วันพฤหัสบดี, พฤศจิกายน 21, 2024
Home > New&Trend > รีวิวบันทึกเหตุการณ์ 2563 ปีโควิด-19 เขย่าโลก สยามพิวรรธน์สร้างปรากฏการณ์ นำโลกรีเทลสู่โมเดลใหม่รับ Now Normal

รีวิวบันทึกเหตุการณ์ 2563 ปีโควิด-19 เขย่าโลก สยามพิวรรธน์สร้างปรากฏการณ์ นำโลกรีเทลสู่โมเดลใหม่รับ Now Normal

วิกฤติการณ์ Covid-19 ที่สร้างผลกระทบที่ยิ่งใหญ่ไปทั่วโลกและส่งผลกับทุกมิติในทุกสาขาอาชีพ เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ไม่เหมือนเดืมอีกต่อไปสำหรับในธุรกิจค้าปลีกและศูนย์การค้าในประเทศไทย ผู้ที่อยู่รอดคือผู้ที่สามารถปรับตัวได้รวดเร็วพร้อมรับชีวิตวิถีใหม่ของลูก้าที่เปลี่ยนไป บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด เจ้าของและผู้บริหาร OneSiam โกลบอลเดสติเนชั่นซึ่งผนึกกำลังของศูนย์การค้าสยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่

และเป็นหนึ่งในพันธมิตรเจ้าของโครงการไอคอนสยาม อภิมหาโครงการเมืองริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นองค์กรแรกๆ ที่สามารถปรับตัวและรับมือกับสถานการณ์โควิด -19 ได้เป็นอย่างดี และยังได้สร้างปรากฏการณ์ให้วงการค้าปลีกด้วยการนำเสนอธุรกิจรีลเทลโมเดลใหม่ล่าสุดที่ตอบสนองวิถีการใช้ชีวิตในรูปแบบใหม่ก่อนใคร

จากวิกฤติการณ์โควิด-19 ที่สร้างผลกระทบไปทั่วโลกในทุกวงการ สยามพิวรรธน์ นำโลกธุรกิจรีเทลสู่โมเดลใหม่ ตอกย้ำวิสัยทัศน์การเป็น ‘ผู้นำความคิดสร้างสรรค์ที่ล้ำสมัย’ เปิดวิสัยทัศน์มิติใหม่ของศูนย์การค้าแห่งอนาคตที่จะสร้างความสุขและรอยยิ้มให้แก่ผู้คน ตอบสนองวิถีการใช้ชีวิตวิถีใหม่ของผู้บริโภคในแบบ Now Normal Innovative Lifestyle ด้วยการสร้าง Retail Ecosystem ชูกลยุทธ์ Collaboration to Win โดยการร่วมกันรังสรรค์ Co-creation และ Creating Shared Values ซึ่งถอดรหัสได้เป็นมิติต่างๆ ดังนี้

มาตรการสุขอนามัยและความปลอดภัยด้วยนวัตกรรมสร้างสรรค์ (Innovative Health & Safety)

ศูนย์การค้าคือสถานที่มอบความสุขให้แก่ผู้คน ศูนย์การค้ายุคใหม่ต้องสร้างความเชื่อมั่นและไว้วางใจให้ลูกค้ารู้สึกปลอดภัยและได้รับการดูแลเอาใจใส่ตลอดการใช้เวลาภายในศูนย์ฯ สยามพิวรรธน์เป็นศูนย์การค้าแรกที่นำร่องดำเนินมาตรการรักษาสุขอนามัยให้แก่ลูกค้าและพนักงานทุกคนอย่างสูงสุดและเป็นที่ประจักษ์ตั้งแต่ช่วงแรกของการแพร่ระบาดไวรัสโควิด 19 ปัจจุบันสยามพิวรรธน์ยังคงรักษามาตรฐานดังกล่าวอย่างเข้มงวด และ Maximize เพิ่มความใส่ใจดูแลทุกจุดสัมผัส พร้อมส่งเสริมให้คนไทยปฏิบัติตามมาตรการป้องกันอย่างเคร่งครัด โดยมีมาตรการสุขอนามัยและความปลอดภัยด้วยนวัตกรรมสร้างสรรค์ (Innovative Health & Safety) สร้างความมั่นใจแก่พันธมิตร คู่ค้า และประชาชนที่มาใช้บริการเต็มรูปแบบ ดังนี้

1.มาตรการสุขอนามัยของพนักงานผู้ให้บริการ คัดกรองตรวจสุขภาพพนักงานก่อนทำงานและติดตามเข้มงวด กำหนดมาตรการให้พนักงานรักษาอนามัยป้องกันตนเองสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าตลอดเวลา

2.มาตรการความปลอดภัยของศูนย์การค้า ทำความสะอาดอย่างล้ำลึก (Deep Clean) ก่อนเปิดให้บริการในทุกพื้นที่, ตั้งจุดคัดกรองลูกค้าเข้มงวด 100% ทุกจุดโดยใช้เทคโนโลยีทันสมัย อาทิ ประตูพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ, หุ่นยนต์อัจฉริยะ True5G Temi Thermal Scan AutoBot, การลดความแออัดและรักษาระยะห่างเพื่อสุขอนามัย, การดูแลความสะอาดทุกจุดสัมผัส ตลอดจนการจัดการระบบระบายอากาศและถ่ายเทอากาศภายในอาคารที่เหมาะสม

3.มาตรการเพื่อความมั่นใจสูงสุดของลูกค้าผู้ใช้บริการ ผสานเทคโนยีปรับพฤติกรรมรูปแบบการใช้ชีวิต New Normal ที่ผู้ใช้บริการต้องโหลด Application เพื่อลงทะเบียนการเข้า – ออก และเพื่ออำนวยความสะดวกลูกค้ามากยิ่งขึ้นลูกค้าสามารถดาวน์โหลด OneSiam Application และ ICONSIAM Application เพื่อวางแผนช้อปปิ้งได้อย่างสะดวกรวดเร็ว สยามพิวรรธน์ยังนำเสนอรูปแบบการช้อปปิ้งในแบบ cashless อำนวยความสะดวกเพิ่มขึ้นสำหรับการชำระเงินผ่านบัตรเครดิตและช่องทางการชำระเงินระบบดิจิทัล

Omni Channel Shopping ประสบการณ์การช้อปปิ้งใหม่ที่ผสมผสานทุกช่องทาง

ในช่วงสถานการณ์ที่ผ่านมาพฤติกรรมผู้บริโภคในการช้อปปิ้งออนไลน์มีมากขึ้น ผู้บริโภคเกิดความคุ้นเคย และมีกลุ่มเป้าหมายที่สนใจช้อปปิ้งออนไลน์มากขึ้น วันสยามและไอคอนสยาม มีช่องทางการช้อปปิ้งโดยใช้ดิจิทัล เทคโนโลยีพร้อมตอบสนองความต้องการการช้อปปิ้งในแบบ Omni Channel Shopping ที่การผสานการช้อปปิ้งระหว่าง On-line และ Off-line ได้แก่

• ครั้งแรกของเมืองไทยที่สยามพิวรรธน์มอบประสบการณ์ช้อปปิ้งลักซ์ชัวรี่ แบรนด์ทาง S-commerce ด้วยบริการ “Luxury Chat & Shop” สยามพารากอนและไอคอนสยามซึ่งเป็นศูนย์รวมแบรนด์เนมชั้นนำระดับโลก ได้สร้างปรากฏการณ์เปิดให้ช้อปปิ้งออนไลน์ส่งตรงจากลักซ์ชัวรี่แฟล็กชิปสโตร์ถึงหน้าบ้าน  ซึ่งไม่เคยมีศูนย์การค้าใดสามารถทำได้มาก่อน ทำให้เหล่าแบรนด์ดังทั่วโลกให้ความสนใจและศึกษาแนวทางการดำเนินงานอย่างใกล้ชิด ปัจจุบัน มีลักซ์ชัวรี่แบรนด์ที่เข้ามาร่วมจำหน่ายในช่องทาง Luxury Chat & Shop มากมาย ซึ่งประสบความสำเร็จมีลูกค้าให้การตอบรับอย่างต่อเนื่องมาจนปัจจุบัน

นอกจากนี้ “OneSiam & ICONSIAM Chat & Shop” ยังนำเสนอสินค้าใช้ในชีวิตประจำวัน แฟชั่น และไลฟ์สไตล์ ที่พร้อมให้ลูกค้าช้อปปิ้งในทุกที่ทุกเวลาพร้อมกับการสื่อสารระหว่างลูกค้ากับวันสยามอย่างใกล้ชิด ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและสะดวกสบาย

• OneSiam Application และ Line @OneSiam ที่นำเสนอข้อความข่าวสารและสิทธิประโยชน์ รวมความตื่นตาตื่นใจ และแรงบันดาลใจ ทั้งในโลกจากสินค้า luxury brands, fashion, beauty, dining, living และ entertaining ปัจจุบันมีผู้สนใจดาวน์โหลด OneSiam Application รวมกว่า 200,000 คน และ Line@OneSiam มีสมาชิกกว่า 720,000 คน

• บริการที่ตอบสนองชีวิตวิถีใหม่ อาทิ “Call & Pick Up” บริการสั่งซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคจากกูร์เมต์มาร์เก็ต สยามพารากอน, ซูเปอร์มาร์เก็ต Dear Tummy  และ Taka Marche ที่ไอคอนสยาม ตอบรับพฤติกรรมผู้บริโภคในอนาคตที่ต้องการใช้เวลาในการช้อปปิ้งอย่างคุ้มค่า การทำลิสต์และสั่งซื้อสินค้าล่วงหน้าแล้วมารับสินค้าเป็นรูปแบบรีเทลยุคใหม่ที่มอบความสะดวกและรวดเร็ว นอกจากนี้ลูกค้ายังสามารถใช้เวลาในการเลือกช้อปปิ้งในสินค้าอื่นๆ ได้อย่างเต็มที่

• “Siam Center Virtual Mall” ยกสยามเซ็นเตอร์สู่แพลตฟอร์มช้อปปิ้งบนโลกดิจิทัล สร้างปรากฏการณ์ให้แก่ธุรกิจค้าปลีกอีกครั้งโดยผนึกกำลังกับ LAZADA ผู้นำอีคอมเมิร์ซแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมเปิดตัวให้ช้อปตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็สามารถช้อปและรับแรงบันดาลใจจากสยามเซ็นเตอร์ได้ทุกเมื่อ โดยเปิดให้บริการผ่าน www.lazada.co.th หรือแอปพลิเคชัน LAZADA

Omni Channel Shopping เป็นกลยุทธ์การตลาดที่สยามพิวรรธน์ได้ดำเนินการอย่างครบถ้วนและประสบความสำเร็จอย่างดียิ่งในช่วงสถานการณ์โควิดในปัจจุบัน ซึ่งสยามพิวรรธน์จะยังคงดำเนินการต่อไปและพัฒนาไปสู่จุดสูงสุดของการตลาดแบบ Omi Channel Shopping ในอนาคต เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในรูปแบบการใช้ชีวิตแบบใหม่ ล่าสุดสยามพิวรรธน์ยังได้ประกาศกลยุทธ์ในการทำ Digital Transformation ซึ่งได้ทีมคณะทำงานระดับมืออาชีพมาร่วมเสริมทัพเตรียมเปิดเกมรุกสร้างอินโนเวชั่นใหม่ๆ ให้แก่วงการค้าปลีกในเร็วๆ นี้

Sustainable Living วิถีใหม่ของการดำรงชีวิตเพื่อความยั่งยืน ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา สยามพิวรรธน์ยึดมั่นในการขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน (Sustainability) ด้วยการร่วมกันรังสรรค์ (Co-creation) และการสร้างคุณค่าสมประโยชน์ร่วมกันทุกฝ่าย (Creating Shared Values) เพื่อสร้างความเท่าเทียมและสร้างประโยชน์ร่วมกันให้เกิดขึ้นในสังคมทุกระดับ ยกระดับคุณภาพชีวิตและขีดความสามารถของคนไทยเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย และนำชื่อเสียงมาสู่ประเทศชาติ โดยการเปิดพื้นที่ในทุกศูนย์การค้าของกลุ่มบริษัทฯเพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการ SME จากทั่วประเทศได้แสดงความสามารถ หรือนำผลิตภัณฑ์ที่ได้ผลิตขึ้นมาวางจำหน่าย พร้อมสร้างกระบวนการในการเรียนรู้การทำธุรกิจให้แก่ผู้ประกอบการมอบโอกาสสร้างรายได้และให้คนไทยมีความภาคภูมิใจในความสามารถของตน แสดงศักยภาพและความคิดสร้างสรรค์อย่างเต็มที่เพื่อต่อยอดสู่การค้าขายในเวทีโลก

ทุกวันนี้ สถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ได้กระตุ้นจิตสำนึกให้คนทั่วโลกให้ตระหนักถึงความสำคัญในแนวทางการดำรงชีวิตเพื่อความยั่งยืน หรือ Sustainable Living อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมมาใส่ใจถึงสุขภาพของตนเองและมีจิตสำนึกเรื่องลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ควบคู่ไปกับการส่งเสริมสินค้าท้องถิ่นเพื่อเศรษฐกิจยั่งยืน ทั้งนี้สินค้าอุปโภคและบริโภคยุค Now Normal จะต้องนำเสนอคุณค่า (Value) ของสินค้าและประสบการณ์ ในด้าน Sustainability เพิ่มมากขึ้น สยามพิวรรธน์ผู้นำความคิดสร้างสรรค์ที่วงการศูนย์การค้าทั่วโลกจับตามองในการสร้างต้นแบบใหม่ๆ ของการค้าปลีก ได้นำเสนอแนวทางการทำธุรกิจรีเทลที่ตอบสนองวิถีการดำรงชีวิตเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Living) โดยนำเสนอสินค้าและบริการที่ตอบสนองชีวิตวิถีใหม่ ในพื้นที่ Ecotopia ชั้น 3 สยามดิสคัฟเวอรี่ อีโค่คอมมูนิตี้ที่ใหญ่ที่สุดในเอเซีย (The Biggest Eco-store for the Better World) บนพื้นที่ 2,000 ตารางเมตร รวบรวมสินค้าเพื่อวิถีชีวิตยุคใหม่ที่ดีต่อสุขภาพและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพื่อตอบสนอง Sustainable Living ในทุกมิติ เช่น สินค้าเพื่อสุขภาพและรักษาสุขอนามัย สินค้าที่ผลิตโดยไม่ใช้สารเคมี สินค้าและอาหารออร์แกนิค สินค้าที่กระบวนการผลิตเป็นมิตรต่อสัตว์และสิ่งแวดล้อม สินค้าที่ผลิตจากวัสดุเหลือใช้ สินค้า re-use, recycle เพื่อการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า พร้อมกิจกรรม work shop เรียนรู้การใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่าเพื่อสร้างประโยชน์ต่อสังคมและโลก การเพิ่มขีดความสามารถของคนผ่านนวัตกรรมปรับจิตและร่างกายให้แข็งแรง

โดย Ecotopia นี้ สร้างสรรค์จากความรู้ความเชี่ยวชาญของ ผู้นำ Eco communityในสาขาต่างๆ รวม 12 ท่าน ร่วมกับสยามพิวรรธน์เพื่อให้เป็นพื้นที่ของคนรุ่นใหม่ที่ปรารถนาจะเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างสังคมแห่งความสุขที่เติบโตด้วยความยั่งยืนในโลกที่มีความสมดุลย์ของนวัตกรรมและธรรมชาติ ซึ่งผลจากการเปิดตัว Ecotopia ได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดีโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่มีวิถีชีวิต New Normal ที่ใส่ใจสุขภาพตนเองและให้ความสำคัญกับการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม

แม้ปี 2563 จะเป็นปีแห่งความเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ของทุกวงการและส่งผลกระทบไปทั่วโลก แต่สำหรับประเทศไทยสยามพิวรรธน์ได้สร้างบรรทัดฐานใหม่ในการนำโมเดลใหม่นำศูนย์การค้าสู่โลกอนาคต เพื่อตอบสนองชีวิตวิถีใหม่ และคงต้องจับตาว่าในปี 2564 ธุรกิจค้าปลีกจะเดินหน้าไปในทิศทางใด ภายใต้สภาวะที่โลกเกิดการเปลี่ยนแปลงในทุกมิติ

ใส่ความเห็น