วันศุกร์, พฤศจิกายน 22, 2024
Home > Cover Story > ซีอาร์ซีเขย่ายกแผง จัดทัพ “ท็อปส์-แฟมิลี่มาร์ท” เร่งสปีด

ซีอาร์ซีเขย่ายกแผง จัดทัพ “ท็อปส์-แฟมิลี่มาร์ท” เร่งสปีด

กลุ่มเซ็นทรัลกำลังเร่งเคลื่อนทัพ Food Retail หวังปลุกรายได้โค้งสุดท้ายก่อนปิดปี 2563 และปูทางลุยสงครามค้าปลีกในปี 2564 ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ยังต้องลุ้นฝ่าปัจจัยเสี่ยงรอบด้าน ทั้งประเด็นการเมือง ม็อบนักเรียนนักศึกษาขยายวง ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และน้ำท่วมใหญ่ที่กำลังเกิดขึ้นอย่างหนักหน่วง

ขณะเดียวกัน ภายใต้โครงสร้างธุรกิจหลักของบริษัทเซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ “ซีอาร์ซี” ทั้ง 3 กลุ่ม ประกอบด้วย กลุ่มแฟชั่นรีเทล จำหน่ายสินค้าเครื่่องแต่งกายและเครื่่องประดับ ได้แก่ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลห้างสรรพสินค้าโรบินสัน ซูเปอร์สปอร์ต เซ็นทรัลมาร์เก็ตติ้ง และห้างสรรพสินค้ารีนาเชนเต ในประเทศอิตาลี

กลุ่มฮาร์ดไลน์รีเทล จำหน่ายสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ สินค้าตกแต่งและปรับปรุุงบ้าน ได้แก่ ไทวัสดุุ บ้านแอนด์บียอนด์ เพาเวอร์บาย และเหงียนคิม เครือข่ายร้านจำหน่ายสินค้าประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้าและสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ขนาดกลาง-ใหญ่ ในประเทศเวียดนาม

สุดท้าย คือ กลุ่มฟู้ดรีเทล จำหน่ายสินค้าอุุปโภคบริโภคและสินค้าทั่วไป ได้แก่ เซ็นทรัลฟู้ดฮอลล์ ท็อปส์ แฟมิลี่มาร์ท บิ๊กซีเวียดนาม และลานชีมาร์ท เครือข่ายไฮเปอร์มาร์เก็ตขนาดเล็กถึงกลางในพื้นที่ชานเมืองและชนบทของประเทศเวียดนาม

ต้องถือว่า กลุ่มฟู้ดมีแนวโน้มเติบโตได้มากที่สุด เนื่องจากกำลังซื้อของผู้คนหดตัวตั้งแต่ต้นปี 2563 และยังไม่ฟื้นตัว ลูกค้าส่วนใหญ่เลือกจับจ่ายมากขึ้นและตัดของฟุ่มเฟือยเป็นอันดับแรก รวมถึงต้องปรับกลยุทธ์รองรับการแข่งขันกับคู่แข่งยักษ์ใหญ่ โดยเฉพาะกลุ่มเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) กลุ่มทีซีซี และเดอะมอลล์ ต่างแตกไลน์โมเดลธุรกิจฟู้ดรีเทลอย่างต่อเนื่อง

หากดูโครงสร้างรายได้ของซีอาร์ซีเปรียบเทียบ 3 ปีที่ผ่านมา กลุ่มฟู้ดสร้างรายได้ในสัดส่วนมากที่สุด โดยปี 2560 กลุ่มธุรกิจแฟชั่นมีรายได้ 68,746 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 36.6% กลุ่มฮาร์ดไลน์ 38,096 ล้านบาท สัดส่วน 20.3% และกลุ่มฟู้ด 81,157 ล้านบาท สัดส่วน 43.2%

ปี 2561 กลุ่มแฟชั่นมีรายได้ 75,228 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 36.4% กลุ่มฮาร์ดไลน์ 42,920 ล้านบาท สัดส่วน 20.8% และกลุ่มฟู้ด 88,472 ล้านบาท สัดส่วน 42.8%

ปี 2562 กลุ่มแฟชั่นมีรายได้ 77,442 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 34.8% กลุ่มฮาร์ดไลน์ 54,277 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 24.4% และกลุ่มฟู้ด 91,018 ล้านบาท สัดส่วน 40.8%

อย่างไรก็ตาม ในปี 2563 ภาพรวมรายได้ของซีอาร์ซีเติบโตติดลบจากผลพวงวิกฤตการณ์โควิด-19 เพราะธุรกิจในเครือต้องปิดทำการกว่า 80% ของพื้นที่ขายทั้งหมด ระยะเวลามากกว่าครึ่งของไตรมาส 2 หรือรวม 46 วัน จากทั้งหมด 91 วัน โดยไตรมาส 2 มีรายได้ 41,376 ล้านบาท ลดลง 21% และขาดทุนสุทธิ 2,519 ล้านบาท เติบโตติดลบ 243% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน รวมครึ่งปีแรกมีรายได้ทั้งสิ้น 95,661 ล้านบาท เติบโตลดลง 10% และขาดทุนสุทธิ 1,629 ล้านบาท ติดลบ 139%

นั่นทำให้ครึ่งปีหลังและไตรมาสสุดท้ายจะเป็นช่วงจังหวะการปลุกรายได้รอบใหม่ด้วยความคาดหวังเรื่องมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่ของคณะรัฐมนตรี “ประยุทธ์ 2/2” ซึ่งพุ่งเป้าหมายเร่งกำลังซื้อและกระตุ้นการท่องเที่ยวขนานใหญ่

ที่ผ่านมา กลุ่มเซ็นทรัลพยายามปรับรูปแบบและกลยุทธ์ต่างๆ เพื่อแยกเซกเมนต์และครอบคลุมกลุ่มลูกค้าทุกระดับ โดยเขย่าและพลิกกลยุทธ์แบรนด์สาขาต่างๆ ทั้งเซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ ท็อปส์มาร์เก็ต ท็อปส์ ซูเปอร์สโตร์ ซูเปอร์คุ้ม ท็อปส์เดลี่ และอีทไทย รวมถึงร้าน Specialty Store เซ็นทรัล ไวน์ เซลลาร์ เซกาเฟรโด ซาเนตติ เอสเพรสโซ และร้านสุขภาพและความงาม มัทซึโมโตะคิโยชิ โดยพยายามผลักดัน 3 แบรนด์หัวเรือหลัก คือ ท็อปส์มาร์เก็ต ท็อปส์เดลี่ และแฟมิลี่มาร์ท ไม่ว่าจะเป็นการรุกขยายสาขา ปรับโฉมและเพิ่มไฮไลท์ใหม่ดึงดูดกลุ่มเป้าหมาย

อย่างเช่น การลงทุนพลิกโฉมท็อปส์ มาร์เก็ต สาขาเวสต์เกต สู่ไลฟ์สไตล์พรีเมียมซูเปอร์มาร์เก็ต ชู 6 โซนใหม่ เพื่อสร้างความแตกต่างจากค่ายอื่น ได้แก่ โซน Baker’s Oven ร้านเบเกอรี่สไตล์โมเดิร์นแบบคาเฟ่ เสิร์ฟขนมปังอบสดใหม่ควบคู่กับมุมกาแฟ Coffee ARIGATO

โซน PETSTER จำหน่ายสินค้าที่เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง ทั้งสุนัข แมว นก หนู กระต่าย ปลา จำนวนกว่า 2,000 รายการ

โซน Healthiful รวบรวมอาหารเพื่อสุขภาพ ซึ่งต่างจากซูเปอร์มาร์เก็ตคู่แข่ง โดยเฉพาะการเพิ่มสินค้ากลุ่ม Gluten-free, Dairy-free, Egg-free และ Nut-free

โซน World of Snacks แยกกลุ่มขนมขบเคี้ยวออกมาอย่างชัดเจน จำนวนมากกว่า 100 แบรนด์ทั่วโลก

โซนบิวตี้สโตร์ LOOKS รวบรวมแบรนด์ความงามชั้นนำทั่วโลกกว่า 8,000 รายการ มีผู้แนะนำสเต็ปการแต่งหน้าและสินค้า “Best seller” และโซน at Taste พื้นที่นั่งรับประทานอาหารปรุงสดจากเชฟมืออาชีพ จำนวนนับ 100 เมนู ราคาเริ่มต้น 49 บาท หรือเลือกวัตถุดิบต่างๆ ให้เชฟปรุง โดยคิดค่าบริการปรุงอาหารเริ่มต้น 69 บาท

นอกจากนี้ ปลุกปั้นโมเดลศูนย์การค้า “ท็อปส์พลาซ่า” ภายในประกอบด้วยไฮเปอร์มาร์เก็ต “ท็อปส์ ซูเปอร์สโตร์” ร้านค้าในพื้นที่เช่าโซนพลาซ่า อาจมีห้างสรรพสินค้าโรบินสันและโรงภาพยนตร์ในบางสาขา โดยเปิดดำเนินการแล้วที่จังหวัดพะเยา พิจิตร สิงห์บุรี และเมืองพล จ. ขอนแก่น

ส่วนท็อปส์มาร์เก็ต ซึ่งซีอาร์ซีเพิ่มแผนกเซ็นทรัลไวน์เซลลาร์ในบางสาขาเพื่อตอบสนองต่อกลุ่มลูกค้ากำลังซื้อสูง และรุกเข้าไปขยายในโครงการคอมมูนิตี้มอลล์มากขึ้น เนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้ประชาชนหันมาเข้าใช้บริการในคอมมูนิตี้มอลล์แทนศูนย์การค้าขนาดใหญ่ โดยล่าสุดเปิดท็อปส์มาร์เก็ตในโครงการ Market Place Nawamin ของบริษัท สยามฟิวเจอร์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งทุ่มงบปรับปรุงพื้นที่และเปิดให้บริการเมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา

ด้านร้านสะดวกซื้อสไตล์มินิซูเปอร์มาร์เก็ต “ท็อปส์เดลี่” เน้นขยายในศูนย์การค้าและเปิดสาขาสแตนด์อะโลน เพื่อเสริมทัพและขยายฐานกลุ่มลูกค้าร่วมกับร้านแฟมิลี่มาร์ท โดยเฉพาะในสถานีบริการน้ำมัน และล่าสุดขยายความร่วมมือกับบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เพื่อเปิดสาขาในสถานีบริการน้ำมันบางจากทั่วประเทศ

ทั้งนี้ ช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา หลังซีอาร์ซีเข้าซื้อหุ้นแฟมิลี่มาร์ทเต็ม 100% บริษัทได้ประกาศรับสมัครแฟรนไชส์แฟมิลี่มาร์ทอย่างเต็มรูปแบบและชูจุดขายดัมป์เงินลงทุนต่ำกว่าคู่แข่งเจ้าตลาด คือ ผู้ลงทุนซื้อแฟรนไชส์ใช้เงินลงทุนต่ำเริ่มต้นประมาณ 440,000 แสนบาท มีการันตีรายได้ขั้นต่ำ 30,000 บาทต่อเดือน อายุสัญญาแฟรนไชส์นานถึง 6 ปี และมีธนาคารพิจารณาสินเชื่อเพื่อการลงทุนให้ด้วย

สเตฟาน คูม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร-ฟู้ด ซีอาร์ซี กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าขยายสาขาแฟรนไชส์แฟมิลี่มาร์ทมากกว่า 100 สาขา ภายในปี 2563 เน้นทำเลย่านชุมชน สถานีบริการน้ำมัน คอนโดมิเนียม จากปัจจุบันมีสาขารวมมากกว่า 1,100 แห่ง เชื่อว่าจะมีผู้สนใจจำนวนมาก เนื่องจากแฟมิลี่มาร์ทมีจุดแข็งด้าน Loyalty Platform ภายใต้กลุ่มเซ็นทรัลจากฐานข้อมูลสมาชิกเดอะวัน กว่า 17.3 ล้านคน สามารถออกแบบบริการ สิทธิพิเศษ โปรโมชันต่างๆ ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทุกไลฟ์สไตล์ มีบริการรับฝากซื้อสินค้าผ่านแอปพลิเคชัน Grab (แกร็บ) ทั้งแกร็บมาร์ท แกร็บฟู้ด บริการส่งสินค้ากับ Kerry Express บริการชำระค่าบริการด้วย CenPay หรือเลือกชำระค่าสินค้าไม่มีขั้นต่ำด้วยบัตรเครดิตและเดบิตได้

ทั้งหมดถือเป็นการเปิดแนวรบสงครามฟู้ดรีเทลแบบยกแผงของกลุ่มเซ็นทรัล แต่จะพลิกวิกฤตปลุกยอดขายเพิ่มขึ้นได้เท่าไร อีก 4 เดือนรู้กัน

ใส่ความเห็น