในบ้านและเชิงพาณิชย์ ซึ่งในส่วนนี้นอกจากผลิตภายใต้แบรนด์ Rinnai แล้ว ทางรินไนยังรับจ้างผลิต (OEM) อีกด้วย โดยมีกำลังการผลิตมากกว่า 200,000 เครื่องต่อปี สำหรับเครื่องทำน้ำอุ่น รินไนถือเป็น Top 3 ของตลาดในเซกเม้นท์นี้ อีกทั้งในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ยังมีแฟรนไชส์ร้านสะดวกซักอย่าง Otteri เป็นลูกค้ารายใหญ่อีกด้วย
และ 4. กลุ่มเครื่องครัวเชิงพาณิชย์ที่ใช้ในครัวอุตสาหกรรม โรงแรม และภัตตาคาร เช่น หม้อทอดแบบใช้แก๊สและไฟฟ้า หม้อหุงข้าวเชิงพาณิชย์ เตาย่าง เตา Salamander รวมถึงหัวเตาอินฟราเรดที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ ได้
ด้วยความเป็นแบรนด์สินค้าคุณภาพที่มีมาตรฐานสูงจากญี่ปุ่นทำให้รินไนได้รับการตอบรับจากกลุ่มลูกค้าทั้งระดับครัวเรือน กลุ่มลูกค้าเชิงพาณิชย์ รวมถึงกลุ่มลูกค้าในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เป็นอย่างดี โดยมีกลุ่มผลิตภัณฑ์เตาแก๊สและเครื่องทำน้ำอุ่นเป็นผลิตภัณฑ์เรือธงนำรายได้เข้าบริษัท
สัดส่วนการสร้างรายได้แยกตามกลุ่มผลิตภัณฑ์นั้น เครื่องทำน้ำอุ่นถือเป็นลำดับต้น สร้างสัดส่วนรายได้ถึง 50% ส่วนอีก 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์รวมกันอีก 50% ด้านการส่งออกนั้น รินไนผลิตชิ้นส่วนเพื่อส่งออกไปยังอินโดนีเซียเป็นอันดับ 1 ส่วนผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปส่งออกขายไปยังเมียนมาร์ กัมพูชา และตะวันออกกลางเป็นหลัก
ล่าสุดรินไนเดินเกมรุก เปิดตัว 2 ผลิตภัณฑ์ใหม่ คือ ผลิตภัณฑ์เครื่องดูดควันบ้านดีไซน์ใหม่ (Slant Hood) รุ่น RH-KT2959-GBV และ เครื่องทำน้ำร้อนไฟฟ้าแบบถังเก็บ (Storage Water Heater) ขนาด 100 ลิตร, 140 ลิตร และ 200 ลิตร สำหรับบ้านและเชิงพาณิชย์ เพื่อรุกตลาดไทยรอบใหม่
จุดเด่นของผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุด
เครื่องดูดควันสำหรับบ้าน รุ่น RH-KT2959-GBV จุดเด่นอยู่ที่ดีไซน์ที่สวยงามเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ มีแรงดูด High Suction Power ที่ 1350 m3/hr ใช้นวัตกรรมการกรองแบบ PlasmaFresh เป็นเทคโนโลยีการกรองชั้นสูงด้วยแรงดึงดูดทางไฟฟ้าแทนการใช้ท่อระบายอากาศ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเฉพาะของรินไน สามารถดูดกำจัดกลิ่นควันจากอาหารได้หมดจด รวมถึง PM2.5 สารก่อภูมิแพ้ แบคทีเรีย เชื้อโรค เสมือนเป็นเครื่องฟอกอากาศในครัว นอกจากนี้ยังช่วยสลายคราบไขมันและกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้อีกด้วย
ซึ่งเครื่องดูดควันรุ่นใหม่นี้ยังสามารถจับคู่ได้อย่างลงตัวกับเตาฝังรินไนรุ่น Lisse (3 เตาแก๊ส 1 เตาย่าง) ที่ผลิตและนำเข้าจากญี่ปุ่น ที่มีเทคโนโลยี SI Sensor ในเตาแก๊สไว้ช่วยควบคุมอุณหภูมิ สามารถหรี่เปลวไฟได้อัตโนมัติเมื่ออุณหภูมิสูงเกินไป พร้อมโหมด Auto Cooking ในการช่วยทำอาหาร เพียงกดปุ่มครั้งเดียว ในส่วนของเตาย่างได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษที่ช่วยลดควันได้มากถึง 81% ทำให้ทำความสะอาดได้ง่ายขึ้น
ในส่วนของเครื่องทำน้ำร้อนไฟฟ้าแบบถังเก็บ เป็นผลิตภัณฑ์ที่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจโรงแรมที่ได้รับอานิสงค์จากการกลับมาของภาคการท่องเที่ยว ร้านสะดวกซักที่กำลังเป็นธุรกิจดาวรุ่งที่ต้องการใช้น้ำร้อนในปริมาณมากและไม่สะดวกในการติดตั้งแก๊ส โดยเครื่องทำน้ำร้อนไฟฟ้าแบบถังเก็บนี้สามารถตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี เพราะไม่ต้องติดตั้งถังแก๊ส ตั้งอุณหภูมิได้สูงถึง 75 องศา มีระบบความปลอดภัยแบบ Thermostat ควบคุมอุณหภูมิภายในถัง Thermo-cut off ตัดการทำงานเมื่ออุณหภูมิสูงผิดปกติ และ pressure relief valve ซึ่งกลุ่มลูกค้าหลักของผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้คือภาคเหนือและภาคอีสาน
ปีที่ผ่านมารินไนมียอดจำหน่ายรวมอยู่ที่ 940 ล้านบาท มีอัตราเติบโตเฉลี่ยปีละ 4-5% จากการดำเนินกลยุทธ์การตลาดในเชิงรุกมากขึ้น พร้อมการจัดจำหน่ายผ่านร้านค้าตัวแทนกว่า 300 ร้านค้าทั่วประเทศ และโมเดิร์นเทรด รวมถึงการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่จะทยอยเปิดตัวเพิ่มขึ้นอีกหลายยูนิตในปีนี้ สำหรับในปี 2566 รินไนตั้งเป้าสร้างรายได้รวมไว้ที่ 1,000 ล้านบาท เติบโตขึ้นราวๆ 6% เป็นยอดส่งออกประมาณ 30-35%
ส่วนปัจจัยลบที่ต้องระมัดระวังในปีนี้ คือวัสดุที่ใช้ในการผลิตและสถานการณ์พลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่กำลังซื้อลดลงจากเงินเฟ้อ โดยทางรินไนเองได้เตรียมรับมือกับความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น โดยพัฒนาประสิทธิภาพการผลิต มีการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องจักรอัตโนมัติ แขนจักรกล หุ่นยนต์ รวมถึงลดค่าพลังงานด้วยการติดตั้ง Solar Roof Top ในการผลิตกระแสไฟฟ้าอีกด้วย
สำหรับปีนี้ รินไนจะใช้กลยุทธ์การตลาดเชิงรุก เน้นการสื่อสารกับผู้บริโภคมากขึ้น ผ่านหลากหลายช่องทาง รวมถึงการเป็นพาร์ตเนอร์กับรายการทำอาหารต่างๆ ที่มีอยู่อย่างมากมาย เพื่อสร้างการรับรู้ในแบรนด์ให้กว้างขึ้น
“ปีนี้จะเป็นปีแห่งการสื่อสารกับผู้บริโภค เพื่อให้เขารู้จักรินไนมากขึ้น เราเชื่อว่าเมื่อเขารู้จัก ได้สัมผัสเขาจะเลือกใช้สินค้าของเราได้ไม่ยากนัก เราไม่ได้ขายแค่ผลิตภัณฑ์ แต่เราขายคุณภาพและความสบายใจ เพราะฉะนั้นยอดรายได้ที่ตั้งไว้ที่ 1,000 ล้านบาท เราเชื่อว่าจะไม่หลุดเป้า” สมพลกล่าวทิ้งท้าย