บัตรแรบบิท ขึ้นแท่น Common Ticket ใบแรกของไทย ตอบสนองการใช้งานที่หลากหลาย และไลฟ์สไตล์ที่เหนือชั้นในยุคดิจิทัล
“บัตรแรบบิท” ยังคงความเป็นผู้นำหนึ่งเดียวของ สมาร์ทการ์ด และเป็น Common Ticketing เจ้าแรกในประเทศไทย ที่ครอบคลุมทุกแพลตฟอร์มการเดินทาง และการชำระเงินค่าสินค้าและบริการต่างๆ ตลอดจนเป็นเบอร์หนึ่งของธุรกิจ Small Payment ที่มียอดการใช้งานเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องมากว่า 9 ปี มีร้านค้าที่รับชำระด้วยบัตรแรบบิทมากกว่า 550 แบรนด์ทั่วประเทศ และมีจำนวนบัตรแรบบิทที่ออกไปแล้วกว่า 14 ล้านใบ และในปีหน้า (2564) มีแผนมุ่งเข้าสู่โลกดิจิทัลเพิ่มแอปพลิเคชันและนำเทคโนโลยีใหม่มาตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่เหนือชั้นของคนรุ่นใหม่เพิ่มมากขึ้น
คุณรัชนี แสนศิลป์ชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท บางกอก สมาร์ทการ์ด ซิสเทม จำกัด (บัตรแรบบิท) เปิดเผยว่า “กว่า 9 ปีที่บัตรแรบบิทได้ให้บริการ บัตรแรบบิทสามารถใช้เดินทางได้ทั้ง รถ ราง เรือ ซึ่งถือเป็นบัตรใบเดียวที่ใช้จ่ายค่าโดยสารสาธารณะได้ครอบคลุมมากที่สุด อีกทั้งยังสามารถใช้จ่ายค่าสินค้า และบริการต่างๆ อีกมากมายเรียกได้ว่า “บัตรแรบบิท” เป็น “common ticket” ในระบบ eco-system ของเรา ได้อย่างแท้จริงเพราะบัตรแรบบิทสามารถตอบโจทย์การดำเนินชีวิตยุคใหม่ได้อย่างลงตัว นอกจากบัตรแรบบิท จะใช้จ่ายค่าโดยสารรถโดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอส เรือโดยสารต่างๆ และรถเมล์บางสายแล้ว ยังสามารถใช้จ่ายค่า อาหาร เครื่องดื่ม หรือบริการต่างๆ จากร้านค้าชั้นนำได้อย่างง่ายดายอีกด้วยและนอกจากนี้ องค์กรชั้นนำหลาย แห่งยังใช้บัตรแรบบิทเป็นบัตรประจำตัวพนักงาน เพื่อใช้บันทึกเวลาเข้า-ออกงาน ซึ่งพนักงานเหล่านี้ก็สามารถ นำบัตรพนักงานนี้มาเติมเงินหรือเติมเที่ยวเดินทาง เพื่อใช้ในชีวิตประจำวันได้อีกด้วย”
“ในปีที่ผ่านมามีการใช้บัตรแรบบิทกับระบบขนส่งสาธารณะต่างๆ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ปัจจุบัน บัตรแรบบิทสามารถใช้ชำระค่าโดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอส ที่ครอบคลุม 58.92 กม. และในวันที่ 16 ธันวาคม 2563 นี้ รถไฟฟ้าสายสีทองได้เปิดให้บริการ รวมทั้งสายสีเขียว ส่วนต่อขยาย (วัดพระศรีฯ – คูคต) ก็จะเปิดให้บริการเช่นกัน ซึ่งครอบคลุม 9.33 กม รวมทั้งสิ้น 68.25 กม. ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถใช้บัตรแรบบิท จ่ายค่าเดินทางได้ เพิ่มความสะดวกสบาย และรวดเร็วให้กับผู้ถือบัตรแรบบิท ซึ่งคาดว่าจะทำให้จำนวนบัตร แรบบิทเพิ่มขึ้นอีก 15 – 20% จากปัจจุบันที่มีบัตรแรบบิทออกไปสู่ตลาดแล้วกว่า 14 ล้านใบ”
“ปัจจุบันบัตรแรบบิทสามารถใช้จ่ายค่าโดยสารได้ที่เรือด่วนเจ้าพระยา (ธงแดง) และเรือเจ้าพระยา ทัวร์ริสโบ๊ท (ธงฟ้า) ได้แล้ว และขณะนี้ทางแรบบิท ร่วมกับ บริษัท เรือด่วนเจ้าพระยา จำกัด กำลังพัฒนาระบ บอย่างต่อเนื่องเพื่อทำการติดตั้งเครื่องรับบัตรแรบบิท ที่เรือด่วนเจ้าพระยา ธงเหลือง ธงส้ม และธงเขียว ที่มี ผู้โดยสารรวมกว่า 34,000 คน/วัน ให้เสร็จภายในปี 2564 ซึ่งคาดว่าจะสามารถช่วยให้วิถีชีวิตใหม่ของคนไทย สะดวก ปลอดภัยเพิ่มมากขึ้น”
“ทิศทางของบัตรแรบบิทในปี 64 เรายังคงมุ่งสร้างสรรค์และค้นหาแนวทางใหม่ๆ นำเสนอสิทธิ ประโยชน์ต่างๆ ที่ใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน เข้ามาตอบโจทย์ให้กับผู้บริโภค เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่าย เพิ่มความสะดวกสบาย และใช้งานได้อย่างปลอดภัย นอกจากนี้ยังพร้อมปรับตัวให้ทันต่อเทคโนโลยีและ ไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภค ซึ่งในปีหน้า (2564) จะได้เห็นผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ ของเราที่จะ ทยอยออกมาโดยเริ่มตั้งแต่ไตรมาสที่สองของปี”
“อย่างแรกเลย คือ แอปพลิเคชัน สำหรับ บัตรแรบบิท ที่เราจะสร้างประสบการณ์ใหม่ใน การใช้งานให้กับผู้บริโภคได้อย่างแท้จริง โดยผู้ถือบัตรแรบบิททุกคนสามารถเติมเงินผ่านแอปพลิเคชันบน โทรศัพท์มือถือของตัวเอง นอกจากนี้ยังสามารถเช็คยอดเงินคงเหลือได้อย่างสะดวกรวดเร็ว พร้อมตรวจสอบ ประวัติการใช้งานได้ และเราไม่หยุดพัฒนาแอปพลิเคชันไว้แค่นี้แน่นอน เพราะเรามีแผนการที่จะทำให้แอปฯ ของเรามีฟังก์ชันการใช้งานเพิ่มขึ้นที่สามารถรองรับความต้องการและไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการใช้งานร่วมกับการสะสมและแลกคะแนนแรบบิท รีวอร์ดส อย่างที่บอกว่า บัตรแรบบิทของเราเป็น common ticket ในระบบ eco-system ของเราอย่างแท้จริงทำให้เราไม่หยุดสร้างเครือข่ายของเราให้เข้มแข็ง มากขึ้น โดยในอนาคตอันใกล้ผู้ประกอบการรายย่อยจะสามารถรับการชำระค่าสินค้าและบริการต่างๆ ด้วย บัตรแรบบิทผ่านโทรศัพท์มือถือของตัวเองอย่างง่ายดายได้ด้วยแอปพลิเคชันที่เราจะพัฒนามาเพื่อใช้แทน เครื่องอ่านบัตรนั่นเอง”
“ในวันนี้ สำหรับชีวิตวิถีใหม่ของคนไทยสามารถดำเนินต่อไปได้อย่างไม่มีสะดุด เพียงมี ‘บัตรเครดิต อิออน แรบบิท แพลทินัม’ (AEON Rabbit Platinum Card) บัตรเครดิตสำหรับชีวิตยุคดิจิทัล ซึ่งเข้ามามีส่วนใน eco-system ของบัตรแรบบิท ให้เข้มแข็งเพิ่มมากขึ้น เพราะทุกการแตะบัตรใบนี้เพื่อชำระค่าโดยสาร ค่าอาหาร ค่าเครื่องดื่ม หรือค่าบริการต่างๆ ไม่ต้องกังวลว่าทุกการแตะบัตรเพื่อจ่ายเงินนั้นจะมีเงินอยู่ในบัตรพอเพียงหรือไม่ เพราะเมื่อเงินในฟังก์ชันแรบบิทที่อยู่ในบัตรใบนี้ไม่พอจ่ายค่าสินค้า/บริการ เงินจากวงเงินบัตรเครดิตก็จะเติมเข้า กระเป๋าบัตรแรบบิทโดยอัตโนมัติ และยังได้รับเครดิตเงิน 5% อีกด้วย”
“เมื่อประมาณกลางปี 2563 บัตรแแรบบิทได้รับความสำเร็จอีกขั้น ที่แสดงให้เห็นว่าเรายังเป็นที่หนึ่ง ในใจผู้บริโภค ด้วยการคว้ารางวัล Superbrands Award ในหมวด Banking/ Finance and Credit Card และ หมวดหมู่ย่อยในกลุ่ม E-money Services จาก Superbrands องค์กรซึ่งได้รับการยอมรับจากนานาชาติว่า เป็นองค์กรอิสระเพียงหน่วยงานเดียวในโลก ที่เป็นผู้ตัดสินด้านความเป็นเลิศด้านการสร้างแบรนด์ ซึ่งรางวัลนี้ เป็นรางวัลที่เหมือนเป็นพลังให้เราและทีมงานทุกๆ คน มีกำลังใจที่จะสร้างสรรค์เทคโนโลยีใหม่ๆ รวมถึง eco-system ของเราให้เข้มแข็งเพิ่มมากขึ้น ซึ่งนั่นหมายถึงจะทำให้บัตรแรบบิทของเราเป็นเพียงบัตรเดียวที่จะทำ ให้ทุกจังหวะชีวิตของทุกคนไม่มีสะดุดและมีไลฟ์สไตล์เหนือชั้นในยุคดิจิทัลอย่างแน่นอน”
“ที่สำคัญโปรเจ็คท์ในปี 2564 ยังมีอีกที่คาดว่าจะสร้างความตื่นเต้นให้กับวงการดิจิตอลอย่างแน่นอน เพราะเรากำลังร่วมพัฒนาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แบบสวมใส่รูปแบบใหม่ ที่รับรองว่าจะสามารถสร้างกระแส ความต้องการให้เกิดขึ้นด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำ จากการร่วมมือกับบริษัทแกดเจ็ตชั้นนำระดับโลกในการเนรมิตให้ “บัตรแรบบิท” กลายเป็นไอเทมสุดฮอตฮิตสำหรับคนรุ่นใหม่ ที่ตอนนี้ยังบอกอะไรมากไม่ได้แต่รับรองว่าภายใน ปี 2564 นี้ “แรบบิท” มีอะไรมาให้ทุกคนได้ตื่นเต้นกันอย่างแน่นอน” คุณรัชนี กล่าวปิดท้าย