วันเสาร์, พฤศจิกายน 23, 2024
Home > Cover Story > ยักษ์อสังหาฯ อึด ฮึด สู้โควิด MQDC ลุยขาย เดอะ ฟอเรสเทียส์

ยักษ์อสังหาฯ อึด ฮึด สู้โควิด MQDC ลุยขาย เดอะ ฟอเรสเทียส์

แม้ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์มีสัญญาณหดตัวตั้งแต่ต้นปี 2564 จากพิษโควิดระลอก 3 แต่กลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่ต่างประกาศอัดกลยุทธ์ปลุกกำลังซื้อลูกค้า โดยเฉพาะที่น่าจับตา คือ แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น (MQDC) ซึ่ง ทิพพาภรณ์ (เจียรวนนท์) อริยวรารมย์ ทายาทสาวเจ้าสัวซีพี ธนินท์ เจียรวนนท์ ในฐานะประธานกรรมการบริษัท เดินหน้าดีเดย์เปิดขายโครงการที่พักอาศัย เดอะ ฟอเรสเทียส์ (The Forestias) ซึ่งใช้เม็ดเงินลงทุนทั้งโปรเจกต์กว่า 125,000 ล้านบาท ตั้งแต่วันที่ 8 พฤษภาคมนี้

ล่าสุด บริษัทยังทุ่มเม็ดเงิน 1,400 ล้านบาท สร้าง ฟอเรสต์ พาวิลเลียน อาคารขนาดใหญ่ พื้นที่ 6,500 ตารางเมตร โดยดึงบริษัทสถาปนิกระดับโลกที่ประเทศอังกฤษ เป็นผู้ออกแบบอาคาร มี ITEC Entertainment จากประเทศสหรัฐอเมริกา ผู้ออกแบบ Entertainment Experience ให้ดิสนีย์แลนด์ ดิสนีย์ซี และยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ รวมทั้ง VAVE Studio จากประเทศเยอรมนี ร่วมกันออกแบบ Exhibition Experience and Story Creator เพื่อจัดแสดงห้องตัวอย่าง และโชว์วิสัยทัศน์การปลุกปั้นโครงการเมืองแห่งแรกในโลก เพื่อการใช้ชีวิตที่มีสุขภาพดียิ่งขึ้นและมีความสุขมากขึ้น

แน่นอนว่า เดอะ ฟอเรสเทียส์ จะชี้วัดความสำเร็จอีกครั้งของทิพพาภรณ์ หลังจากใช้เวลาปลุกปั้นสร้างแบรนด์ “แมกโนเลียส์” อย่างชัดเจน ตั้งแต่ปี 2555 ผุดโครงการคอนโดมิเนียมระดับซูเปอร์ลักชัวรีแมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด

จนกระทั่งประกาศจับมือกับกลุ่มสยามพิวรรธน์ เนรมิตโครงการไอคอนสยาม ริมฝั่งน้ำเจ้าพระยา ด้วยมูลค่าการลงทุนสูงถึง 50,000 ล้านบาท สร้างคอนโดมิเนียมระดับซูเปอร์ไฮเอนด์ แมกโนเลียส์ วอเตอร์ฟร้อนท์ เรสซิเดนเซส แอท ไอคอนสยาม ที่มีความสูงถึง 317.95 เมตร และรุกเปิดตัวต่อเนื่องอีก 2 โครงการมิกซ์ยูส คือ “Whizdom 101” (วิสซ์ดอม วัน-โอ-วัน) และเดอะ ฟอเรสเทียส์ โดยวิสซ์ดอม วัน-โอ-วัน เปิดให้บริการแล้วเมื่อปี 2562 ส่วนขณะนี้ถึงคิวเปิดขายโครงการ เดอะฟอเรสเทียส์ ซึ่งตามแผนตั้งเป้าก่อสร้างเสร็จภายในปี 2565

ทั้งนี้ เดอะ ฟอเรสเทียส์ จะเป็นโปรเจกต์รวบยอดไอเดียสำคัญของทิพพาภรณ์ที่พยายามปลุกคอนเซ็ปต์การสร้างโครงการแนวใหม่ “For All Well-Being” การนำเทคโนโลยีผสานกับวิธีคิดนอกกรอบ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้คน เน้นสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตอย่างความยั่งยืน ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลข้อใหญ่ที่สร้างความมั่นใจว่า แนวคิดของ เดอะ ฟอเรสเทียส์ จะดึงดูดกำลังซื้อกลุ่มเป้าหมายเข้ามาจับจองบ้านที่ให้ความสำคัญกับสภาพแวดล้อมและธรรมชาติ มีการออกแบบจัดการคุณภาพอากาศ ท่ามกลางสถานการณ์โควิดที่กำลังแพร่ระบาดอย่างหนัก

ขณะเดียวกัน ในแง่ทำเลขนาดใหญ่ 398 ไร่ ย่านถนนบางนา-ตราด กม. 7 เป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ของ EEC และภายในโครงการประกอบด้วยที่พักอาศัยหลากหลายรูปแบบ พื้นที่เชิงธุรกิจสำหรับสำนักงาน สปอร์ตคอมเพล็กซ์ กิจกรรมไลฟ์สไตล์ต่างๆ ร้านค้าปลีก ร้านอาหารและเครื่องดื่ม พื้นที่ Family Center และพื้นที่ Town Center เช่น โรงละคร อีเวนต์ฮอลล์ ตลาด และป่าขนาดใหญ่ 30 ไร่ ที่เริ่มปลูกมาตั้งแต่เป็นเมล็ดและต้นกล้า ครอบคลุมใจกลางของโครงการ มีทางเดินยกระดับความยาวกว่า 1.6 กิโลเมตร ซึ่งรวมทางเดินที่เชื่อมโยงไปยังพื้นที่ต่างๆ และทางเดินที่ทอดตัวอยู่เหนือผืนป่า

สำหรับโครงการที่พักอาศัยใน เดอะ ฟอเรสเทียส์ ซึ่งบริษัทระบุว่า ครอบคลุมคนทุกกลุ่มวัย ได้แก่ คอนโดมิเนียมแบรนด์วิสซ์ดอม แบบ high-rise จำนวน 3 อาคาร เน้นกลุ่มคนวัยเริ่มต้นทำงาน วัยสร้างครอบครัว ครอบครัวใหม่ และคนรักสัตว์เลี้ยง

คอนโดมิเนียมแบรนด์ มัลเบอร์รี โกรฟ แบบ low-rise เน้นไลฟ์สไตล์แบบธรรมชาติ

บ้านสไตล์คลัสเตอร์โฮม แบรนด์ มัลเบอร์รี โกรฟ วิลล่า รองรับครอบครัวใหญ่

ที่อยู่อาศัยแบรนด์ ดิ แอสเพน ทรี สำหรับผู้สูงวัย และที่อยู่อาศัยแบรนด์ ‘ซิกส์เซนส์’ วิลล่าระดับซูเปอร์ลักชัวรี ที่บริหารและจัดการโดยซิกส์เซนส์ แบรนด์เซอร์วิสระดับโลก

นอกจากแมกโนเลียฯ ที่พยายามสร้างจุดขายแตกต่างแล้ว กลุ่มแสนสิริถือเป็นอีกค่ายอสังหาริมทรัพย์ที่สามารถฉีกแนวตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ ได้อย่างต่อเนื่อง

ล่าสุด บริษัทเปิดแผนรุกพัฒนาโครงการแนวราบทั้งหมด 16 โครงการ มูลค่ารวม 15,500 ล้านบาท แบ่งเป็นบ้านเดี่ยว 6 โครงการ มูลค่ารวม 5,500 ล้านบาท มิกซ์โปรเจกต์ 3 โครงการ มูลค่ารวม 2,600 ล้านบาท และทาวน์โฮม 7 โครงการ มูลค่ารวม 7,400 ล้านบาท โดยปีนี้เน้นกลยุทธ์การปรับดีไซน์ทุกแบรนด์ ทั้งทาวน์โฮมแบรนด์สิริ เพลส บ้านและทาวน์โฮมแบรนด์อณาสิริ บ้านเดี่ยวแบรนด์ฮาบิเทีย สราญสิริ บุราสิริ และเศรษฐสิริ รวมทั้งการเปิดตัว “BuGaan” เอ็กซ์คลูซีฟ เรสซิเดนซ์ เจาะกลุ่ม Young Successor และการเปิดตัว New segment ทาวน์โฮมระดับบนในช่วงปลายเดือนเมษายนนี้

อาณัติ กิตติกุลเมธี รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายพัฒนาโครงการแนวราบ บริษัท แสนสิริ จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า บริษัทต้องการพัฒนาแบรนด์ สิริ เพลส ให้เหนือคู่แข่ง ภายใต้แนวคิด “อัพแพสชัน ให้ชีวิตที่ใช่” จากความต้องการของลูกค้า ซึ่งพบว่า Passion คือสิ่งสำคัญในการใช้ชีวิต ไม่ใช่แค่อยู่อาศัยเท่านั้น โดยเปิดตัว สิริ เพลส ซีรีส์ใหม่ “Dream Destination” นำร่อง สิริ เพลส บางนา-เทพารักษ์ ใช้แรงบันดาลใจจากมหานครนิวยอร์ก New York City เมืองที่ไม่เคยหลับใหล มีสถาปัตยกรรมโดดเด่นและแลนด์มาร์กที่น่าสนใจ

ตั้งแต่ประตูทางเข้า จำลอง Brooklyn Bridge สะพานแขวนขึงลวดแห่งแรกของโลกและเก่าแก่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา

ป้ายชื่อโครงการที่มีแรงบันดาลใจจากงาน Sculpture Pop Art สวนส่วนกลาง ลานน้ำพุ Bethesda Fountain ซึ่งเป็นสัญลักษณ์สำคัญของ Central Park สวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่สุดแห่งนิวยอร์ก และ Street Art-Graffiti ภายในโครงการ มี SIRI Club, GYM Room สระว่ายน้ำระบบเกลือ

ขณะที่ตัวบ้านและสถาปัตยกรรมต่างๆ ใช้สีน้ำตาลอิฐสไตล์วินเทจ หน้าต่างแนวสูงและคิ้วบัวรูปโค้งเหมือนหมู่บ้าน Greenwich Village ทางทิศตะวันตกของเกาะแมนฮัตตันตอนล่าง ซึ่งเป็นศูนย์กลางแห่งวัฒนธรรมและแหล่งรวมคาเฟ่ คลับดนตรีแจ๊ซ โดยวางราคาเริ่มต้นที่ 2.19 ล้านบาท และผ่อนเริ่มต้น 5,500 บาทต่อเดือน

เช่นเดียวกับค่ายพฤกษาเรียลเอสเตทในเครือบริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) ที่เร่งเปิดตัวโครงการแนวราบตั้งแต่ต้นปีและอัดโปรโมชั่นกระตุ้นกำลังซื้ออย่างเข้มข้น เนื่องจากตลาดยังมีความต้องการบ้าน แต่เน้นการรุกตลาดรอบนอกเมือง เพื่อหนีความแออัดของเมืองจากสถานการณ์โควิด

ปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พฤกษาเรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ช่วงไตรมาส 1/2564 บริษัทประสบความสำเร็จจากการเปิดตัวโครงการบ้านใหม่ ๆ ในหลายทำเล เช่น โครงการบ้านพฤกษา รังสิต อเวนิว สามารถทำยอดขายสูงกว่าเป้าหมายถึง 200% และโครงการบ้านพฤกษา ลาดกระบัง ฉลองกรุง สามารถทำยอดขายสูงกว่าเป้าหมายถึง 118% นอกจากนี้ เปิดตัวทาวน์โฮมระดับลักชัวรีพาทิโอ รัชโยธิน เพื่อขยายฐานกลุ่มลูกค้าระดับบน

ส่วนในไตรมาส 2/2564 บริษัทตัดสินใจอัดแคมเปญ “พฤกษา คุ้ม จบทุกดีล” โดยได้คัดเลือกโครงการที่อยู่อาศัย ทั้งทาวน์เฮาส์ บ้านเดี่ยว และคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ 131 โครงการ ให้ลูกค้าเลือกจองได้ถึงสิ้นเดือนมิถุนายน

หากลูกค้าโอนกรรมสิทธิ์ภายในวันที่ 31 กรกฎาคม 2564 จะได้รับสิทธิพิเศษ ฟรีสูงสุด 3 รายการ ประกอบด้วย 1. อยู่ฟรีสูงสุด 36 เดือน 2. ฟรีค่าส่วนกลางสูดสุด 36 เดือน และ 3. ฟรีค่าใช้จ่ายในวันโอนกรรมสิทธิ์ ซึ่งถือเป็นแคมเปญที่ทุ่มหนักกว่าค่ายคู่แข่ง

ดังนั้น ปฏิเสธไม่ได้ว่า ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ต่างกำลังวิ่งฝ่าวิกฤตผลกระทบจากพิษโควิด-19 ระลอก 3 ซึ่งดูเหมือนยังหนักหนาสาหัสและท้าทายความสามารถของทุกฝ่าย ทั้งภาคเอกชนและโดยเฉพาะรัฐบาลที่ต้องหยุดการแพร่ระบาดให้จบภายในเวลาอย่างน้อยที่สุด 2-3 เดือน เพื่อให้เศรษฐกิจเดินหน้าต่อไปให้ได้

ใส่ความเห็น